เปลือกตาบวม อักเสบ (Blepharitis) อาจเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาที่คนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยมากเท่าไรนัก เพราะถ้าพูดเรื่องของการอักเสบของดวงตา ก็มักจะเข้าไปใจไปว่าเป็นเยื่อบุตา หรือเป็นภายในลูกตาไปเลยมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะ
ซื้อยาหยอดตามารักษาด้วยตัวเองมากกว่าการไปพบจักษุแพทย์ เพราะเข้าใจว่าอาจเกิดจากการเป็นภูมิแพ้ ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้
ก็อาจเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น กระจกตาทะลุ ที่อาจถึงขั้นต้องทำการผ่าตัดเพื่อรักษา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าที่จะคาดคิดได้
ดังนั้น เราจึงอยากจะขอแนะนำให้รู้จักกับโรคนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความเข้าใจ และรักษาได้ทันท่วงทีเมื่อพบอาการนำของโรค
เปลือกตาบวม อักเสบ คืออะไร ?
โรคเปลือกตาอักเสบ หรือโรคหนังตาอักเสบ (Blepharitis หรือ Eyelid Inflammation) เป็นอาการอักเสบของผิวหนัง
บริเวณเปลือกตา ซึ่งอาจรวมทั้งขนตา ต่อมน้ำตาและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง
โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยโดยไม่มีข้อยกเว้น มีอัตราในการเกิดเท่ากันหมดทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่อาจจะ
มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุที่มีวัยมากกว่า 50 ปีขึ้นไปมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ โดย
โรคเปลือกตาอักเสบนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
1.โรคเปลือกตาอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อบริเวณเปลือกตา
2.โรคเปลือกตาอักเสบที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณรอบ ๆ เปลือกตา โดยเฉพาะบริเวณต่อมสร้างไขมัน
3.โรคเปลือกตาอักเสบที่เกิดจากต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ
ถึงแม้ว่าจะแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ แต่อาการที่พบส่วนมาก ก็คือลักษณะที่ 1 และลักษณะที่ 2 เท่านั้น ซึ่งจะเกิดกับ
เปลือกตาส่วนนอก ที่สามารถมองเห็นอาการได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน
สาเหตุของโรคเปลือกตาอักเสบ
ยังไม่มีการยืนยันว่า โรคเปลือกตาอักเสบนั้น เกิดขึ้นจากสาเหตุใดอย่างชัดเจน แต่ก็พบว่ามีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
และมีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคเปลือกตาอักเสบ คือ
1.การได้รับสิ่งสกปรก หรือเชื้อแบคทีเรียบริเวณเปลือกตา เช่น การเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองและมลพิษเยอะ,
การใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานบริเวณรอบดวงตา, การติดขนตาปลอม และการใส่คอนแท็คเลนส์ที่ไม่ได้มีการ
ทำความสะอาดตามที่ควรจะเป็น
2.การเป็นโรคที่เกี่ยวกับบริเวณรอบดวงตา เช่น ตาแห้งจากการที่ต่อมน้ำตาทำงานไม่ปกติ, เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบ,
การเป็นเหาที่บริเวณขนตา เป็นต้น
3.การเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ ซึ่งยาที่นำมาใช้ในการรักษา อาจมีผลทำให้เกิดโรคเปลือกตาอักเสบขึ้น
4.ผู้สูงอายุที่เซลล์และอวัยวะภายในร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพลง ซึ่งรวมไปถึงภูมิคุ้มกัน จึงทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ
อาการของโรคเปลือกตาอักเสบ
อาการของโรคนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะตามที่กล่าวมาข้างต้น คือ เปลือกตาติดเชื้อจากแบคทีเรีย และเปลือกตา
ติดเชื้อจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ดวงตา
เปลือกตาติดเชื้อจากแบคทีเรีย
โรคนี้มักจะพบในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย เพราะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียตามสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น อาการที่พบบ่อย ๆ คือ
- ระคายเคืองตา น้ำตาไหลเอง แสบตา เปลือกตาและหนังตาแดง ซึ่งจะมีการแสดงอาการมากในช่วงเช้าหลังตื่นนอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง
- มีอาการตาพร่า หรือตามั่ว แต่จะเป็น ๆ หาย ๆ
- เปลือกตาบวมอย่างหนัก อาจพบแผลถลอกถึงขั้นเนื้อเยื่อหลุด
- ขนตาเปลี่ยนเป็นสีขาว และอาจมีสะเก็ดเกาะอยู่
เปลือกตาติดเชื้อจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ดวงตา
โรคนี้จะพบได้ในผู้สูงอายุเป็นหลัก อาการทั่วไปจะคล้ายกับเปลือกตาอักเสบจากการติดเชื้อ แต่จะไม่มีความรุนแรงเท่า
อาการที่พบเพิ่มเติมคือมีสะเก็ดที่มีลักษณะคล้ายกับต่อมน้ำมันหรือไขมัน ติดอยู่บริเวณขนตา ขนคิ้ว ซึ่งทั้ง 2 ลักษณะของโรคนี้
หากทิ้งไว้ จะมีอาการที่รุนแรงเหมือนกัน คือการที่กระจกตาอักเสบเป็นแผล และอาจทำให้ต่อมน้ำตาทำงานไม่ปกติ
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดโรคตาแห้งขั้นรุนแรง และถ้าหากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น ก็จะมีอาการดังต่อไปนี้
- ขนตาร่วง หรือขึ้นผิดรูปร่าง ซึ่งอาจจะทำให้แทงเข้าไปในดวงตา ทำให้เกิดการระคายเคืองตลอดเวลา
- เปลือกตาผิดรูปร่าง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่อการใช้ชีวิตได้ หากไม่ทำการรักษาอย่างถูกต้อง
- อาจส่งผลให้เกิดภาวะกระจกตาทะลุ ที่จะต้องใช้เวลารักษาที่มากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเดิม
วิธีการรักษาเปลือกตาอักเสบ
เมื่อพบว่าเป็นโรคเปลือกตาอักเสบ สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ดังนี้
ทำความสะอาดเปลือกตา เพื่อลดเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียรอบดวงตาด้วยการใช้ไม้พันสำลี หรือสำลีแผ่นชุบน้ำอุ่นเช็ด
ทำความสะอาดเบาๆ 30 วินาทีเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 2-4 ครั้ง ยิ่งถ้าหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น ใช้คอนแท็คเลนส์
ติดขนตาปลอม ควรทำความสะอาดให้มากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า ถ้าเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงก่อนจะดีมาก
ประคบอุ่นบริเวณเปลือกตา เป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดีที่สุด เพราะความร้อนจะช่วยละลายไขมัน และช่วยให้เลือดมาเลี้ยง
บริเวณเปลือกตามากยิ่งขึ้น อุปกรณ์ประคบก็สามารถทำได้ง่ายเพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ถุงเจลประคบสำเร็จรูป ไข่ต้มสุก
หรือข้าวสุกหุงใส่ถุงร้อนมัดไว้ ก็นำมาประคบได้แล้ว ไม่ควรให้อุณหภูมิร้อนกว่า 40 องศาเซลเซียส เพราะอาจเป็นอันตรายต่อดวงตา
การประคบที่ถูกต้องและดีที่สุดคือ ควรหาผ้าสะอาดบางๆ มาวางรองไว้ก่อน แล้วค่อยประคบตาทั้งสองข้างทิ้งไว้ 10-15 นาที
ทำอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้งจนกว่าอาการจะดีขึ้น
แต่ถ้าหากทำตามทั้ง 2 วิธีนี้แล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น ก็ขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ ซึ่งจะทำการรักษาด้วยวิธีการให้ยาหยอดตา
ที่มีทั้งแบบยาปฏิชีวนะ ยาสเตียรอยด์ และน้ำตาเทียม บางรายแพทย์อาจจะให้ยาทานร่วมไปด้วย แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีก
หรือมีอาการแทรกซ้อน แพทย์อาจจะพิจารณาทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
วิธีการป้องกันเปลือกตาอักเสบ
ถึงแม้ว่าจะยังไม่เป็นโรคเปลือกตาอักเสบ ก็สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีการทำความสะอาดรอบดวงตาอยู่เสมอ และประคบลูกตาบ้าง
เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายและสลายไขมันรอบๆ ที่อาจจะกลายเป็นสาเหตุของโรคในภายหลัง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ เช่น
ใส่แว่นสายตาแทนคอนแท็คเลนส์ หรือถ้าหากจำเป็นต้องใส่คอนแท็คเลนส์ ก็ควรดูแลทำความสะอาด ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ จะช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม
Credit : www.theworldmedicalcenter.com
เปลือกตาอักเสบ อาจเป็นโรคที่ยังไกลตัวอยู่พอสมควร แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานพอสมควร ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้
เพราะฉะนั้น หากพบอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าซื้อยามาทานหรือซื้อยามาหยอดตาเอง เพราะอาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดโรคที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม