ริมฝีปาก เป็นอีกจุดดึงดูดความสนใจ ดูสุขภาพดี น่ามองชวนสัมผัส แต่ถ้า ริมฝีปากดำคล้ำ มองแล้วไม่ค่อยน่าดูเลย ถ้าเป็นผู้หญิงอาจจะแก้ปัญหาง่ายๆ คือ ทาลิปสติกกลบสีเดิม
แต่เมื่อล้างหน้าลบเครื่องสำอางค์ออกแล้ว ริมฝีปากก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี ทำให้เสียเวลาในการแต่งหน้าทุกครั้ง และการทาลิปสติก ซึ่งมองแล้ว ริมฝีปากดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่นัก
ในยุคปัจจุบัน สามารถแก้ปัญหาริมฝีปากไม่น่าดูได้ง่ายๆ โดยการสักริมฝีปาก ให้กลายเป็นสีชมพู สีส้ม สีแดง ได้ตามใจ
ซึ่งการสักริมฝีปากนั้น จะทำการสักสีหรือเพ้นท์สีลงไปบริเวณริมฝีปาก ให้กลายเป็นสีตามที่ต้องการ ในปัจจุบันนิยม สักปากชมพู สีแดง สีส้ม ซึ่งทำให้ริมฝีปากดูเป็นธรรมชาติ สีที่สักหรือเพ้นท์ จะติดริมฝีปากนานประมาณ 2 – 3 ปี
ข้อดีของการสักปาก แก้ริมฝีปากดำคล้ำ
ทำให้ริมฝีปากดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทาลิปสติกจนเข้ม เพื่อลบรอยคล้ำของริมฝีปาก อาจจะทาลิปสติกแค่บางๆ ให้ดูดีพอประมาณ ทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีน่ามอง
ข้อเสียของการสักริมฝีปาก
ค่าใช้จ่ายในการสักริมฝีปาก และความปลอดภัยในการสัก อาจเกิดอาการเจ็บในระหว่างสัก และระยะเวลาในการที่ต้องรอให้สีที่สักริมฝีปากลอกออกมา และทำให้เสียเวลาในระหว่างรอริมฝีปาก กลับมาเป็นธรรมชาติ
ก่อนการสักริมฝีปาก
[wpsm_list type=”bullet”]
- ก่อนทำการสักริมฝีปากต้องเข้าใจก่อนว่า การสักหรือเพ้นท์จะต้องให้เข็มในการลงสี ซึ่งอาจมีคลีนิคหรือสถานที่รับการสักหรือเพ้นท์ริมฝีปาก ที่ไม่มีคุณภาพนำเข็ม หรือเครื่องมือที่ใช้แล้ว นำมาใช้ซ้ำอีกครั้ง ซึ่งอาจเสี่ยงให้เกิดโรคติดต่อได้
- ควรศึกษาหาข้อมูลของคลีนิค หรือสถาณที่รับการสักหรือเพ้นท์ริมฝีปากที่ปลอดภัย แนะนำว่า ควรสอบถามคนรู้จักที่เคยรับการสักหรือเพ้นท์ริมฝีปากมาแล้ว หรือหาอ่านจากรีวิวตามเว็ปไซต์ต่างๆ
- เมื่อได้คลีนิค หรือสถาณที่รับการสัก หรือเพ้นท์ริมฝีปากแล้ว ควรสอบถามรายละเอียดต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน และตกลงค่ารักษา ก่อนเข้ารับการสักหรือเพ้นท์ริมฝีปาก
- ก่อนการสักริมฝีปาก ต้องเข้าใจก่อนว่า สีที่สักหรือเพ้นท์ริมฝีปาก อาจจะไม่ตรงกับความต้องการ เพราะการที่จะได้สีที่ตรงตามความต้องการนั้น ต้องดูสีเดิมของริมฝีปากของเราก่อน ริมฝีปากอาจจะคล้ำมาก หรือมีสีไม่สม่ำเสมอกัน ทำให้สักหรือเพ้นท์สีไม่ติด ทำให้ดูจางหรือเข้มกว่าสีที่ต้องการ และอาจเป็นเพราะความชำนาญของช่างสักแต่ละคนที่มีฝีมือไม่เท่ากัน ทำให้ได้สีที่ไม่ต้องการ อาจต้องสักไหม่อีกครั้ง เพื่อย้ำสีให้ตรงตามความต้องการ
[/wpsm_list]
ขั้นตอนการสักริมฝีปาก
[wpsm_list type=”check”]
- ช่างสักจะป้ายยาชา บนริมฝีปาก รอเวลาประมาณ 15 – 20 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์ ช่างสักจะเริ่มลงสี ตามที่เราต้องการ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ตามความชำนาญของช่างสัก
- ระหว่างสัก ริมฝีปากอาจจะเจ็บหรือแสบเล็กน้อย แต่เมื่อเกิดอาการเจ็บมากกว่าปกติ สามารถบอกช่างสักให้เพิ่มยาชาได้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
- เมื่อสักริมฝีปากเสร็จแล้ว ริมฝีปากจะเข้มจัดกว่าปกติ ไม่ต้องตกใจ เพราะต้องรอให้สีค่อยๆ ลอกออกก่อนเพื่อให้ได้สีตามที่เราต้องการ
- ต้องใช้เวลาประมาณ 1 วัน เพื่อลดอาการบวมของริมฝีปาก
[/wpsm_list]
หลังการสักริมฝีปาก
[wpsm_list type=”bullet”]
- ระหว่างรอริมฝีปากลอกออก ไม่ควร เกา แกะ หรือว่าแคะริมฝีปาก เพราะจะทำให้สีที่ได้ดูไม่สม่ำเสมอกัน
- ทาครีมหรือเจล สม่ำเสมอตามที่ช่างสักแนะนำเพื่อให้ริมฝีปากลอกง่ายขึ้น
- ระยะเวลาริมฝีปากลอกออกจนหมด ประมาณ 7 – 10 วัน
- สีจะเข้มประมาณ 1-2 เดือน สีริมฝีปากจะค่อยๆ อ่อนลง จนได้ตามแบบที่เราต้องการ แต่ถ้าสีอ่อนกว่าแบบที่สัก หรือสีดูไม่สม่ำเสมอกัน แนะนำว่า ควรดูอาการก่อน 3 เดือน ถ้าสียังไม่เปลี่ยนแปลง ควรไปสักย้ำริมฝีปากอีกครั้ง เพื่อให้ได้สีตามที่ต้องการ
[/wpsm_list][wpsm_list type=”bullet”]
- ระหว่างรอริมฝีปากลอกออก ไม่ควร เกา แกะ หรือว่าแคะริมฝีปาก เพราะจะทำให้สีที่ได้ดูไม่สม่ำเสมอกัน
- ทาครีมหรือเจล สม่ำเสมอตามที่ช่างสักแนะนำเพื่อให้ริมฝีปากลอกง่ายขึ้น
- ระยะเวลาริมฝีปากลอกออกจนหมด ประมาณ 7 – 10 วัน
- สีจะเข้มประมาณ 1-2 เดือน สีริมฝีปากจะค่อยๆ อ่อนลง จนได้ตามแบบที่เราต้องการ แต่ถ้าสีอ่อนกว่าแบบที่สัก หรือสีดูไม่สม่ำเสมอกัน แนะนำว่า ควรดูอาการก่อน 3 เดือน ถ้าสียังไม่เปลี่ยนแปลง ควรไปสักย้ำริมฝีปากอีกครั้ง เพื่อให้ได้สีตามที่ต้องการ
[/wpsm_list]
ก่อนทำการสัก หรือเพ้นท์ริมฝีปาก ควรไตร่ตรองดูก่อนทำการสัก เพราะถ้าริมฝีปากของเราไม่ได้คล้ำ หรือน่าเกียจจนเกินไป เราไม่ควรเสี่ยงที่จะทำการสัก
เพราะขึ้นชื่อว่าสัก อาจก่อให้เกิดอันตรายกับเราได้ แต่ถ้าต้องการที่จะสักริมฝีปากจริงๆ ควรศึกษาและหาข้อมูลให้ละเอียดก่อน
เพราะร่างกายเป็นของเรา เมื่อเกิดอันตรายไปแล้วอาจต้องเสียเวลา หรือเงินในการรักษา หรืออาจจะต้องเสียมันไปเลย จนไม่สามารถนำกลับมาได้อีก