เมื่อมี ปัญหารอยแตกลาย หลายคนคงจะเคยได้ยินคำแนะนำให้ใช้เรตินเอในการรักษา ซึ่งเป็นตัวยาที่รู้จักกันดี
ในคุณสมบัติของการรักษาสิวและริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้บางคนเกิดความสงสัยว่าแล้ว เรตินเอ ลดรอยแตกลายได้จริงหรือ?
และมีวิธีการนำมาใช้อย่างไร โดยเราจะมาไขข้อข้องใจกันดังนี้ได้เลย
เรตินเอ (Retin-A) คืออะไร?
เรตินเอ คือตัวยารักษาสิวชนิดหนึ่ง ที่มีกรดวิตามินเอเป็นส่วนประกอบสำคัญ จึงสามารถแก้ปัญหาผิวได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะรอยแผลเป็นจากสิวและริ้วรอยต่างๆ จึงเป็นตัวยาที่ได้รับความนิยมจากสาวๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่เนื่องจากเรตินเอ (Retin-A) มีฤทธิ์แรง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้นั่นเอง
เรตินเอช่วยลดรอยแตกลายได้จริงหรือ?
ถึงแม้ว่า เรตินเอ จะเป็นยาที่มีคุณสมบัติในการรักษาสิวโดยตรง แต่ก็ยังคงมีคุณสมบัติในด้านอื่นๆ แอบแฝงอยู่ด้วย
หนึ่งในคุณสมบัติดังกล่าวก็คือ การลดรอยแตกลาย ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกที่สะโพก หน้าท้อง หน้าอก ต้นขาหรือต้นแขนก็ตาม
จึงสรุปได้ว่าเรตินเอสามารถใช้เพื่อลดรอยแตกลายได้จริงๆ โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้การยึดเกาะระหว่างผิวหนังหลวมมากขึ้น
ส่งผลให้รอยแตกค่อยๆ ดูจางลงและหายไปในที่สุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของรอยแตกเช่นกัน เพราะรอยแตกบางชนิดอาจทำได้แค่ลดรอยให้ดูจางลงเท่านั้น
วิธีใช้เรตินเอลดรอยแตกลาย
การนำเรตินเอมาใช้เพื่อลดรอยแตกลายจะมีลำดับขั้นตอนที่ดูยุ่งยากพอสมควร แต่หากทำได้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ
ก็จะช่วยลดรอยแตกลายให้จางลงอย่างได้ผลดีที่สุด โดยมีวิธีการใช้เรตินเอเพื่อลดรอยแตกลายดังนี้
1.ขั้นตอนแรก ให้เริ่มจากการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อน โดยระหว่างอาบน้ำให้ขัดผิวเบาๆ ไปด้วย
โดยเฉพาะบริเวณที่มีรอยแตกลาย ซึ่งจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้ดีและยังทำให้ผิวมีความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นยิ่งขึ้นอีกด้วย
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วให้เช็ดตัวให้แห้งและรอจนผิวแห้งสนิทประมาณ 10-15 นาที
2.ขั้นตอนที่สอง ให้บีบเนื้อครีมเรตินเอลงบนนิ้วมือในปริมาณที่เหมาะสม และนำมาถูวนให้ทั่วบริเวณที่มีรอยแตกลาย
3.ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อทาเรตินเอจนทั่วบริเวณที่มีรอยแตกลายแล้ว ให้นวดคลึงไปเรื่อยๆ ประมาณ 10-20 วินาที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
สำหรับการรักษารอยแตกลายด้วยวิธีนี้ แนะนำให้ทำก่อนนอนวันเว้นวันเท่านั้น เพราะด้วยความแรงของเนื้อครีมจึงอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหากทำบ่อยเกินไป
คำแนะนำเพื่อให้รอยแตกลายจางเร็วขึ้น
หากต้องการให้รอยแตกลายดูจางลงอย่างรวดเร็วมากขึ้น นอกจากการใช้เรตินเอแล้ว ก็มีวิธีอื่นๆ ที่ควรทำควบคู่กันไปเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่โดนใจที่สุด โดยมีวิธีดังนี้
ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ
การทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวอยู่เสมอ จึงทำให้ผิวมีความเนียนนุ่ม
กระชับและรอยแตกลายดูจางลง โดยให้เลือกครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ
เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและสามารถปกป้องผิวจากปัญหาผิวอื่นๆ ได้ดีนั่นเอง
ทานอาหารที่มีประโยชน์
การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวโดยตรง จะเป็นการบำรุงผิวและลดรอยแตกลายจากภายในสู่ภายนอก
ซึ่งแม้ว่าจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่ารอยแตกลายจะหมดไป แต่ก็ให้ผลดีมาก โดยเฉพาะเมื่อทำควบคู่ไปกับการรักษาด้วยเรตินเอเป็นประจำ
คุณสมบัติอื่นๆ ของเรตินเอ
เรตินเอ นอกจากมีคุณสมบัติในการรักษาสิวและช่วยลดรอยแตกลายได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว
ก็มีคุณสมบัติอื่นๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างมั่นใจอีกด้วย โดยประโยชน์ของเรตินเอ (Retin-A) ก็มีดังนี้
1.ช่วยลดความมันของผิว
โดยเรตินเอจะไปยับยั้งการผลิตน้ำมันใต้ผิวหนังให้ลดลง จึงทำให้ผิวมีความมันน้อยลง หรือบางคนอาจมีอาการหน้าแห้ง
ลอกเป็นขุยได้เลยทีเดียว ดังนั้นเรตินเอจึงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งสักเท่าไหร่
2.ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
การใช้เรตินเอยังช่วยทำให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึงและดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ก็สามารถลดเลือนรอยแผลที่เกิดจากสิวได้เช่นกัน
3.ปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น
เนื่องจากเรตินเอมีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป จึงทำให้ผิวดูกระจ่างใสและขาวขึ้นกว่าเดิมด้วยนั่นเอง
Credit : swr.de
จะเห็นได้ว่า เรตินเอ สามารถนำมาใช้เพื่อลดรอยแตกลายได้จริง หมดคำถาม “เรตินเอ ลดรอยแตกลายได้หรือไม่?” ได้อย่างไร้ข้อกังขา
แถมยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่มีปัญหา รอยแตกลาย
ก็ลอง รักษารอยแตกลาย เหล่านั้นด้วยเรตินเอกันดู คราวนี้ผิวหนังก็จะค่อยๆ กระชับเนียนใสขึ้น
รอยแตกลายค่อยๆ จางลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ รับรองว่าได้ผลลัพธ์ที่โดนใจแน่นอนค่ะ