โรคละเมอแชท ภัยเงียบที่คนติดแชทต้องรู้และรีบเลี่ยง !

โรคละเมอแชท

โรคละเมอแชท เป็นโรคที่มาพร้อมเทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ๆ โดยมาในรูปแบบคนที่ติดแชทเป็นส่วนใหญ่

สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าโรคนี้เป็นอย่างไร หรืออยากรู้ว่าตนเองเข้าข่ายเป็นโรคนี้หรือไม่ งั้นไปทำความรู้จักโรคนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ

โรคละเมอแชท (Sleep Texting) คืออะไร

โรคละเมอแชท (Sleep texting) คือ การส่งข้อความมือถือขณะหลับ โดยส่วนใหญ่มักเป็นการตอบข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามา

หรืออาจเป็นการส่งข้อความที่เขียนขึ้นมาใหม่ การแจ้งเตือนข้อความใหม่ที่ได้ยินจะเป็นตัวกระตุ้นการตื่นตัวของเราระหว่างการนอนหลับ

ซึ่งการตอบกลับข้อความเกือบจะเป็นพฤติกรรมที่เราทำโดยอัตโนมัติ เนื่องจากระหว่างการนอนหลับเราจะระมัดระวังตัวน้อยกว่าตอนกลางวัน

และการละเมอตอบกลับข้อความที่ผิดพลาดอาจเกิดความเสียหายตามมาได้ โดยเราอาจตอบกลับข้อความไม่ครบหรือใช้ข้อความไม่เหมาะสม

ทำให้ผู้อื่นสับสน เข้าใจผิด หรือไม่พอใจได้ ซึ่งการกระทำของบุคคลที่ได้รับผลกระทบอาจไม่สาสมารถเรียกคืนได้ในภายหลัง

สาเหตุของโรคละเมอแชท

ในสภาพความเป็นจริง สมองเราไม่ได้มีภาวะหลับหรือตื่น เพียงแต่สมองที่สั่งการในส่วนนั้นๆ อาจถูกระงับหรือกระตุ้นการทำงาน

ดังนั้นคุณจึงสามารถมีระดับสติที่แตกต่างกันเกิดขึ้นพร้อมๆ กันได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมกึ่งสมเหตุสมผล

หรือกึ่งตั้งใจ (semi-conscious or semi-purposeful behaviors) เมื่อพฤติกรรมผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้นในระหว่างการนอนหลับ

ก็จะเรียกว่าภาวะละเมอ (parasomnias) ซึ่งเป็นความผิดปกติด้านการนอน (sleep disorder) ชนิดหนึ่ง รวมไปถึงความผิดปกติด้านการนอนอื่น ๆ

เช่น การเดินละเมอ (sleepwalking) การละเมอพูด (sleeping talking) การกลัวการนอนหลับ (sleep terrors) ละเมอกิน (sleep eating)

และยังรวมไปถึงพฤติกรรมที่ซับซ้อน เช่น การขับรถหรือการมีเพศสัมพันธ์ ในบางรายความสามารถในการแสดงออกถึงความฝัน

อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงการนอนแบบ REM (REM sleep disorder)

ลักษณะอาการจะเป็นเหมือนคนนอนดิ้นและละเมออย่างรุนแรง จะสะบัดแขนขาอย่างรุนแรง เหมือนกำลังต่อสู้กับใครอยู่

ซึ่งจริงๆ แล้วอาการละเมออย่างรุนแรงแบบนี้จะเป็นผลเนื่องมาจากขณะที่ฝัน แต่ในคนปกติ เมื่อเข้าสู่สภาวะการฝัน กล้ามเนื้อ

แขนขาจะหยุดการเคลื่อนไหว ไม่ออกแรงหรือเคลื่อนไหวตามเนื้อหาความฝัน แต่ในคนกลุ่มนี้

การควบคุมการหยุดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในขณะฝันผิดปกติไป จึงเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงตามเนื้อหาของความฝัน

ในทำนองเดียวกัน การละเมอแชทอาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพฤติกรรมเหล่านี้ที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ ซึ่งอาจมีประเด็นเหล่านี้เกี่ยวข้อง ได้แก่

1.ความเครียด ความกดดันหรือความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวส่งผลต่อรูปแบบการนอนหลับของบุคคล

2.กิจกรรมในตอนกลางวันที่เกินตัว เช่น ถ้าสมองกระวนกระวายมากในตอนกลางวันรูปแบบคลื่นสมองยังคงเหมือนเดิมในเวลากลางคืน

ส่งผลให้สมองพักผ่อนไม่เต็มที่และมีรูปแบบการแสดงออกโดยที่บุคคลนั้นไม่รู้สึกตัว

3.การกีดกันการนอนหลับ มีผลการวิจัยที่บ่งชี้ว่า สำหรับคนที่ทำงานได้ดีที่สุดนั้น ต้องพักผ่อนนอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง

แต่ถ้าหากบุคคลนั้นพักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีอาการฝืนการนอน ก็อาจส่งผลต่อการละเมอได้

4.พันธุกรรม เมื่อพ่อหรือแม่หรือทั้งคู่มีความผิดปกติของการนอนหลับ ลูก ๆ ก็จะมีความเสี่ยงของความผิดปกตินั้นด้วย

5.การรู้สึกตัวบ่อยขณะการนอนหลับ การนอนหลับที่ไม่สบาย หรือหลับไม่สนิท เกิดขึ้นเนื่องจากจิตใจที่ถูกรบกวน

นอกจากนี้ โรคละเมอแชทอาจมีสาเหตุมาจากลักษณะการทำงานที่ต้องโทรติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

และสำหรับผู้ที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ การส่งข้อความอาจเป็นสาเหตุหลักในความผิดปกตินี้ได้ด้วยเช่นกัน

อาการของผู้ป่วยโรคละเมอแชท

ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมที่ค่อนข้างซับซ้อนขณะนอนหลับ แต่ไม่มีความทรงจำในภายหลังและไม่มีจิตใต้สำนึกขณะทำกิจกรรม

บ่อยครั้งที่เนื้อหาของข้อความมีปริมาณมากและเนื้อหาเป็นภาษาที่มีความไม่สุภาพ ผู้ป่วยมักจะคิดถึงการนอนหลับในระยะเวลาที่จำกัด

ซึ่งผลที่ตามมาทำให้สมองส่วนหนึ่งพร้อมจะควบคุมร่างกายให้ตื่นขึ้นมา ในขณะที่สมองที่ควบคุมหน่วยความจำและการตัดสินอาจยังคงหลับอยู่

ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่บางคนสามารถแสดงความเคลื่อนไหว เช่น การเดิน การพูดคุย การส่งข้อความหรือแม้แต่การขับรถ ขณะกำลังนอนหลับ

การวินิจฉัยโรคละเมอแชท

การวินิจฉัยจะคล้ายกับการวินิจฉัยโรคการนอนหลับทั่วไป โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจะวินิจฉัยว่า

การนอนหลับของคุณมีผลต่อชีวิตประจำวันของคุณอย่างไร แพทย์จะต้องทราบประวัติทางการแพทย์ที่ครบถ้วน ประวัติเกี่ยวกับการใช้ยาทั้งในอดีตหรือปัจจุบัน

รวมทั้งประวัติของเครือญาติที่เคยมีโรคการนอนหลับ นอกจากการใช้โทรศัพท์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจะพยายามตรวจสอบว่ามีสิ่งอื่นใดอีกบ้าง

ที่ก่อให้เกิดอาการหวาดกลัวในการนอนหลับของคุณหรือทำให้อาการแย่ลง เช่น ความผิดปกติของการนอนหลับอื่นๆ

ความผิดปกติของสุขภาพจิต หรือการใช้สารเสพติด นอกจากที่กล่าวมาแล้ว แพทย์จะการวัดคลื่นสมองหัวใจและกล้ามเนื้อขณะนอนหลับ

และพิจารณาถึงวิธีที่แขนและขาของคุณเคลื่อนที่ พร้อมบันทึกพฤติกรรมของคุณในระหว่างที่คุณหลับบนวิดีโอ

ซึ่งจะช่วยแสดงให้เห็นว่า คุณลุกขึ้นจากเตียงและทำอะไรผิดปกติระหว่างการศึกษาเรื่องการนอนหลับของคุณหรือไม่

วิธีรักษาโรคละเมอแชท

โรคละเมอแชท ในขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ชัดเจน มีเพียงแนวทางปฏิบัติเพื่อลดการละเมอแชท ดังนี้

1.ปล่อยให้โทรศัพท์ของคุณอยู่ในห้องอื่นในเวลากลางคืน เมื่อไฟและเสียงเตือนไม่กระตุ้นรบกวนการนอน

ก็จะทำให้หลับสนิท แต่ถ้าคุณถูกกระตุ้นโดยอัตโนมัติร่างกายจะมีการตอบสนอง นอนจากนี้ควรจัดสภาพห้องนอน

ให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการนอนหลับ หากคุณใช้ฟังก์ชั่นปลุกบนโทรศัพท์มือถือตอนเช้า ควรเปลี่ยนมาใช้นาฬิกาปลุกแทน

2.กำหนดเวลา 1-2 ชั่วโมงก่อนนอน เพื่อเป็นเวลาว่างสำหรับการลดหรือหยุดทำงานกับโทรศัพท์และเครื่องคอมพิวเตอร์

และควรจัดการตารางการนอนหลับให้สม่ำเสมอ กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ร่างกายและสมองของคุณเข้าใจเมื่อถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนสำหรับกลางคืน

3.ลดความเครียดที่อาจนำไปสู่ parasomnias (ความผิดปกติของการนอนหลับซึ่งบุคคลแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ ในขณะนอนหลับ) โดยการฝึกเทคนิคการผ่อนคลายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำสมาธิ

4.หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน ถ้าคุณจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ในห้องนอน ให้ใช้โทรศัพท์แบบปกติที่ไม่มีรูปแบบการรับส่งข้อความ และวางตำแหน่งให้ห่างจากเตียงของคุณให้ได้มากที่สุด

หากวิธีเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะช่วยบำบัดอาการของโรคละเมอแชทได้ แนะนำให้พูดคุยกับแพทย์ เนื่องจาก parasomnias อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของปัญหาสุขภาพ

เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น ภาวะกรดไหลย้อน อาการชักหรือโรคขากระสับกระส่าย ซึ่งอาการเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข

นอกจากนี้ยังอาจเป็นผลข้างเคียงของยาที่มีผลต่อการนอนหลับ (รวมถึงการกินยานอนหลับที่มีปริมาณมากเกินไป)

และหากปัญหายังคงอยู่ คุณต้องรีบไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับเพื่อทดสอบการนอนหลับและช่วยระบุสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง

วิธีป้องกันโรคละเมอแชท

ในความเป็นจริง เราไม่ควรนอนกับโทรศัพท์ เพราะการแจ้งเตือนข้อความหรือสายโทรเข้าจะรบกวนสิ่งแวดล้อมในการนอน

นอกจากนี้ยังทำให้คุณต้องตื่นนอน เพื่อสนทนา เล่นเกม หรือท่องอินเตอร์เน็ต แสงจากหน้าจออาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในการนอนหลับและอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับตามมาได้ในที่สุด

และควรตั้งค่าขีดจำกัด การมีระเบียบวินัยในตนเองและการจัดการเวลาในการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่บ้าน หรือการพาตัวเองออกไปทำกิจกรรม

ไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือการท่องเที่ยว ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการสัมผัสกับแสงแดดจะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

5 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคละเมอแชท

1.การส่งข้อความแบบละเมอแชท จะไปขัดขวางกระบวนการของร่างกายในการฟื้นฟูสมรรถภาพในขณะหลับ

ได้แก่ การซ่อมแซมกล้ามเนื้อ การรวมหน่วยความจำ และการผลิตฮอร์โมนเพื่อควบคุมการเจริญเติบโต

2.การนอนหลับมีผลต่อความคิดและรู้สึกในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่

การละเมอแชทในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดความอ่อนล้าในตอนกลางวันและการทำงานบกพร่อง การส่งข้อความขณะหลับ

อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านสุขภาพที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)

3.วัยรุ่นและคนหนุ่มสาวได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่ทุกคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือก็ล้วนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น

4.การส่งข้อความแบบละเมอแชท แสดงถึงเทคโนโลยีที่รุกล้ำเข้าไปในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เรากำลังเผชิญหน้ากับเทคโนโลยีมากเกินไปและขาดการควบคุมในปริมาณที่เหมาะสม

5.วิธีง่าย ๆ ในการหลีกเลี่ยงการส่งข้อความคือ การปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอน หรือตั้งไว้ห่างๆ จากเตียงนอน หากต้องการใช้ตั้งปลุก แนะนำให้ใช้เป็นนาฬิกาปลุกแทนดีกว่า

Credit : doctorulzilei.ro

โรคละเมอแชท เป็นโรคที่ไม่ได้อันตรายร้ายแรงใด แต่หากเกิดโรคนี้แล้ว อาจจะเป็นการรบกวนการนอนหลับ ทำให้นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

ส่งผลทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง และอาจทำให้เกิดการส่งข้อความผิดพลาดไปยังผู้อื่นโดยที่ไม่เจตนาได้ ดังนั้น การรับมือรักษาป้องกันไว้ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน