เมื่อไรที่เป็นไข้หวัดใหญ่ หลายคนอาจจะคิดแค่ว่าป่วยเป็นแค่โรคนั้น แต่จริงๆ แล้ว อาจไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่เสมอไป
เพราะคุณอาจจะกำลังเป็น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อยู่นั่นเอง เมื่อเอ่ยถึงโรคที่เกี่ยวกับสมองแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวอย่างมาก
เพราะไม่มีใครที่อยากจะมีปัญหาสุขภาพสมองแน่นอน วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับโรค เยื่อหุ้มสมองอักเสบ มาฝากกัน
โรคนี้เป็นอย่างไร จะมีวิธีรักษาป้องกันได้อย่างไรบ้าง รีบไปติดตามพร้อมๆ กันเลยค่ะ
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ คืออะไร?
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) เป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส
รวมถึงเชื้อราบริเวณเยื่อหุ้มที่หุ้มรอบสมองและไขสันหลัง จนทำให้บริเวณนั้นเกิดการอักเสบบวม
ส่งผลทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้ เช่น มีอาการปวดหัว มีไข้ คอแข็งขยับไม่ได้ เยื่อหุ้มสมองจะพบได้มากในเด็กอ่อน
เด็กเล็ก วัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ บางชนิดมีอันตรายมาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
อาการเริ่มต้นของเยื่อหุ้มสมอง ในระยะเริ่มต้นจะมีอาการเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ แต่อาการจะรุนแรงมากขึ้น
เมื่อผ่านเวลาไปหลายชั่วโมงหรือเป็นเวลา 2 – 3 วัน โดยจะมีอาการที่เด่นชัดดังต่อไปนี้
- คอแข็ง
- ไม่ค่อยมีสมาธิ เกิดอาการสับสน
- มีไข้ขึ้นสูงอย่างเฉียบพลัน
- ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
- แพ้แสง ไวต่อแสง
- ชัก
- ไม่มีความรู้สึกกระหายน้ำหรืออยากอาหาร
- ปวดหัวอย่างรุนแรงมากผิดปกติ
- ง่วงนอน ตื่นนอนยาก
- ผิวหนังเป็นผื่น
อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดกับเด็กอ่อน
- ร้องไห้ตลอดเวลา
- มีไข้สูง
- ตัวและลำคอแข็ง
- นอนหลับมากเกินไป
- เฉื่อยชา เคลื่อนไหวน้อย
- กระหม่อมนูน
- ดื่มนมได้น้อยลง
สาเหตุที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบโดยส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนสาเหตุรองลงมาเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
เราไปดูกันดีกว่าว่าสาเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราจะมีอาการเป็นอย่างไร
และส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ติดตามได้ดังนี้
สาเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัส เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสจะเป็นชนิดที่มีความรุนแรงน้อย
โดยร่างกายอาจเกิดการติดเชื้อไวรัส ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย แต่เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเยื่อหุ้มสมองน้อยมาก เพราะหลังจากอาการติดเชื้อบรรเทาลง ก็จะทำให้โรคหายไปได้เอง
ไวรัสที่สามารถติดเชื้อไปสู่เยื่อหุ้มสมองที่ก่อให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้แก่ ไวรัสคางทูม ไวรัสโรคเริม ไวรัสอีสุกอีใส ไวรัสไข้หวัด
สาเหตุที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อจากแบคทีเรียที่เยื่อหุ้มสมอง จะส่งผลอันตรายอย่างรุนแรง
ผู้ป่วยจึงจำเป็นจะต้องได้รับการรักษา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การติดเชื้อจะก่อให้เกิดอันตรายจนทำให้เสียชีวิตได้
ส่งผลเสียต่อสมองและร่างกายในส่วนอื่น ๆ อย่างถาวร เชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบสามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ด้วยการไอหรือจาม
โดยเชื้อแบคทีเรียจะเข้าไปสู่เลือด ผ่านโพรงจมูก หู รวมถึงระบบทางเดินหายใจตอนบน และเข้าไปสู่สมอง
แบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้แก่ แบคทีเรียที่ทำให้เกิดไข้กาฬหลังแอ่น เชื้อวัณโรค เชื้ออีโคไล
สาเหตุที่เกิดจากเชื้อรา เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อราพบได้น้อยมาก สำหรับผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
มักจะไม่ติดเชื้อชนิดนี้ แต่สำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเอดส์มักจะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อนี้
การรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การรักษานั้นจะต้องพิจารณาจากชนิดของการติดเชื้อ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียแบบเฉียบพลัน จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาทันที
โดยการรักยาปฏิชีวนะเข้าสู่เส้นเลือดดำ การเลือกใช้ยาปฏิชีวนะ จะขึ้นอยู่กับชนิดของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสนั้น จะสามารถบรรเทาลงไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์
ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกาย โดยผู้ป่วยสามารถรักษาตนเองได้ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ดื่มน้ำให้มาก ๆ รับประทานยาลดไข้ เพื่อบรรเทาอาการปวด นอกจากนี้ ยังอาจมีการใช้ยาคอร์ติสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
เพื่อลดอาการบวมในสมอง รวมถึงยาต้านไวรัส หากเกิดการติดเชื้อที่เกิดจากไวรัส Herpes
การป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบสามารถแพร่กระจายได้จากการไอหรือจาม รวมถึงการใช้ของส่วนตัวบางอย่างร่วมกัน
เช่น การใช้แปรงสีฟันหรือช้อน การรักษาสุขภาพอนามัย เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยป้องกันตนเองจากการติดเชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การล้างมือบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันการสะสมของเชื้อโรค หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจากภาชนะเดียวกับผู้อื่น
ควรเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
สำหรับผู้ที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้ทานยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการเกิดโรค
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบก็เป็นวิธีการป้องกันการติดเชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่มีประสิทธิภาพ โดยการใช้วัคซีนดังต่อไปนี้
1.วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อฮิบ เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
รวมถึงโรคอื่น ๆ เช่น ปวดบวม ข้ออักเสบ ปอดอักเสบ จะฉีดให้กับเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 เดือนขึ้นไป วัคซีนชนิดนี้ยังมีราคาแพง
2.วัคซีน IPD เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรียนิวโมคอกคัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดบวม
ติดเชื้อในกระแสเลือด รวมถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โดยแพทย์จะฉีดวัคซีนชนิดนี้ให้ตามความเหมาะสม
แต่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ทำให้เกิดอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้อ่อน ๆ แล้วอาการจะค่อย ๆ บรรเทาเมื่อเวลาผ่านไป 2 – 3 วัน
วัคซีน IPD มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรียนิวโมคอกคัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีราคาแพง
มีระยะในการป้องกันโรคเพียง 2 – 3 ปี การฉีดวัคซีนชนิดนี้จะพิจารณาฉีดให้กับผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
รวมถึงเด็กที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ม้ามหรือหัวใจทำงานไม่ดี
3.วัคซีนป้องกันโรคหัด โรคคางทูม และโรคหัดเยอรมัน (MMR) วัคซีนชนิดนี้สามารถรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ที่เป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ได้ด้วย โดยจะฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง
Credit : medthai.com
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
แต่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเยื่อหุ้มสมองสามารถหายได้เอง ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
เป็นชนิดที่จะต้องทำการรักษาด้วยการใช้ยา การป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
และเมื่อเกิดโรคนี้ขึ้นแล้ว หรือหากพบว่าร่างกายมีอาการผิดปกติก็ควรพบแพทย์ อย่าปล่อยไว้จนสายเด็ดขาด