โรคมะเร็งในผู้หญิง เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก หากก็น่าใจหายที่ปัจจุบัน หลายคนมักจะปล่อยปละละเลย
ไม่ค่อยให้การสนใจดูแลสุขภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากนัก เมื่อร่างกายฟ้องอาการผิดปกติออกมา
บางคนอาจจะคิดว่าแค่เจ็บป่วยธรรมดาจึงไม่สนใจเข้ารับการตรวจรักษาอย่างละเอียด ในขณะที่ความเป็นจริงแล้ว
สัญญาณเตือนของอาการผิดปกติทางร่างกายเหล่านั้น อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของ โรคมะเร็ง ในผู้หญิงอยู่เป็นได้
เราไปทำความรู้จักกันดีกว่าว่า โรคมะเร็งในผู้หญิงคืออะไร เกิดจากอะไร และรับมือดูแลป้องกันอย่างไรบ้าง?
รู้จักโรคมะเร็งในผู้หญิง
โรคมะเร็งในผู้หญิง คือ โรคที่เกิดขึ้นกับเซลล์ภายในร่างกาย เมื่อมีเซลล์ที่ผิดปกติและมีการพัฒนาโดยมีขนาดที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น
ก็จะสามารถจะลุกลามไปยังอวัยวะต่างๆ และก่อให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็งในเวลาต่อมาได้
สาเหตุโรคมะเร็งในผู้หญิง
สำหรับ โรคมะเร็งในผู้หญิง จะมีความคล้ายคลึงกับโรคมะเร็งในผู้ชาย โดยเฉพาะในเรื่องของสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
สาเหตุจากร่างกาย
เนื่องจากร่างกายของผู้หญิงมีความบอบบางและมักจะอ่อนแอง่ายกว่าผู้ชาย ดังนั้น โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วจึงมักจะมีปัญหามาจากร่างกาย เช่น
- กรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากร่างกายมีความผิดปกติ
- ฮอร์โมนในร่างกายไม่มีความสมดุล
- ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ
สาเหตุจากสภาพแวดล้อม
นอกจากสาเหตุที่เกิดจากสุขภาพร่างกายแล้ว โรคมะเร็งในผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีการส่งผลมาจากสภาพแวดล้อมโดยทั่วไป
ทั้งในสังคมการทำงาน พฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สามารถส่งผลทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ทั้งสิ้น โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
สารเคมี : สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะเจอสารเคมีหรือมลพิษอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญยังเจอสารเคมีเหล่านี้ได้ในปริมาณมาก
ทั้งในเรื่องของอาหารที่มาจากการปิ้งย่างและอาจจะมาจากเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน
เชื้อโรค : เช่นเดียวกันกับเชื้อโรคที่ผู้หญิงมักจะได้รับเชื้อมาจากการสัมผัสสิ่งของต่างๆ ร่วมกับผู้อื่นภายในสังคม
โดยจะมีทั้งไวรัสตับอักเสบ เชื้อ hpv และเชื้อต่างๆ ที่สามารถส่งผลทำให้เกิดมะเร็งได้ทุกส่วนของร่างกาย
โดยสำหรับโรคมะเร็งที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิง มีหลากหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเม็ดเลือดขาว
สัญญาณเตือนโรคมะเร็งในผู้หญิง มีอะไรบ้าง?
1.ผิวหนัง : ผิวหนังสำหรับผู้หญิงนั้นสามารถที่จะสังเกตได้ชัดเจนและง่ายมากที่สุด แต่สำหรับบางรายอาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจในเรื่องของการดูแลผิวหนังมากเพียงพอ
โดยความแตกต่างของผิวหนังที่สามารถสังเกตได้คือ ไฝและขี้แมงวัน ซึ่งเป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายมากที่สุด
หากรูปร่างของไฝหรือขี้แมงวันมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้นหรือมีรูปทรงที่แตกต่างไปจากเดิม
และมีสีที่ผิดปกติไปจากที่เคยเป็น ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
โดยเมื่อคุณเริ่มสังเกตเห็นความเสี่ยง หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผิวหนัง ควรที่จะต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย โดยอาจจะต้องมีการตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อหาเซลล์มะเร็ง
2.เต้านม : เต้านมเป็นบริเวณที่ใกล้ตัวสำหรับผู้หญิงมากที่สุด และสามารถสังเกตได้ง่ายมากที่สุด โดยวิธีสังเกตการเปลี่ยนแปลง สามารถสังเกตได้จากอาการดังนี้
- มีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากเต้านม (ยกเว้นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์)
- ผิวบริเวณเต้านมมีรอยบุ๋ม และมีรอยแดง
- สีผิวบริเวณเต้านมมีการเปลี่ยนแปลง
- คลำเจอก้อนเนื้อบริเวณเต้านม
- ขนาดของเต้านมโตผิดปกติ
- ปวดบริเวณเต้านม
อาการเหล่านี้ล้วนเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม ดังนั้น ควรรีบไปพบแพทย์เมื่อพบความผิดปกติขึ้นบริเวณเต้านม
ซึ่งแพทย์อาจจะต้องตรวจโดยการเจาะเลือด การตรวจชิ้นเนื้อ การตรวจเมมโมแกรม ซึ่งเป็นวิธีการตรวจหาเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณเต้านมได้อย่างชัดเจนแม่นยำมากที่สุด
3.ประจำเดือน : สำหรับประจำเดือนเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ มักจะไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดในการมาของประจำเดือน
ซึ่งจริงๆ แล้ว การเฝ้าสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับประจำเดือน ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้
เพราะหากมีอาการผิดปกติก็จะสามารถตรวจค้นพบได้เร็วและรับมือรักษาโรคไม่ให้รุนแรงได้อย่างทันการณ์นั่นเอง
โดยอาการผิดปกติที่สามารถสังเกตได้คือ เมื่อหมดประจำเดือน แต่ยังมีเลือดไหลอยู่สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าเป็นการตกค้างของเลือด
แต่หากมีระยะเวลาเกินกว่า 2-3 วันแล้ว แต่ยังมีเลือดอยู่ควรที่จะต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งมดลูกหรือมะเร็งในเยื่อบุโพรงมดลูกได้ค่อนข้างสูง
3.การปัสสาวะและอุจจาระ : ถือเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าไม่สำคัญและเป็นเรื่องที่ไม่น่าสังเกต ในขณะที่ความเป็นจริงแล้ว
การพบความผิดปกติของการปัสสาวะและอุจจาระย่อมเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กับอาการอื่นๆ ที่มีการแสดงออกมาเลย
โดยคุณสามารถสังเกตความผิดปกติจากการปัสสาวะและอุจจาระได้ ดังนี้
- ขณะปัสสาวะหรืออุจจาระจะพบว่ามีการปนเปื้อนของเลือดออกมาร่วมด้วย
- มีอาการปัสสาวะอยู่บ่อยครั้ง
เพียงแค่ 2 อาการที่กล่าวมาก็สามารถทำให้ร่างกายเกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งไตได้แล้ว
ดังนั้น จึงควรรีบพบแพทย์ โดยตรวจหาสาเหตุอย่างแน่ชัด เพราะอาการที่กล่าวมาก็มีความคล้ายคลึงกับโรคริดสีดวงทวารร่วมด้วยเช่นกัน
4.ความปวดเมื่อย : ความปวดเมื่อยมักจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพนักงานออฟฟิศ
ที่อาจจะนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะเพียงอย่างเดียวตลอดเวลา ซึ่งอาการปวดเช่นนี้ในบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่อย่างไรก็ตาม หากพยายามรักษาแล้วพบว่าอาการปวดเมื่อยไม่หายไป หรือสำหรับบางรายอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นอาจจะมาพร้อมความผิดปกติในส่วนอื่นๆ
ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง ดังนั้น ควรที่จะต้องรีบไปพบแพทย์ และทำการตรวจเลือดเพื่อหาเซลล์มะเร็งต่อไป
5.อาการแสบในทรวงอก : เป็นอาการที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมองข้ามเช่นเดียวกัน เพราะบางคนอาจจะนึกว่าเป็นเพียงแค่โรคกรดไหลย้อนธรรมดา
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเกิดอาการแสบภายในทรวงอก บวกกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มักจะชอบดื่มแอลกอฮอล์
ถ้าเช่นนั้น แนะนำว่าให้คุณลองหยุดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อเป็นการสังเกตอาการแสบร้อนในทรวงอก
ว่ายังเป็นอยู่หรือไม่ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไป ควรที่จะต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
เนื่องจากบางคนอาจจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำคอ และมะเร็งกระเพาะอาหาร
6.น้ำหนักตัวลดลง : น้ำหนักเป็นสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการลดอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในบางคนอาจจะมีปัญหาน้ำหนักลดเองโดยที่ไม่ได้ทำอะไร
แน่นอนว่าหลายคนมองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเกิดภาวะน้ำหนักตัวลดลงโดยที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร
ย่อมถือเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายแน่นอน โดยปัญหาน้ำหนักตัวลดลงผิดปกติเช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
และมะเร็งตับอ่อน เพราะฉะนั้นควรที่จะต้องรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายเพื่อหาเซลล์มะเร็งโดยด่วน
การดูแลสุขภาพเพื่อรับมือป้องกันมะเร็ง
ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะเป็นเพศที่ใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดีมากกว่าผู้ชายก็ตาม แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจคิดว่าถึงแม้จะดูแลร่างกายตัวเองดีอย่างไร
หากก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ควรที่จะต้องหาวิธีป้องกันให้ดีที่สุดคือ การกินอาหารที่มีประโยชน์
หลีกเลี่ยงอาหารขยะหรืออาหารที่มีสารเสี่ยงก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น อาหารปิ้งย่างและอาหารแปรรูป ตลอดจนพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอและไม่เครียด อีกทั้งยังควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอยู่เสมอ เพื่อเป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็ง
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สามารถรับมือรู้เท่าทันโรค และหากพบเจอเซลล์มะเร็งในระยะแรกเริ่ม ก็ยังสามารถทำการรักษาให้หายขาดเร็วได้อีกด้วย
Credit : th.detadoctor.com
และนี่ก็คือ 6 สัญญาณเตือนของ โรคมะเร็งในผู้หญิง ซึ่งจะได้ทราบทั้งสาเหตุ ที่มาที่ไปของโรค และยังทราบว่าสัญญาณเตือนก่อนจะเกิด โรคมะเร็ง อย่างเห็นได้ชัดนั้น
เราสามารถสังเกตได้อย่างไรบ้าง ลองนำไปสังเกตกันดูนะคะสาวๆ เพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรง ห่างไกลจากโรคร้ายมากขึ้น