คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ความแข็งแรงของร่างกายก็ย่อมเสื่อมสภาพลงตามวันเวลา โดยเฉพาะ วัยสูงอายุ ที่มักมาพร้อมปัญหาสุขภาพต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสายตาฝ้าฟาง สมองเสื่อม ปัญหากระดูกและข้อ รวมถึง โรคที่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ
เช่น โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง และโรคเบาหวาน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีอาการอ่อนเพลียเหนื่อยง่าย
ซึ่งมักเป็นอาการโดยทั่วไปของผู้สูงอายุ เราจึงควรใส่ใจดูแลสุขภาพของท่านเป็นอย่างดีอยู่เสมอ
สมุนไพรเพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ มีอะไรบ้าง?
และเพื่อให้ สุขภาพของผู้สูงอายุ ที่คุณรักแข็งแรง ห่างไกลจากการเจ็บป่วยของโรคต่างๆ มากขึ้นเรามี สมุนไพรเพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ มาฝาก
แต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรคได้อย่างแตกต่างกัน มาดูค่ะว่ามีสมุนไพรชนิดใดช่วยแก้อาการใดได้บ้าง
สมุนไพรลดความดันโลหิตสูง ได้แก่…
ใบบัวบก
ใบบัวบก สมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิตสูง และยังสามารถนำมาใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ
รวมถึงช่วยแก้อาการอ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี สำหรับวิธีรับประทาน ให้นำใบบัวบกสด 30-40 กรัม มาผสมกับน้ำสะอาด 1 แก้ว
หรือประมาณ 250 cc. คั้นแล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม โดยควรดื่มน้ำใบบัวบกติดต่อกันประมาณ 5-7 วัน
กระเทียม
นอกจากมีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้แล้ว ยังช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย วิธีทานให้นำกระเทียมสดขนาดกลาง 1-2 กลีบ
มาสับหรือบดละเอียด จากนั้นตวงมารับประทานพร้อมอาหารวันละ 3 เวลา ครั้งละ 1 ช้อนชา แต่มีข้อควรระวังคือ
ไม่แนะนำให้กินกระเทียมสดในตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ยิ่งควรระวัง
สมุนไพรลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่…
มะระขี้นก
เลือกใช้ผลสดของมะระขี้นกประมาณ 8-10 ผล มาผ่าและแคะเอาเมล็ดออกจนหมด จากนั้นนำมาสับให้ละเอียด
แล้วเติมน้ำสะอาดลงไปผสมเล็กน้อย กรองเอาแต่น้ำมาดื่ม โดยแบ่งดื่มทุกวัน วันละ 3 เวลาหลังอาหาร
ดื่มน้ำมะระขี้นกติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน หรือจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง
ในกรณีที่น้ำมะระขี้นกมีรสชาติขมมากเกินไป ก็สามารถนำผลมะระมาลวกกับน้ำร้อนแล้วรับประทานกับน้ำพริกแทนก็ได้
การรับประทานคู่กับเมนูอาหารทั่วไปอย่างน้ำพริกผักจิ้มนี้ก็ถือว่า จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้สูงอายุได้ดีเช่นกัน
แถมยังทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอื่นๆ อย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ตำลึง
ให้นำยอดตำลึง 1 กำมือ มาลวกแค่พอสุก รับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริกหรือจะนำไปปรุงอาหารเมนูอื่นๆ ก็ได้
สำหรับผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง แนะนำให้รับประทานยอดตำลึงติดต่อกันเป็นเวลา 1-3 เดือน หรือจนกว่าจะพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลงแล้วนั่นเอง
สมุนไพรลดไขมันในเส้นเลือด ได้แก่…
กระเจี๊ยบแดง
ให้นำกลีบรองของดอกที่เป็นสีม่วงๆ ไปตากแดดจนแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผงละเอียด ตอนรับประทาน ให้ตักครั้งละ 1 ช้อนชา
มาชงในน้ำเดือด 1 แก้ว คนให้เข้ากัน แล้วดื่มวันละ 3 ครั้ง ควรดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการของผู้ป่วยจะดีขึ้น
สำหรับสรรพคุณของกระเจี๊ยบแดง ไม่ได้มีเพียงแค่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังช่วยบำรุงร่างกาย
บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต ช่วยบำบัดอาการอ่อนเพลีย และช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี
เสาวรส
ควรเลือกใช้ผลเสาวรสที่มีลักษณะแก่จัด จากนั้นนำมาล้างทำความสะอาดแล้วผ่าครึ่ง ตักเนื้อเสาวรสมาคั้นเอาน้ำ
แล้วดื่มสดๆ หรืออาจปรุงแต่งรสชาติได้บ้างเล็กน้อย ด้วยการเติมเกลือและน้ำตาล ใช้ดื่มเป็นน้ำผลไม้บำรุงร่างกาย
และบำบัดอาการไขมันในเส้นเลือดพร้อมกัน สำหรับน้ำเสาวรสนั้นยังเปี่ยมด้วยสรรพคุณอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพ
เช่น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง ทำให้ห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยได้มากขึ้น
และช่วยบำรุงผิวพรรณทำให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใสอันเนื่องจากเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง
สมุนไพรบรรเทาอาการโรคเบาหวาน ได้แก่…
เตยหอม
เลือกใช้ใบเตยแก่จัดประมาณ 10 ใบ นำมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นตากแดดเพื่อนำมาใช้ชงดื่มแบบน้ำชา
หรืออาจจะใส่หม้อดินต้ม แล้วนำมาดื่มแทนน้ำเป็นประทุกวันก็ได้ โดยควรดื่มน้ำใบเตยติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป
ก็จะเห็นผลของการรักษาที่ดีขึ้น ซึ่งนอกจากสรรพคุณใบเตยจะช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวานได้แล้ว
ยังใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยขับปัสสาวะ และแก้กระษัยได้ด้วย
กะเพรา
เลือกใช้ใบกะเพราสดประมาณ 1/2 กำมือ หรือนำไปตากแดดจนแห้งแล้วนำมาบดให้เป็นผง โดยตักผงใบกะเพรา 1 ช้อนชา
มาผสมน้ำร้อน 1 แก้ว ชงดื่มเป็นน้ำชาหลังมื้ออาหาร สาเหตุที่กะเพราช่วยบำบัดอาการของโรคเบาหวานได้นั้น
ทั้งนี้ก็เพราะมีผลการวิจัยได้ค้นพบว่า ใบกะเพรามีส่วนทำให้เซลล์ตับอ่อนสามารถผลิตอินซูลินได้ดีมากยิ่งขึ้น
จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานในระยะเริ่มแรกมากที่สุด
สมุนไพรต้านสมองเสื่อม ได้แก่…
ขมิ้นชัน
ให้นำเหง้าแก่สดของขมิ้นชันความยาวประมาณ 2 นิ้ว มาขูดเอาเปลือกออก จากนั้นล้างให้สะอาดแล้วตำจนละเอียด เติมน้ำลงไป
คั้นเอาแต่น้ำมาดื่มครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ โดยดื่มวันละ 3-4 ครั้ง หรือหากจะเลือกรับประทานแบบแคปซูลวันละ 1,000 มิลลิกรัมก็ได้เช่นกัน
เพราะมีผลจากการศึกษาพบว่า กลุ่มคนเอเชียที่รับประทานขมิ้นชันเป็นประจำทุกวัน อัตราการป่วยเป็นอัลไซเมอร์มีน้อยกว่าคนในแถบยุโรป
ที่ไม่ได้รับประทานขมิ้นชันเกือบ 5 เท่าเลยทีเดียว ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ขมิ้นชันยังเป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพชั้นเลิศ
ที่สามารถต่อต้านมะเร็ง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
พริกไทย
วิธีรับประทานพริกไทยเพื่อช่วยต่อต้านโรคสมองเสื่อมนั้น ทำได้ง่ายมากทีเดียว เพียงนำผงพริกไทยป่นที่เราใช้ปรุงอาหารทั่วไปนั่นแหละค่ะ
มาปรุงอาหารรับประทานเป็นประจำ หรืออาจเลือกทานเป็นชนิดแคปซูลวันละ 1,000 มิลลิกรัมก็ได้
โดยรับประทานพร้อมอาหารหลักทุกมื้อ แต่ไม่ควรรับประทานในขณะท้องว่างเด็ดขาด
เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ ทั้งนี้ทางด้านนักวิจัยก็ได้พบว่า ในพริกไทยมีสารพิเพอรีน
ที่มีสรรพคุณช่วยต้านสมองเสื่อม ต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านโรคมะเร็ง บำรุงธาตุ และช่วยลดการอักเสบภายในร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม
มะพร้าว
แนะนำให้ดื่มน้ำมะพร้าวจากผลอ่อนวันละ 1 ผล โดยผ่าแล้วจะต้องรีบดื่มทันที น้ำมะพร้าวมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่าง
เพราะจะช่วยบำรุงธาตุ ดับกระหาย แก้พิษ แก้อาการอาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย บวมน้ำ ขับปัสสาวะและยังช่วยขับนิ่วก้อนเล็กๆ ได้ด้วย
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ผู้ที่มีอาการท้องเสีย สามารถดื่มน้ำมะพร้าวทดแทนเกลือแร่ได้เป็นอย่างดี
เพราะน้ำมะพร้าวเป็นดั่งเครื่องดื่มเกลือแร่บริสุทธิ์จากธรรมชาตินั่นเอง
น้ำมะตูม
นำผลมะตูมที่โตเต็มที่แล้วมาฝานให้เป็นแว่น จากนั้นนำไปตากแดดจนแห้งแล้วคั่วจนเหลืองหอม เสร็จแล้วเอามาชงเป็นชาดื่ม
โดยใช้มะตูมประมาณ 2-3 ชิ้น ต่อปริมาณน้ำ 1 กา ชงลงในน้ำเดือด แล้วนำมาจิบตลอดทั้งวัน
สรรพคุณจากมะตูมจะช่วยบำรุงธาตุ ขับลม แก้อาการท้องเดิน และท้องเสียได้เป็นอย่างดี
Credit : vitamindcouncil.org
การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ นับว่าสำคัญมากทีเดียวที่ลูกหลานทุกคนจะต้องให้การใส่ใจดูแลมากเป็นพิเศษ
มากกว่าช่วงวัยอื่นๆ ทั้งทางสุขภาพกายและทางอารมณ์ และ สมุนไพรเพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ ที่เราแนะนำเหล่านี้
หากหมั่นนำมาทำให้ท่านรับประทานเพื่อบำบัด บรรเทาอาการของโรคที่เป็นอยู่ก็จะช่วยให้อาการของโรคทุเลาขึ้น
และยังเป็นการบำรุงสุขภาพในตัว ทำให้ท่านแข็งแรงอยู่กับเราได้อย่างยาวนานขึ้นอีกด้วย