ไวรัส RSV ตัวการของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก ไวรัสตัวร้ายที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม !

ไวรัส RSV  โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก

ปัจจุบัน เชื้อไวรัสใหม่ๆ เริ่มระบาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเชื้อที่เกิดขึ้นในเด็กอย่าง เชื้อไวรัส RSV ก็เช่นเดียวกัน

ซึ่งเชื้อนี้คือ ตัวการที่ทำให้เกิด โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก มากที่สุด หากพบเห็นว่าเด็กๆ ป่วยเป็นไข้หวัด

ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจคิดแต่เพียงว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาทั่วไป เพราะบางทีอาจจะมีเชื้อโรคตัวร้ายแอบแฝง

ซึ่งรอเล่นงานสุขภาพเจ้าตัวน้อยที่คุณรักอยู่ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น วันนี้เราเลยจะพาคุณไปทำความรู้จักไวรัสชนิดนี้กัน

วรัส RSV คืออะไร ร้ายแรงแค่ไหน รักษาได้หรือไม่? ไปดูกันค่ะ จะได้รับมือป้องกันและดูแลสุขภาพเจ้าตัวน้อยได้อย่างเท่าทันต่อไป

ไวรัส RSV คืออะไร?

ไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกับฝน ในประเทศฝั่งเอเชียอย่างบ้านเรา

มักจะพบไวรัสนี้อยู่บ่อย เพราะด้วยสภาพอากาศที่เป็นใจต่อการแพร่เชื้อ แต่มีหลายคนที่ไม่ทราบว่าเชื้อไวรัสนี้

อันตรายต่อสุขภาพทั้งผู้ใหญ่และเด็กมากน้อยเพียงใด เนื่องจากอาการของโรคจะคล้ายคลึงกับอาการไข้หวัดทั่วไป

แต่มันกลับเป็นไวรัสตัวร้ายต่อสุขภาพเด็กเป็นอย่างมาก และยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็กอีกด้วย

เชื้อไวรัส RSV สาเหตุของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้มากที่สุดคือ เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus)

โดยเป็นเชื้อไวรัสที่ส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจติดเชื้อจนทำให้ระบบหายใจอ่อนแอลง ทำให้อาการปอดอักเสบ

อีกทั้งยังเป็นที่เพาะเชื้อของพยาธิในหลอดลมเล็ก (bronchiole) และถุงลม (alveoli) ทำให้เกิดเสมหะจำนวนมาก

หายใจไม่ค่อยสะดวก และสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น เสมหะ น้ำลาย น้ำมูก หรือลมหายใจ

ไวรัสชนิดนี้จะพบเจอในเด็กได้มากที่สุด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายจนทำให้ต้องส่งตัวเข้าโรงพยาบาลได้

โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็ก ยังสามารถพบเจอได้กับเด็กเล็ก หรือเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด

เด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน ระบบปอดและหัวใจบกพร่อง และเด็กที่อาศัยอยู่ในแหล่งชุมชนแออัด

อาการของผู้ติดเชื้อไวรัส RSV

อาการของผู้ที่ได้รับไวรัส RSV จะปรากฏหลังจากร่างกายสัมผัสหรือได้รับเชื้อไวรัส RSV ได้ 4 – 58 วัน

สำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กที่มีอายุ 10 ขวบขึ้นไป มักจะพบอาการคัดจมูก มีน้ำมูก หายใจไม่สะดวก พบไข้ต่ำๆ

ปวดศีรษะ ไอแห้ง และเจ็บคอ ซึ่งจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป นั่นเป็นเหตุให้หลายคนมักจะมองข้าม

และปล่อยให้เชื้อฟักตัวจนทำให้เป็นอันตรายของร่างกาย ได้แก่ โรคปอดบวม โรคหลอดลมฝอยอักเสบ

หรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เป็นต้น ทำให้มีอาการไออย่างรุนแรง หายใจไม่สะดวกและมีเสียงหวีด มีไข้สูง

หายใจลำบากเมื่ออยู่ในท่านอน และอาจจะทำให้ปากหรือเล็บมีสีเขียวคล้ำ เนื่องจากร่างกายขาดอ๊อกซิเจน

เมื่อไวรัส RSV ได้เข้าสู่ร่างกายของเด็กเล็กก็จะก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงกว่า โดยจะทำให้เด็กเกิดสภาวะขาดน้ำ

ดวงตาแห้ง ไอและมีเสมหะเป็นสีเทา สีเขียว หรือสีเหลือง น้ำมูกจะเหนียวและติดขัดทางเดินหายใจ

หายใจไม่สะดวก หายใจเร็วกว่าปกติ และมีอาการเหนื่อยง่าย พบปลายนิ้วหรือริมฝีปากกลายเป็นสีเขียวคล้ำ

อาการที่น่ากลัวที่สุดคือ เด็กเล็กจะพบไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ไม่อยากอาหาร งอแง ร้องไห้บ่อย

และอาจจะพบผื่นขึ้นตามร่างกาย ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็กนั่นเอง

ภาวะแทรกซ้อน

ความน่ากลัวอีกอย่างหนึ่งของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็กคือ ภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วย

เนื่องจากไวรัสสามารถเคลื่อนตัวจากระบบทางเดินหายใจช่วงบน ได้แก่ จมูก คอ ปาก และระบบทางเดินหายใจช่วงล่าง

จนทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ โรคปอดบวมหรือโรคหลอดลมฝอยอักเสบ อาการติดเชื้อในหูชั้นกลาง หูน้ำหนวก

โรคหอบหืด และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็ก ยังเป็นโรคที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย

การวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็กหรืออาการติดเชื้อไวรัส RSV จะเริ่มจากการตรวจร่างกายของผู้ป่วยโดยละเอียด

เช่น วัดไข้ ชั่งน้ำหนัก ใช้เครื่องช่วยฟัง (Stethoscope) เพื่อฟังเสียงหวีดในระบบทางเดินหายใจ รวมไปถึงการการทำงานของปอด

หรือความผิดปกติอื่นๆ ของระบบหายใจ หลังจากนั้นจะทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด ด้วยวิธีวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximetry)

เพื่อตรวจสอบระดับออกซิเจนของร่างกายว่าต่ำมากน้อยขนาดไหน เข้าตรวจจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว ตรวจหาไวรัส แบคทีเรียอื่นๆ

เพื่อมองหาความเสี่ยง เอกซ์เรย์หน้าอกเพื่อตรวจหาโรคปอดบวม และนำสารคัดหลั่งจากจมูกเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสอย่างละเอียด

วิธีรักษาอาการติดเชื้อไวรัส RSV

วิธีการรักษาการรักษาการติดเชื้อไวรัส RSV และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็กที่ถูกต้อง

จำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือกับคุณพ่อคุณแม่ของเด็ก เพื่อช่วยให้สามารถประคับประคองอาการให้ดีขึ้น

1.รักษาตามอาการ

ควรเริ่มจากการรักษาตามอาการ โดยอันดับแรกให้ทำการเพิ่มความชื้นในอากาศเพื่อช่วยระบบให้ทางเดินหายใจดีขึ้น

ความชื้นในอากาศที่ดีไม่ควรมากเกินร้อยละ 50 เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส RSV

2.ปรับสภาพบรรยากาศรอบตัวใหม่

พยายามปรับเปลี่ยนห้องให้มีอาการถ่ายเทเพื่อช่วยให้หายใจสะดวก ควรนั่งตัวตรง ไม่ห่อตัว และเลือกใช้หมอนที่ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป

3.ดื่มน้ำมากๆ

ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อทำให้เสมหะหรือน้ำมูกลดน้อยลง เลือกใช้ยาหยอดจมูกเพื่อช่วยลดอาการบวมของจมูก และสามารถล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเพื่อปรับให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น

4.ใช้ยาตามแพทย์สั่ง

สำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ ควรเลือกรับประทานยาในกลุ่มอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง

หรือมีอาการแทรกซ้อนต่างๆ ควรพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ สำหรับกำจัดแบคทีเรีย รวมไปถึงการจ่ายยาอื่นๆ

อย่างเช่น ยาพ่นขยายหลอดลม เพื่อบรรเทาอาการหายใจไม่สะดวกและมีเสียงหวีด ใช้ยาเอพิเนฟริน (Epinephrine) เพื่อขยายหลอดลม

และลดอาการบวมของทางเดินหายใจ สำหรับผู้ป่วยที่หายใจไม่สะดวก แพทย์จะใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ เพื่อแก้ไขสภาวะออกซิเจนต่ำหรือระบบหายใจล้มเหลว

วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV

สำหรับวิธีป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็ก หรือติดเชื้อไวรัส RSV นั้นจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็ก

และคนในครอบครัว เช่น ล้างมือให้สะอาด ไม่ใช่แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น ไม่สูบบุหรี่ ทำความสะอาดห้องหรือบ้านสม่ำเสมอ

ไม่อยู่ในที่ที่มีความชื้นสูง หลีกเลี่ยงการใช้ชิดกับผู้ป่วยไขหวัด สำหรับทารกในช่วงอายุ 1-2 เดือนแรกควรได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

เช่น ทำความสะอาดของเล่นและไม่ควรสัมผัสกับผู้คนภายนอกมากนัก เนื่องจากยังมีภูมิคุ้มกันที่น้อย

จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็ก หรือติดเชื้อไวรัส RSV ได้ สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์

ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันปัจจัยนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด เพื่อไม่ให้เด็กมีโอกาสในการติดเชื้อดังกล่าวได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

Credit : kobieta.pl

ปัจจุบัน ไวรัส RSV อาจจะยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสได้โดยตรง ควรจะเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่

ที่จะต้องระวังเด็กไม่ได้ไวรัส RSV จนทำให้เกิด โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็ก แม้อาจจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงเท่ากับโรคอื่นๆ

แต่ก็ถือว่าเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กเล็กเสียชีวิตได้ ฉะนั้น ควรดูแลเด็กเล็กและสุขภาพคนในบ้านอย่างใกล้ชิด