ภาวะสมองขาดเลือด โรคอันตรายที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก

 

ภาวะสมองขาดเลือด เป็นโรคที่สามารถพบได้บ่อยในประเทศไทย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าโรคนี้คืออะไร

ซึ่งนอกจากจะเป็นโรคร้ายที่ยากต่อการรักษาแล้ว โรคนี้ยังสร้างปัญหาและความทุกข์ใจให้กับผู้ป่วย

และครอบครัวของผู้ป่วยเป็นระยะเวลานาน ที่จะต้องเผชิญกับเรื่องของการดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

จึงเป็นเหตุให้ต้องเสียทั้งค่าใช้จ่าย เสียทั้งเวลาและยังเสียโอกาสอีกหลาย ๆ อย่าง

ดังนั้น มาทำความรู้จักภาวะสมองขาดเลือดให้มากขึ้นกัน เพื่อที่จะได้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดกับตัวเองและคนรอบข้างในอนาคต

ภาวะสมองขาดเลือด คืออะไร ?

ภาวะสมองขาดเลือด (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดจากการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด หรือหลอดเลือดสมอง

จนทำให้ไม่สามารถนำเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ (คล้าย ๆ กับปัญหาโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่เปลี่ยนมาเป็นสมอง)

ซึ่งจะทำให้เซลล์สมองเสียหาย และอาจมีบางส่วนที่ตายได้ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์นั้น จะขึ้นอยู่กับว่า

เซลล์สมองส่วนใดที่ได้รับความเสียหายจากภาวะขาดเลือด หากเป็นเซลล์สมองด้านซ้าย ก็อาจทำให้เกิดการเป็นอัมพาตซีกขวา

และมีปัญหาเกี่ยวกับการพูด แต่ถ้าเป็นเซลล์สมองด้านขวา ก็อาจทำให้เกิดการเป็นอัมพาตซีกซ้ายได้

แต่นอกจากการอุดตันของหลอดเลือดแล้ว ก็ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดได้ นั่นก็คือ การที่หลอดเลือดแตก

จนทำให้เกิดเลือดออกในสมอง แต่เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ยังถือว่าเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ

สาเหตุของภาวะสมองขาดเลือด

สำหรับสาเหตุหลักที่แท้จริงของภาวะสมองขาดเลือด ก็คือการที่มีไขมันไปอุดตันที่ผนังหลอดเลือด ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในส่วนของโรค

ซึ่งเกิดจากปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ

  • ระดับไขมันในเลือดสูง – โดยเฉพาะไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดภาวะสมองขาดเลือด
  • ความดันโลหิตสูง
  • สูบบุหรี่ – ในบุหรี่มีสารพิษต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิโคติน ทาร์ คาร์บอนมอนออกไซด์ ซึ่งล้วนแต่เป็นการทำลายผนังหลอดเลือดหัวใจ และเป็นตัวขัดขวางการนำออกซิเจนเข้าสู่สมอง
  • เป็นโรคอ้วน – การทานอาหารที่ไม่ถูกต้องตามโภชนาการ ส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกิน จึงทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้
  • เป็นโรคเบาหวาน – หากมีปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อหลอดเลือดได้
  • เป็นโรคเก๊าท์

อาการของภาวะสมองขาดเลือด

ถึงแม้ว่า การที่ภาวะสมองขาดเลือด จะมีผลร้ายแรงถึงขั้นทำให้เซลล์สมองตายจนเกิดความเสียหายกับร่างกายได้

แต่ก็ใช่ว่าเมื่อขาดเลือดแล้ว เซลล์ต่าง ๆ ก็จะเริ่มตายทันที แต่จะมีสัญญาณเตือน หรือสัญญาณนำ เพื่อให้ผู้ป่วย

ได้มีโอกาสไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ซึ่งจะสามารถรักษาให้ภาวะนี้หายเป็นปกติได้ โดยอาการนำต่าง ๆ มีเป็นสัญญาณเตือน มีดังต่อไปนี้

1.เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา หรือการมองเห็น เช่น มองเห็นภาพเบลอ ภาพซ้อน หรือมีอาการตาบอดชั่วคราว

ทั้งที่ไม่เคยมีอาการนี้มาก่อน หรือไม่ได้รับการถูกกระแทกที่ศีรษะแต่อย่างใด

2.เกิดอาการสับสน และมีปัญหาในเรื่องของการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ

บางครั้งอาจพบปัญหาเรื่องของการความจำเสื่อมชั่วคราว รวมทั้งการคิดแบบไม่เป็นเหตุเป็นผล

3.มีปัญหาเกี่ยวกับการพูด อาจจะไม่สามารถพูดได้ตามปกติ หรือเกิดอาการลิ้นแข็ง ลิ้นคับปาก

ในบางรายอาจจะมีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงคำหรือเรียบเรียงประโยค ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

4.รู้สึกชา และกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะบริเวณนิ้วมือ มือ แขน ขา หรืออาจจะเป็นที่ร่างกายซีกใดซีกหนึ่งเลยก็เป็นได้

ยิ่งถ้าหากมีอาการรุนแรงมากขึ้น อาจไม่สามารถขยับได้เลย หรือที่เรียกว่าเป็นอัมพาต

5.เวียนศีรษะ ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลงดื้อ ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นแบะกะทันหัน และหายไปเองในเวลาไม่นาน

วิธีรักษาภาวะสมองขาดเลือด

เมื่อพบว่ามีสัญญาณเตือน หรืออาการนำตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที

ว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่ เพราะถ้าหากเป็นก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยที่ไม่เกิดปัญหาใด ๆ กับร่างกาย โดยส่วนมากแพทย์

มักจะทำการรักษาตามอาการก่อน ซึ่งอาจจะเริ่มจากการให้ยาสลายลิ่มเลือด หรือยาลดไขมัน ซึ่งในระหว่างนี้ก็อาจจะต้อง

ระวังเรื่องของโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเพิ่มขึ้นได้ เช่น

  • ภาวะสมองบวม ที่เกิดจากเนื้อเยื่อสมองบางส่วนถูกทำลายจนได้รับความเสียหาย
  • การมีเลือดออกในสมอง อันเกิดจากที่หลอดเลือดแดงแตก ทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น
  • การติดเชื้อในอวัยวะส่วนต่าง ๆ
  • โรคปอดบวม

ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรง จนอาจถึงขั้นเป็นอัมพาตในระยะเบื้องต้นแล้ว ก็จะต้องมีการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดต่อไป

และจะต้องระวังเรื่องของแผลกดทับมากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยอาจไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้  ซึ่งถ้าหากอาการยังไม่รุนแรง

มีการพบแพทย์ และทำกายภาพบำบัดสม่ำเสมอ ก็มีโอกาสที่ผู้ป่วยจะหายได้

วิธีป้องกันภาวะสมองขาดเลือด

เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่ทำให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดนี้ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงและควบคุมได้ ปัจจุบัน

แพทย์จึงมักจะแนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ได้ทำการตรวจร่างกายเพื่อหาความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากรู้ไว

ก็สามารถรักษาได้ไวและหายขาด ซึ่งถ้าหากยังไม่พบเจอความเสี่ยง ก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • ออกกำลังกายเป็นประจำและสม่ำเสมอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ และควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนจนเกินไป
  • งดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงสถานอโคจรที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่
  • หางานอดิเรกทำ หรือไปเที่ยวพักผ่อน เพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดบ้าง
  • ตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

Credit : health.mthai.com

ภาวะสมองขาดเลือด เป็นภาวะที่ยังไม่สามารถป้องกันได้แบบ 100% ทำได้เพียงการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิด

ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้เพียงเท่านั้น และถ้าหากเกิดความผิดปกติขึ้น ก็ต้องรีบพบแพทย์ในทันที

ซึ่งความรวดเร็วเท่านั้นที่จะช่วยรักษาผู้ป่วยโรคนี้ให้หายเป็นปกติได้ เพราะฉะนั้นจึงควรหมั่นสังเกตตัวเอง

และคนในครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นจนไม่สามารถรักษาได้ทันเวลา