โรคคออักเสบ การอักเสบของหลอดลมในลำคอที่ควรดูแลใส่ใจ

โรคคออักเสบ

โรคคออักเสบ เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นได้กับเด็กส่วนใหญ่ แต่ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้กับผู้ใหญ่ได้เช่นกัน

เพราะฉะนั้นก็จะต้องระมัดระวังพอสมควร วันนี้เราจะพาคุณไปติดตามกันว่า

โรคคออักเสบคืออะไร สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาป้องกันทำได้อย่างไรบ้าง? ไปดูกันเลย

โรคคออักเสบ คืออะไร?

โรคคออักเสบ (pharyngitis) คือ โรคที่เกิดจากการอักเสบของหลอดลมที่อยู่ด้านในลำคอ โดยส่วนใหญ่จะเรียกว่า

เป็นอาการเจ็บคอ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฤดูอะไรก็สามารถที่จะทำให้เกิดโรคคออักเสบได้เสมอ

สาเหตุของโรคคออักเสบ

สำหรับสาเหตุของโรคคออักเสบสามารถที่จะแบ่งได้ 2 ชนิด คือ โรคคออักเสบที่ติดเชื้อ

และโรคคออักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งสามารถแจกแจงรายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้

1.โรคคออักเสบชนิดติดเชื้อ (infectious cause)

สำหรับโรคคออักเสบชนิดติดเชื้อคือ ชนิดที่ทำให้เกิดโรคคออักเสบแบบเฉียบพลัน (acute pharyngitis)

โดยเกิดจากการติดเชื้อ 2 ชนิดคือ เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย แต่ละชนิดจะทำให้เกิดสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนี้

เชื้อไวรัส (Viral pharyngitis) แบ่งได้คือ

1.เชื้ออะดิโนไวรัส ทำให้เกิดไข้คอเจ็บและตาอักเสบ และส่วนใหญ่จะพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี

2.เชื้อค็อกซากี ชนิดเอและบี เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคคออักเสบต่อมน้ำเหลืองโต

และหากเป็นเชื้อค็อกซากี ชนิดเอ16 ก็สามารถที่จะทำให้เป็นโรคมือเท้าปากได้เช่นกัน

3.เชื้อเริม เชื้อเริมสามารถที่จะทำให้เด็กเป็นโรคเริมเจ็บคอ แต่สำหรับผู้สูงอายุ ก็อาจจะไม่สามารถจำแนกได้จากการติดเชื้อ GABHS

4.เชื้อเอ็บสไตบาร์ หรือจะเรียกว่าเป็นการติดเชื้อโมโนคลีโอซิส โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำให้คอหอยอักเสบ

5.เชื้อ CMV ทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูงรวมถึงมึนงง แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย แต่ไม่ได้รุนแรงจนสังเกตได้ชัดเจน

6.เชื้อ HIV-1 เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดอาการคอหอยบวม แดง เป็นแผล นอกจากนี้ ยังสามารถที่จะทำให้มีไข้ และปวดกล้ามเนื้อตามมาได้

เชื้อแบคทีเรีย (bacterial pharyngitis) แบ่งได้คือ

1.เชื้อ GABHS เป็นเชื้อที่สามารถส่งผลได้มากที่สุด โดยจะทำให้มีไข้ และมีอาการต่อมทอมซิลบวม นอกจากนี้ หากเกิดขึ้นในเด็ก ก็จะทำให้อาเจียนได้บ่อยๆ

2.เชื้อสเตรปโตคอกคัส กลุ่ม C,G,F เป็นเชื้อที่จำแนกได้ยากจากกลุ่มเชื้อด้านบน

โดยจะทำให้เกิดการอักเสบแบบเฉียบพลัน และที่สำคัญก็ยังทำให้เกิดไข้รูมาติกได้อีกด้วย

3.เชื้ออาคาโนแบคทีเรีย เป็นเชื้อที่ส่งผลต่อผู้ใหญ่ได้มาก ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับเชื้อ GABHS เมื่อติดเชื้อก็จะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการไอ

4.เชื้อไมโคพลาสมา นิวโมนิอิ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยจะส่งผลต่ออาการไอ มีไข้ รวมถึงเจ็บคอ

5.เชื้อคลามัยเดีย นิวโมนิอิ เป็นเชื้อที่คล้ายกับไมโคพลาสมา โดยจะทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นที่ปอด และจะเป็นอยู่ 1-3 สัปดาห์

6.เชื้อไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย เป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อย และยังเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคหนองใน นอกจากนี้แล้วยังทำให้เกิดการติดเชื้อทั่วร่างกายได้อีกด้วย

1.โรคคออักเสบแบบไม่ติดเชื้อ (non-infectious cause)

โรคคออักเสบแบบไม่ติดเชื้อคือ โรคคออักเสบแบบเรื้อรัง (chronic pharyngitis)

ซึ่งสามารถสร้างความรำคาญต่อผู้ป่วยได้มากพอสมควร เพราะรักษาให้หายได้ช้า โดยโรคหรือสภาพแวดล้อมที่ส่งผล มีดังนี้

  • โรคภูมิแพ้
  • โรคไซนัสอักเสบแบบเรื้อรัง
  • โรคเนื้องอกกล่องเสียงและคอ
  • โรคเส้นเสียงอักเสบเรื้อรัง
  • มีก้างปลา หรือเศษกระดูกไปติดบริเวณต่อมทอนซิล
  • มีอาการกรดไหลย้อน
  • อากาศแห้ง
  • สูบบุหรี่

อาการของโรคคออักเสบ

สำหรับอาการที่จะเกิดขึ้นนั้น จะใช้ระยะเวลา 2-5 วัน ถึงจะออกอาการให้เห็นได้อย่างชัดเจน โดยอาการที่แสดงออกมักจะแยกไปตามแต่ละชนิดที่เกิดขึ้น ดังนี้

1.แบบไม่ติดเชื้อ

  • จาม
  • ไอ
  • เจ็บคอ
  • ไข้
  • หนาวสั่น
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • น้ำมูกไหล

2.แบบติดเชื้อ

  • ไอ
  • เจ็บคอ
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม
  • เมื่อยกล้ามเนื้อ
  • กระหายน้ำ
  • มีผื่น
  • กลืนลำบาก
  • คลื่นไส้
  • รสชาติอาหารเพี้ยนไป

การวินิจฉัยโรคคออักเสบ

สำหรับการวินิจฉัยโรคคออักเสบ แพทย์จะต้องสอบถามประวัติของผู้ป่วย ควบคู่กับการตรวจร่างกาย เพื่อที่จะช่วยในการวินิจฉัยคือ

  • ตรวจหาเชื้อ GABHS ด้วยการเก็บเนื้อเยื่อที่ลำคอ
  • การตรวจเลือด
  • การทำ CT scan

วิธีรักษาโรคคออักเสบ

การรักษาโรคคออักเสบ สามารถที่จะรักษาได้ด้วยการรับประทานยา ซึ่งแพทย์จะทำการสั่งยา ดังนี้

  • ยาปฎิชีวนะ
  • ยา Amoxicilin
  • ยาเพนนิซิลลิน

แต่ในการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเหล่านี้ อาจจะต้องใช้ระยะเวลา 7-10 วัน ที่สำคัญควรจะรับประทานยาให้หมดตามที่แพทย์สั่ง

เพื่อป้องกันภาวะดื้อยา อย่างไรก็ตาม สำหรับการรักษาด้วยตนเองโดยไม่พึ่งยาปฏิชีวนะ ก็สามารถทำได้ ดังนี้

  • กลัวคอด้วยน้ำเกลือผสมน้ำอุ่น (เกลือ 1 ช้อนชา/น้ำ 8 ออนซ์)
  • ดื่มน้ำบ่อยๆ
  • รักษาระดับความชื้นภายในที่อยู่อาศัย
  • หลีกเลี่ยงการทานของทอด
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

ถ้าหากผู้ป่วยต้องการรักษาโดยที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ เนื่องจากบางรายอาจจะแพ้ยาปฏิชีวนะ

การรักษาด้วยการใช้สมุนไพรก็สามารถช่วยได้เช่นเดียวกัน โดยมีสมุนไพรดังนี้

1.มะนาว ในการใช้มะนาวเพื่อการรักษาอาการเจ็บคอนั้น ให้นำน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งและน้ำอุ่น เพื่อดื่มบรรเทาอาการไอและอาการเจ็บคอ

2.ขมิ้น ขมิ้นสามารถรักษาโรคคออักเสบได้ โดยมีวิธีเดียวกันกับการใช้มะนาว แต่จะใช้ผงขมิ้น ผสมน้ำอุ่นและน้ำผึ้ง

แล้วนำมาดื่ม สาเหตุที่ทำให้สามารถช่วยรักษาโรคคออักเสบได้ เพราะภายในขมิ้นมีสารเคอร์คูมินในการต้านการอักเสบ

3.ขิง ขิงสามารถใช้ในการรักษาโรคคออักเสบได้เช่นเดียวกัน โดยอาจจะนำขิงสดมาหั่นแล้วไปต้ม หรือจะนำขิงสดมาเคี้ยวเลยก็ได้

เพราะขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบเหมือนขมิ้น แต่ทั้งนี้ก็สามารถที่จะจัดการกับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้เป็นอย่างดี

วิธีป้องกันโรคคออักเสบ

สำหรับโรคคออักเสบสามารถที่จะป้องกันได้ เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เป็นโรคนี้มักจะมาจากพฤติกรรม เพราะฉะนั้นควรที่จะระวังได้จากพฤติกรรมดังนี้

การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพราะจะทำให้เยื่อบุภายในลำคอชุ่มชื้น ลดความเสี่ยงการอักเสบ โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ ยิ่งดีเลยทีเดียว

การทำความสะอาด ควรทำความสะอาดลำคอและช่องปากทุกวัน โดยใช้วิธีการกลั้วคอ เพราะจะช่วยลดปริมาณแบคทีเรียและเชื้อโรคภายในลำคอได้

ที่อยู่อาศัย ควรเลือกที่อยู่อาศัยที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และควรหลีกเลี่ยงที่อยู่อาศัยที่มีสภาพแวดล้อม

ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคคออักเสบ เช่น ควัน เศษฝุ่น หรือควรทำความสะอาดที่พักอาศัยเป็นอย่างดี

ปราศจากสิ่งสกปรกหรือฝุ่นละอองพร้อมเปิดประตูหน้าต่างบ้างเพื่อให้เกิดการถ่ายเทของอากาศให้มีความปลอดโปร่ง

หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นโรคจะเป็นการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคคออักเสบ

โดยควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศเย็นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีในลำคอจนทำให้เกิดโรคคออักเสบตามมาได้

Credit : livewell.in.th

โรคคออักเสบ สามารถที่จะระมัดระวังได้จากการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง แต่เมื่อเป็นโรคคออักเสบแล้วก็ควรที่จะต้องรีบรักษา

เพื่อป้องกันการเป็นแบบเรื้อรังในเวลาต่อมา เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ห่างไกลจากโรคนี้คุกคามได้แล้ว