สาเหตุของการเกิดสิวที่เดิมซ้ำๆ ก็มาจากการอุดตันของสิวที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซ้อน เพราะโดยปกติแล้ว เมื่อสิวขึ้น
สาวๆ หลายคนมักเลือกใช้ยาแต้มสิวเพื่อแต้มให้สิวยุบตัวลงไป และเมื่อสิวยุบตัวลง แต่ไขมันอันเป็นตัวการทำให้เกิดสิว
กลับไม่ได้ถูกกระตุ้นให้หลุดออก ดังนั้น เมื่อได้รับปัจจัยต่างๆ ที่กระตุ้นทำให้เกิดสิวขึ้นอีก ไขมันที่อุดตันอยู่ที่เดิมจึงพยายามดันตัวผุดขึ้น
ส่งผลให้สิวมีการอักเสบและวนเวียนขึ้นแต่ที่เดิมซ้ำซากไม่หายขาดสักที นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหลากพฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิว
โดยไม่รู้ตัวอีกหลายอย่างที่สาวๆ ต้องรู้ เพราะฉะนั้น หากสาวๆ คนไหนต้องการ รักษาสิวให้หายขาด
บอกลาวงจรสิวไม่ให้หวนกลับมาเป็นอีก เรามีคำตอบมาฝากกันแล้วค่ะ
วิธีรักษาสิวให้หายขาด ไม่กลับมาเป็นซ้ำที่เดิม ทำได้อย่างไร?
แน่นอนว่า หากสาวๆ พบเจอปัญหาสิวที่มักขึ้นซ้ำในจุดๆ เดิม คงถึงเวลากันแล้ว
ที่เราจะงัด วิธีรักษาสิวที่ขึ้นจุดเดิมซ้ำๆ ให้หายขาด มาใช้สักที ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีการรักษาดังต่อไปนี้ มาดูกันค่ะว่าต้องทำอย่างไร
1.กดสิวให้ถูกวิธี
การที่สิวกลับมาขึ้นที่เดิมซ้ำๆ นั่นก็เพราะเชื้อสิวยังคงฝังอยู่ภายในดังเดิม ดังนั้น วิธีรักษาสิวให้หายไปโดยที่ไม่มีสิวหวนกลับมาขึ้นจุดเดิมซ้ำๆ อีกก็คือ การกดสิวนั่นเอง
แต่สาวๆ จะต้องกดสิวให้ถูกต้องเท่านั้น เพราะหากกดแบบผิดวิธี โดยกดเอาแต่หนองสิวออก
แต่หัวสิวไม่ได้หลุดออกมาด้วยก็ย่อมทำให้สิวกลับมาขึ้นที่เดิมซ้ำๆ ไม่รู้จบ
วิธีกดสิวที่ถูกต้องควรทำอย่างไร?
วิธีกดสิวที่ถูกต้อง ทำได้ง่ายมาก โดยก่อนกดสิวให้สาวๆ นำผ้าขนหนูผืนสะอาดมาชุบน้ำอุ่นบิดหมาด
จากนั้นนำมาประคบหัวสิวที่เราต้องการกดสักครู่ ในส่วนที่กดสิวและเข็มซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการกดสิวชิ้นหลัก
ก็ควรทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์เป็นอย่างดีก่อนเช่นกัน สำหรับขั้นตอนของการกดสิวนั้น เริ่มจากให้ใช้เข็มสะกิดหัวสิว
เพื่อให้หัวสิวเปิดออกก่อน แล้วจึงใช้ที่กดสิวมากดลงไป โดยเล็งให้หัวสิวอยู่ตรงกลางห่วงที่เราต้องการกดพอดี
จากนั้นค่อยๆ กดลงไปอย่างเบามือ เมื่อเห็นว่าหัวสิวเริ่มหลุดออกมาแล้ว ก็ให้ใช้เข็มหรือคอตตอนบัดสะกิดเอาหัวสิวให้หลุดออกมามากขึ้น
จากนั้นให้นำสำลีชุบน้ำเกลือมาล้างทำความสะอาดแผลที่กดสิว แล้วแต้มด้วย ยารักษาสิว
เพียงเท่านี้ ผิวหน้าสาวๆ ก็จะไม่มีสิวอุดตันหวนกลับมาเป็นที่เดิมซ้ำๆ อีกต่อไปแล้วค่ะ
2.รักษาด้วยการฉีดสิว
นอกจากการกดสิวด้วยตัวคุณเองแล้ว ขณะเดียวกัน เชื่อว่ายังมีสาวๆ บางส่วนที่ไม่กล้ากดสิวด้วยตัวเอง อาจเพราะใจไม่กล้าพอ
กลัวเจ็บ กลัวมีรอยแผลเป็นหรือทำให้เกิดรอยหลุมสิว ถ้าเช่นนั้น แนะนำให้รักษากับคลินิกความงามเพื่อให้คุณหมอทำการฉีดสิว
และกดหัวสิวออกมาให้แทนก็ได้ เพราะวิธีนี้ค่อนข้างได้ผลดี และทำให้สิวหายเร็วโดยที่ไม่ทิ้งรอยแผลช้ำๆ เอาไว้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี ไม่ควรฉีดสิวบ่อยโดยที่ไม่ได้กดหัวสิวออกมาเด็ดขาด เนื่องจากสิวอุดตันอาจกลับมาอักเสบและขึ้นที่เดิมซ้ำอีกได้
3.ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ
หลังจากรักษาสิวจนหายดีแล้ว สาวๆ ควรใส่ใจล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน
เหมาะสมกับสภาพผิว ล้างเป็นประจำเช้า-เย็น หากแต่งหน้าด้วยแล้ว ยิ่งควรเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดจดก่อน
จากนั้นจึงล้างหน้าตามขั้นตอนปกติต่อไป เพราะหากเราไม่รักษาความสะอาดของผิวหน้าให้ดี สิ่งสกปรก
และสารเคมีจากเครื่องสำอางก็จะต้องตกค้างจนทำให้มีสิวอักเสบหวนกลับมาขึ้นที่เดิมและที่ใหม่ๆ ได้อีกแน่นอน
4.เลือกใช้เครื่องสำอางสูตร Oil-free
สาวๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน เพราะมันจะทำให้มีสิวอุดตันหวนมาบุกขึ้นหน้าอีกได้นั่นเอง
คราวนี้สิวก็จะพากันแห่มาผุดขึ้นหน้าอีกพรึ่บโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว แนะนำ ให้ใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าสูตร Oil-free เท่านั้น เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ
ถ้าหลีกเลี่ยงได้ตามนี้ รับรองนี่จะเป็นวิธีการดูแลผิวในเบื้องต้นที่ดี ทำให้ผิวหน้าใสไร้สิวกวนใจได้มากขึ้นแล้วค่ะ
5.หลีกเลี่ยงการนอนดึก
เพราะการนอนหลับ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยซ่อมแซมผิวจากภายในได้เป็นอย่างดี สาวๆ ที่กลัวสิวจะมาเยือนซ้ำบ่อยๆ
แนะนำให้รีบเข้านอนก่อน 4 ทุ่มจะดีที่สุด หรือนอนดึกเต็มที่ไม่ควรเกิน 5 ทุ่ม และควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้น
เนื่องจาก กระบวนการซ่อมแซมผิวที่สึกหรอ จะทำหน้าที่ในระหว่างที่เรานอนหลับสนิท แถมฮอร์โมนแห่งผิวสวยก็จะหลั่งออกมาในระหว่างช่วง 4 ทุ่มถึงตี 2 หากไม่อยากแก่เร็ว นี่จึงคือเหตุผลที่คุณรีบเข้านอนเร็ว นั่นเอง
ตรงกันข้าม หากสาวๆ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอบวกกับภาวะความเครียด ผิวจะก็ยิ่งกระตุ้นต่อมไขมันให้หลั่งออกมาในปริมาณมากขึ้น
จนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้นได้ง่ายดาย และยังเพิ่มโอกาสให้สิวหวนกลับมาเป็นที่เดิมซ้ำๆ ได้อีกด้วย