อยากจัดฟัน ต้องทำอย่างไรบ้าง

อยากจัดฟัน ต้องทำไงบ้าง

ปัจจุบัน การจัดฟัน จะพบกันมากใน ทุกเพศทุกวัย โดยส่วนมาก จะจัดฟันเพื่อรักษาปัญหาฟันด้านต่างๆ แต่ก็มีบางส่วนที่ จัดฟันตามแฟชั่น

เห็นเพื่อนจัดฟัน ก็จัดฟันบ้าง แล้วไปจัดฟันกับทันตแพทย์ ทั้งที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันเลย หรือไปจัดฟันกับหมอเถื่อน ที่หลอกขายเหล็กดัดฟันปลอมราคาถูก ไม่มีคุณภาพ

ขอแค่มี เหล็กดัดฟัน สวยๆ ติดบนฟันเราก็พอ โดยไม่รู้ว่า จะทำให้เกิดอันตรายกับตัวเอง ในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้

ปัจจุบัน สถานที่รับจัดฟันมีจำนวนมาก บ้างที่หรือส่วนใหญ่ก็ไม่ใช้ทันตแพทย์เลยก็มี แต่ก็มีลูกค้าเข้ารับการจัดฟันเยอะมาก

โดยไม่รู้ถึงอันตราย เพราะคิดว่า สถานที่รับจัดฟัน ปลอดภัยมีหน้าร้านชัดเจน

แต่คิดไม่ถึงว่า อุปกรณ์เครื่องมือจัดฟันนั้น มีคุณภาพและปลอดภัยหรือไม่ คนที่จัดฟันให้เรานั้น มีฝีมือในการจัดฟัน ให้เราปลอดภัยไหม

ก่อนการเข้ารับการจัดฟัน เราควรรู้ข้อมูลก่อนว่าการจัดฟัน คืออะไรแล้วมีขั้นตอนยังใงบ้าง?

ทันตแพทย์ที่รักษาฟันนั้น มีหลายสาขา ซึ่งทันตแพทย์เฉพาะทางที่จะรักษาในด้านเทคนิคต่างๆ นั้น ต้องเข้าศึกษาและอบรบด้านนั้นๆ อีกหลายปี

จนได้รับอนุมัติบัตร หรือวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาทันตกรรมสาขานั้นๆ จึงจะได้เป็นทันตแพทย์เฉพาะทางด้านนั้น

ทันตแพทย์ ทุกคนสามารถรักษาฟันและจัดฟันได้ แต่จะไม่ชำนาญเท่าทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน นั่นเอง

การจัดฟัน คือ การแก้ไขปัญหาการจัดเรียงของฟันในช่องปากที่ไม่เสมอกัน ทำให้เรารับประทานอาหารลำบาก เพราะฟันของเราจะเรียงตัวไม่เสมอกัน

ทำให้เคี้ยวอาหารลำบาก แก้อาหารปวดกราม ที่ต้องรับหน้าที่ในการยึดเกาะของฟัน เป็นปัญหาในการใช้ชีวิต

และที่นิยมจัดฟันกันมากที่สุดคือ การแก้ปัญหาฟันที่ยื่น หรือไม่สวยงาม เวลาเรายิ้มหรือพูดคุย จึงต้องจัดฟันให้สวยงาม ไม่เสียบุคลิก รูปหน้าได้รูป

แล้วฟันรูปแบบไหนบ้าง ที่ต้องเข้ารับการจัดฟัน

1.ฟันยื่น

ฟันบนหรือฟันล่าง ยื่นห่างจากฟันอีกด้านมากไม่เสมอกัน

2.ฟันสบเปิด

ฟันกรามจะเสมอกัน แต่ฟันบริเวณด้านหน้าจะห่างกันเป็นช่องว่างระหว่างฟันบนและฟันล่าง

3.ฟันสบลึก

ฟันที่มีขนาดเล็ก โผล่พ้นเหงือกไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็น ฟันด้านบนหรือฟันด้านล่าง

4.ฟันซ้อนเก

ฟันที่มีจำนวนมาก ทำให้เกิดการซ้อนเกของฟันไม่เป็นระเบียบ

5.ฟันห่าง

การเรียงตัวของฟันไม่เบียดชิดกัน ทำให้มองเห็นช่องว่างระหว่างฟันได้ชัดเจน

6.ฟันกัดเบี้ยว

ฟันที่เมื่อเรากัดฟันแล้ว ฟันบน กับฟันล่างจะไม่เสมอกัน

ต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ในการจัดฟัน

ระยะเวลาในการจัดฟัน ของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน แล้วแต่ปัญหาการเรียงฟันของคนนั้นๆ โดยฟันจะปรับสะภาพเข้าที่ประมาณ 1 มิลลิเมตร ต่อเดือน

ระยะเวลาที่ฟันจะเข้าที่ ประมาณ 1 – 4 ปี และ ทุกๆ 1 เดือน ทันตแพทย์จะนัดตรวจดูอาการของฟัน และจะปรับหรือเปลี่ยนเครื่องมือ ให้เข้ากับสภาพฟัน

ควรเข้ารับการตรวจฟันเป็นประจำ และตรงเวลาที่ทันตแพทย์นัดจะดีต่อตัวท่านเอง

ก่อนจัดฟันต้องทำอะไรบ้าง?

เอ็กซเรย์ฟัน

Credit Image: kfadentalny.com

1.หากมีปัญหาสุขภาพ หรือ โรคติดต่อ เพราะการรักษาอาจเกิดบาดแผล ควรแจ้งทันตแพทย์ที่รักษาว่า เรามีโรคอะไรบ้าง หรือ แพ้ อาหาร และยา อะไรบ้างเพื่อจะไม่เกิดปัญหาในการรักษาฟันของเรา

2.เข้ารับการจัดฟัน ครั้งแรก ทันตแพทย์จะถ่ายรูปเอกซเรย์ช่องปาก เพื่อกำหนดรูปแบบการรักษาจัดฟัน และตกลงค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ของขั้นตอนการรักษา กับผู้เข้ารับการจัดฟันว่า ถึงแม้ว่า เราจะไม่เข้ารับการจัดฟัน เราก็ต้องจ่ายเงินค่าตรวจฟันครั้งแรกด้วย

3. เมื่อตกลงเข้ารักษาฟันแล้ว ก่อนจะจัดฟัน ทันตแพทย์จะรักษา ส่วนต่างๆ ในช่องปากก่อน เช่น ฟันพุ ขูดหินปูน อุดฟัน และเครือบฟันให้ก่อน เพื่อสุขภาพฟัน และความสะอาดในช่องปาก เพราะจะสะดวกในการจัดฟัน ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันด้านอื่นๆ ตามมา ให้แก้ภายหลัง

ควรปรึกษาทันตแพทย์ให้ละเอียดในการรักษา และดูแลฟันทุกขั้นตอน ถ้าเราดูแลฟันไม่ดี อาจต้องจัดฟันใหม่ทั้งหมดเลยก็ได้

ซึ่งเราต้องทำตามทันตแพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด เพราะฟันเป็นของเรา เกิดปัญหาแล้ว อาจต้องเสียทั้งเวลา เสียเงิน และสุขภาพ

เมื่อเข้ารับการรักษาแล้ว อาจจะไม่คุ้นชินกับเครื่องมือต่างๆ และอาจเกิดบาลแผลในการรักษา ช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก ไม่ควรรับประทานของแข็ง และมีรสจัด

ควรค่อยๆ รับประทานอาหารที่มีรสอ่อนและนิ่มก่อน เพื่อให้ฟันเราปรับสภาพกับเครื่องมือ

ระหว่างรอดูอาการ ถ้าเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟัน หรือภายในช่องปาก ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ที่รักษาเราในทันที เพราะอาจเกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้นได้