5 อาการผิดปกติขณะตั้งครรภ์ เป็นแล้ว…รีบพบหมอด่วน!

อาการคนท้องผิดปกติ

การตั้งครรภ์ เป็นช่วงที่มีความละเอียดอ่อนที่สุดของชีวิต ซึ่งคุณแม่ต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้มากขึ้น

และหมั่นสังเกต อาการผิดปกติขณะตั้งครรภ์ อยู่เสมอ เพราะในขณะตั้งครรภ์ ไม่เพียงอาการคนท้องที่มักจะเกิดขึ้นตามปกติเท่านั้น

แต่อาจมีภาวะเสี่ยงและโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์อีกด้วย

ซึ่งถือเป็น อาการคนท้องผิดปกติ ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง โดยส่วนใหญ่จะมีอาการที่ส่อถึงความผิดปกติ 5 อาการดังนี้

อาการผิดปกติขณะตั้งครรภ์ มีอะไรบ้าง?

1.อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย

อาการอ่อนเพลียและปัสสาวะบ่อย เป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ตามปกติ

แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของการเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์เช่นกัน

ดังนั้นคุณแม่จึงควรทำการตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด จะได้เตรียมตัวรับมือและทำการรักษาได้ทันนั่นเอง

โดยคุณแม่ที่มักจะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มากที่สุด ได้แก่

  • มีอายุมากกว่า 35 ปี
  • เคยคลอดลูกที่มีน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัมมาก่อน
  • มีประวัติพ่อแม่ ญาติพี่น้องเป็นเบาหวาน
  • มีการตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ
  • เคยมีประวัติลูกเสียชีวิตในท้องหรือหลังคลอดออกมาได้ไม่นาน

เพราะฉะนั้นคุณแม่ที่มีความเสี่ยง จึงควรสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองบ่อยๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อคุณแม่เท่านั้น

แต่ยังส่งผลต่อทารกน้อยในครรภ์อีกด้วย โดยอาจทำให้ทารกเป็นเบาหวาน ตัวเหลือง ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ

และอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตทั้งขณะอยู่ในครรภ์และหลังคลอดสูง

2.มีเลือดออกทางช่องคลอด และปวดท้องอย่างรุนแรง

เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ คุณแม่อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทารกฝังตัวในมดลูกทำให้มีเลือดออกมาเล็กน้อย

แต่หากอาการเลือดออกทางช่องคลอดเกิดขึ้นพร้อมกับอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และเลือดออกมากเกินไปจนผิดสังเกต

ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะนั่นอาจหมายถึงการแท้งนั่นเอง โดยภาวะแท้งนี้จะเสี่ยงมากในคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 1-2 เดือนแรก

และช่วง 7-9 เดือนตอนใกล้คลอด โดยการป้องกันภาวะแท้งสามารถทำได้ดังนี้

  • เลี่ยงการยกของหนักๆ และการกิจกรรมที่ต้องเกร็งหน้าท้อง เพราะจะทำให้มดลูกบีบตัวจนแท้งได้
  • พยายามเดินอย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการวิ่งอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อครรภ์
  • อย่าซื้อยากินเอง เพราะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจทำให้เกิดการแท้งเนื่องจากกินยาที่มีฤทธิ์ขับเลือดออกมา
  • ระวังอย่าให้หน้าท้องเกิดการกระแทก

3.ตัวบวม แขนบวม

อาการตัวบวม แขนบวม หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นภาวะหนึ่งของการตั้งครรภ์ แต่ความจริงแล้วอาการดังกล่าว

อาจเกิดจากภาวะความดันโลหิตสูง และเป็นสัญญาณอันตรายของโรคครรภ์เป็นพิษนั่นเอง นอกจากนี้ ก็อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย

เช่น ตาพร่ามัว ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และปวดท้องน้อย เป็นต้น ซึ่งในบางรายอาจมีอาการชักและเลือดออกในสมอง

จนถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็เสี่ยงต่อการเสียชีวิตของลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย

เพราะฉะนั้นอย่าได้นิ่งนอนใจเด็ดขาด โดยเราสามารถป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษได้ดังนี้

  • ตรวจสุขภาพก่อนคิดจะมีลูก ซึ่งหากพบว่ามีภาวะความดันโลหิตสูง ควรรักษาให้หายก่อนเริ่มปล่อยให้ตั้งครรภ์นั่นเอง
  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีรสเค็มหรือทานให้น้อยลง และควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นหลัก
  • รีบฝากครรภ์ทันทีเมื่อพบว่าตั้งครรภ์ และพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ พร้อมให้คำปรึกษาได้ดี
  • พยายามควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

4.แพ้ท้องมากกว่าปกติ

เมื่อมีอาการแพ้ท้องมากกว่าปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะครรภ์ไข่ปลาอุก ซึ่งก็คือ มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริงแต่ไม่มีตัวอ่อน

เมื่ออัลตราซาวน์จะพบเพียงเม็ดเล็กๆ ที่มีลักษณะเหมือนไข่ปลากระจายอยู่ทั่วโพรงมดลูก

โดยการตั้งครรภ์แบบนี้ไม่สามารถปล่อยให้ครรภ์เจริญเติบโตไปตามปกติได้ จำเป็นต้องทำแท้ง

และขูดเอาสิ่งผิดปกติในโพรงมดลูกออกมาตรวจหามะเร็งต่อไป โดยหากพบเซลล์ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง

คุณแม่จะต้องทำเคมีบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำลายเซลล์ดังกล่าวให้หมดไปจากมดลูก

ซึ่งภาวะดังกล่าวนี้ ถือเป็นภาวะที่อยู่เหนือการควบคุมไม่สามารถป้องกันได้ แต่ส่วนใหญ่จะพบได้ไม่บ่อยนัก

5.เลือดออกกะปริบกะปรอยตลอดการตั้งครรภ์

หากมีเลือดออกกะปริบกะปรอยตลอดการตั้งครรภ์ นั่นอาจเกิดจากภาวะรกเกาะต่ำ ทีมีความเสี่ยงทั้งต่อลูกน้อยและคุณแม่เลยทีเดียว

โดยเฉพาะเมื่อเกิดการแตกของเส้นเลือดใหญ่ เพราะจะทำให้คุณแม่เกิดภาวะตกเลือดและอาจช็อกเสียชีวิตในที่สุด

ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติดังกล่าว จึงควรพบแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อประเมินความเสี่ยงและหาแนวทางการป้องกันต่อไป

ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยลง และหยุดการออกกำลังกายหรือการวิ่งอย่างเด็ดขาด

รวมถึงห้ามมีเพศสัมพันธ์ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวจนเป็นอันตรายได้นั่นเอง อยางไรก็ตาม คุณแม่ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ

Credit : delfi.ee

อาการผิดปกติขณะตั้งครรภ์ เหล่านี้ เมื่อเป็นคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจเด็ดขาด เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย

และภาวะเสี่ยงที่เป็นอันตรายทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง และที่สำคัญเมื่อพบว่ามีการตั้งครรภ์

ควรรีบฝากครรภ์อย่างเร่งด่วน เพราะหากมี อาการคนท้องผิดปกติ เกิดขึ้นจะได้ตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ

และทำการรักษาพร้อมหาแนวทางป้องกันได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง