โรคฮันนีมูน ภัยร้ายคุกคามกระเพาะปัสสาวะ โรคที่คู่รักควรระวัง !

โรคฮันนีมูน

โรคฮันนีมูน เป็นอีกหนึ่งโรคที่ถือว่าแปลกใหม่สำหรับหลายคน ฟังแค่ชื่อก็อาจจะคิดไปถึงโรคที่เกี่ยวกับคู่รักหรือเกี่ยวกับความรักหลังแต่งงานหรือเปล่า

ซึ่งจริงๆ แล้ว โรคฮันนีมูนนั้นเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบของท่อปัสสาวะ จะคล้ายๆ กับกระเพาะปัสสาวะอักเสบก็ว่าได้

และด้วยความที่เราควรจะต้องรู้ให้เท่าทันโรค วันนี้เราจึงนำข้อมูลของโรคฮันนีมูนมาฝาก โรคฮันนีมูนเป็นอย่างไร เราไปศึกษาข้อมูลพร้อมๆ กันเลย

โรคฮันนีมูน คืออะไร?

โรคฮันนีมูน (Honeymoon disease) คือโรคที่เป็นเฉพาะในผู้หญิง โดยจะเป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณท่อปัสสาวะ

บางรายอาจจะเกิดที่ช่องคลอดหรือกระเพาะปัสสาวะก็ได้เช่นกัน โดยการอักเสบมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์นั่นเอง

โรคฮันนีมูนมีกี่ประเภท

โดยโรคฮันนีมูนสามารถที่จะแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้

1.ประเภทอักเสบเรื้อรัง

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะปัสสาวะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงถึง 90% และอาจจะทำให้มีอาการเจ็บ ปวด และปัสสาวะบ่อย

2.ประเภทอักเสบจากการฉายรังสี

สาเหตุสำคัญก็จะมาจากการรักษามะเร็งปากมดลูก ซึ่งเมื่อทำการฉายรังสีก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อกระเพาะปัสสาวะ

3.ประเภทอักเสบจากการให้เคมีบำบัด

ประเภทนี้อาจจะไม่ส่งผลต่อกระเพาะปัสสาวะโดยตรง เพราะการให้เคมีบำบัดมีผลกระทบต่อภูมิคุ้มกันที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะปัสสาวะ โดยจะทำให้เกิดตกขาว และเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะเป็นแผลขนาดเล็ก

สาเหตุของโรคฮันนีมูน

สาเหตุก็สามารถที่จะศึกษาได้จากชนิดของโรค แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากประเภทอักเสบเรื้อรัง

โดยสามารถอธิบายสาเหตุได้คือ สาเหตุของโรคฮันนีมูนเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ เชื้อเอชเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli)

หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เชื้ออีโคไล โดยจะส่งผลต่อผู้หญิงได้โดยตรง ถ้าหากไม่รู้จักรักษาสุขอนามัยของตัวเอง

อย่างเช่น เวลาทำความสะอาด บางคนจะเริ่มเช็ดจากช่องคลอดมาถึงบริเวณที่เป็นท่อปัสสาวะ จึงทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายๆ

บุคคลที่เสี่ยงเป็นโรคฮันนีมูน

นอกจากสาเหตุการติดเชื้อที่ทำให้เกิดความเสี่ยงได้มากแล้ว บางรายเองก็อาจจะมีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้เช่นกัน โดยบุคคลที่เสี่ยงมีดังนี้

1.ผู้ที่มีกิจกรรมทางเพศอยู่บ่อยๆ

2.ผู้ที่ไม่มีการหล่อลื่นในขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์

3.ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย

4.ผู้ที่กลั้นปัสสาวะไว้นาน หรือบ่อยเกินไป

5.ผู้ที่มีปัญหาภาวะภูมิต้านทานต่ำ

โดยกลุ่มความเสี่ยงที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นกลุ่มความเสี่ยงพื้นฐานที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ หากจะเจาะจงเพศ ก็สามารถบ่งบอกกลุ่มเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนี้

เพศหญิง

เป็นเพศที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ถึง 50% โดยสำหรับกลุ่มเสี่ยงที่สามารถเจาะจงได้สำหรับผู้หญิงก็คือ

1.ผู้หญิงตั้งครรภ์ สาเหตุเป็นเพราะร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จึงทำให้การติดเชื้อง่ายกว่าภาวะปกติ

2.วัยหมดประจำเดือน เพราะเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน จึงสามารถทำให้เกิดภาวการณ์ติดเชื้อได้ง่าย

3.ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเป็นกลุ่มที่ส่งผลต่อความเสี่ยง เนื่องจากน้ำตาลเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในอวัยวะสืบพันธุ์เจริญเติบโตได้ดี

4.ผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในอวัยวะสืบพันธุ์ สามารถที่จะเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

เพศชาย

เพศชายจะมีความแตกต่างกับเพศหญิงมากพอสมควร เพราะเนื่องจากท่อปัสสาวะของเพศชาย จะยาวกว่าท่อปัสสาวะของเพศหญิง

จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแบคทีเรียอีโคไล ในการที่จะไปถึงกระเพาะปัสสาวะและทำให้เกิดอาการอักเสบได้

อาการของโรคฮันนีมูน

สำหรับอาการของโรคฮันนีมูน ผู้ป่วยสามารถที่จะสังเกตอาการเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง โดยอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้มีดังนี้

  • ปวดปัสสาวะบ่อย
  • รู้สึกเจ็บในขณะปัสสาวะ
  • มีเลือดออกในขณะปัสสาวะ
  • มีอาการคันบริเวณขาหนีบ
  • มีอาการไม่สบายตัว แม้จะไม่ปัสสาวะ
  • ปวดอุ้งเชิงกราน
  • ปัสสาวะได้น้อย และไม่สามารถเบ่งได้
  • มีอาการอ่อนเพลีย และเมื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งถึงว่าเป็นอาการเบื้องต้นของการเป็นโรคฮันนีมูนที่สามารถสังเกตได้ แต่หากมีอาการอื่นร่วมด้วย

ไม่ว่าจะเป็นไข้ คลื่นไส้ ปวดหลัง ก็ถือเป็นอาการร่วมที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเกิดการติดเชื้อลุกลามไปยังบริเวณไต

การวินิจฉัยโรคฮันนีมูน

การวินิจฉัยโรคฮันนีมูน แพทย์จะเลือกใช้การตรวจปัสสาวะ เพราะจะทำให้พบเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลทำให้เกิดโรคได้อย่างชัดเจน และส่วนใหญ่แพทย์จะใช้วิธีนี้วิธีเดียวสำหรับการวินิจฉัยโรคฮันนีมูน

วิธีรักษาโรคฮันนีมูน

ในส่วนของวิธีรักษาโรคฮันนีมูนนั้น สามารถที่จะรักษาได้หลายวิธี ดังนี้

1.รักษาด้วยการใช้ยา โดยแพทย์จะเริ่มจากการจ่ายยาปฎิชีวนะให้กับผู้ป่วย และจ่ายยาตามประวัติ โดยจะต้องรับประทานยา 2 สัปดาห์

2.งดการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน เพราะการงดกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยให้อาการอักเสบหายเร็วยิ่งขึ้น

วิธีป้องกันโรคฮันนีมูน

สำหรับวิธีป้องกันโรคฮันนีมูนนั้น มีความจำเป็นอย่างมาก โดยสามารถที่จะป้องกันได้ ดังนี้

1.การทำความสะอาด ควรใส่ใจทำความสะอาดอวัยวะเพศเป็นอย่างดี โดยเฉพาะก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์

และหลังการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเป็นการป้องกันการสร้างและขยายตัวของเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องคลอด

2.ดื่มน้ำให้มาก เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกัน โดยควรที่จะต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยในการระบายเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรียที่อยู่บริเวณกระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ

3.ดื่มน้ำแครนเบอร์ เนื่องจากน้ำแครนเบอร์รี่จะช่วยลดการยึดเกาะของเชื้ออีโคไลในท่อปัสสาวะ จึงสามารถป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคฮันนีมูนตามมา

4.ไม่ใช้น้ำหอมและสเปรย์ เพราะการใช้น้ำหอม หรือสเปรย์บริเวณจุดซ่อนเร้นจะส่งผลทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อท่อปัสสาวะได้มากยิ่งขึ้น

5.เช็ดให้ถูกวิธี ในการทำความสะอาดอวัยวะเพศ การเช็ดล้างให้สะอาดและถูกวิธีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยควรที่จะเช็ดจากด้านหน้าไปสู่ด้านหลัง

เพื่อป้องกันแบคทีเรียที่อยู่บริเวณทวารหนักไม่เข้ามาเกาะติดบริเวณท่อปัสสาวะ จนทำให้เกิดการติดเชื้อที่บริเวณท่อปัสสาวะนั่นเอง

6.มีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสม ควรที่จำกัดปริมาณในการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ควรมีบ่อยมากจนเกินไป เพราะหากมีเพศสัมพันธ์บ่อยมากเกินไปก็อาจจะทำให้ท่อปัสสาวะและช่องคลอดอักเสบได้

นอกจากวิธีเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่จะสามารถช่วยป้องกันโรคฮันนีมูนได้ แต่ทั้งนี้สิ่งสำคัญก็คือ การรักษาความสะอาด

เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะได้ดีมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญห้ามกลั้นปัสสาวะ เด็ดขาด เพราะจะทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบได้

Credit : amarinbabyandkids.com

โรคฮันนีมูน เป็นคู่ปรับกับผู้หญิงมากทีเดียว แต่หากรู้จักป้องกันด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำจากเรา รับรองว่าโรคฮันนีมูนจะไม่กล้ามาเยือนร่างกายแน่นอน