ไหมกุหลาบ คืออะไร ต่างจากไหมก้างปลาอย่างไรบ้าง? ร้อยไหมควรเลือกไหมชนิดไหนดีที่สุด?

ไหมกุหลาบ

ไหมกุหลาบ ไหมก้างปลา ไหมฉลาม ไหมเงี่ยง หรือไหมเขี้ยว ล้วนเป็นชื่อเรียกของไหมที่ฟังดูแปลกและแตกต่างกันออกไป

ลักษณะไหมแต่ละชนิด

ภาพตัวอย่าง ไหมแต่ละชนิดมีลักษณะต่างกันอย่างไรบ้าง

ส่วนคุณสมบัติของไหมแต่ละตัวจะเป็นยังไง? ร้อยแล้วจะช่วยดึงหน้า/ยกหน้าได้เหมือนกันทั้งหมดหรือไม่? แบบไหมแบบไหนดีที่สุด? วันนี้คุณหมอมีคำอธิบายอย่างชัดเจนมาฝากแก่ผู้อ่านทุกท่านครับ

ไหมกุหลาบ VS ไหมก้างปลา เลือกแบบไหนดีกว่ากัน?

ไหมกุหลาบกับไหมก้างปลาแตกต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบระหว่าง ไหมก้างปลา (ภาพบน) VS ไหมกุหลาบ (ภาพล่าง)

ไหมกุหลาบในแง่ของกระบวนการผลิตเป็นส่วนที่ทำให้แตกต่างจากไหมก้างปลาครับ

ในการผลิตไหมกุหลาบ (ดังในรูป) จะไม่ได้หลอมส่วนของ A และ B มาพร้อมกัน แต่จะต่างถูกหลอมแยกกัน แล้วจึงนำมาเชื่อมต่อกันภายหลังตามรอยเส้นปะ

ข้อเสียของไหมกุหลาบคือ เมื่อนำมาร้อยไหมบนใบหน้า หลังจากที่ไหมเริ่มละลาย ส่วน A กับ B จะหลุดออกจากกันก่อน ส่งผลให้ไม่สามารถดึงผิวไว้ได้นานเหมือนอย่างที่โฆษณาเอาไว้

ในขณะที่ไหมก้างปลา จะถูกหลอมเป็นเนื้อเดียวกันในกระบวนการผลิตครับ

ขอบคุณข้อมูล: ร้อยไหมอะไรดีที่สุด? ร้อยไหมแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร? จาก Youtube Channel: V Square Clinic

  • ไหมก้างปลา ที่ V Square Clinic จะใช้ไหมก้างปลาเป็นหลัก เพราะมีราคาที่ไม่แพง อยู่ได้นาน ถ้าเลือกเข้ารับการร้อยไหมก้างปลากับคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งใช้เทคนิคที่ถูกต้องในการร้อย จะสามารถช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการบวมช้ำลงได้มาก ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับขึ้นได้หลังทำเสร็จทันที เจ็บตัวน้อยกว่าการผ่าตัดดึงหน้า และไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นนานอีกด้วย
  • ไหมกุหลาบ เงี่ยงไหมจะมีขนาดใหญ่ ในขั้นตอนการร้อยไหมจึงต้องใช้เข็มที่ขนาดใหญ่กว่าการร้อยไหมก้างปลามาก หลังร้อยจึงมีโอกาสเกิดอาการบวมช้ำได้มากกว่า แถมยังมีราคาแพง ดังนั้น ไหมกุหลาบจึงไม่ได้รับความนิยมใช้ในทุกวันนี้

ไหมกุหลาบ คืออะไร มีดีอย่างไร?

ไหมกุหลาบ ถูกตั้งชื่อขึ้นมาตามลักษณะของไหม ซึ่งมองดูคล้ายกับหนามกุหลาบ เพื่อให้คนไข้เข้าใจและเห็นภาพตามได้ง่าย รวมทั้งเป็นเหตุผลทางการค้าอีกด้วย

ไหมกุหลาบ คือ อีก 1 ชนิดของไหมเงี่ยง หรือไหม Barb โดยในทางการแพทย์จะเรียกลักษณะของเงี่ยงนี้ว่า  bidirectional barbed thread คือ เงี่ยงที่ยื่นออกมาจากเส้นไหม ทำหน้าที่ดึงรั้งผิวเอาไว้

วัสดุ 3 ชนิด ได้แก่ PDO PLLA PCL เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตเส้นไหมกุหลาบและถือว่ามีความปลอดภัย ใช้ในการเย็บแผลได้

และได้รับการรับรองจาก FDA ทั้งในต่างประเทศ และเมืองไทยว่ามีความปลอดภัย สามารถค่อย ๆ ละลายไปเองได้หมดทั้ง 100% จะเหลือไว้เพียงเส้นใย elastin ที่จะช่วยประคองผิวไว้ ซึ่งเป็นเส้นใยที่ร่างกายคนเราสร้างขึ้นมา และไม่มีสารอื่น ๆ ตกค้าง

เลือกร้อยไหมแบบไหนดี ระหว่างไหม PDO กับไหม PCL?

วัสดุ 3 ชนิด ได้แก่ วัสดุ PCL / PLLA / PDO ซึ่งถูกนำมาใช้ในการผลิตเส้นไหมและเป็นที่ยอมรับว่ามีความปลอดภัย ส่วนวัสดุที่มีคนนิยมใช้ร้อยกันมากจะมีอยู่ 2 ตัว ได้แก่ PCL กับ PDO

ส่วนวัสดุ PLLA (Polylactate) ไม่ค่อยมีคนนิยมนำมาใช้ร้อยกันมากเท่าไรเพราะถึงแม้จะแข็ง และทนต่อแรงดึงได้มากที่สุดก็ตาม แต่พอนำไปร้อยจริงแล้วกลับพบว่าไหม PLLA ขาดความยืดหยุ่น พบคนไข้ที่มีปัญหาไหมทะลุ ไหมขาดอยู่บ่อยครั้งครับ

  • PCL (หรือ Polycaprolactone) มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นไหมชนิดนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด ไม่เปราะและขาดง่าย ทนต่อการขยับได้ดี คงทนอยู่ได้ประมาณ 18-24 เดือนจึงจะละลายไปเองจนหมด
  • PDO (หรือ Polydioxanone) คุณสมบัติคือ มีความยืดหยุ่นสูง และได้รับความนิยมมากที่สุด สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนจึงจะละลายไปจนหมด

ไหม-PDO-PCL-ต่างกันอย่างไร

ภาพตัวอย่าง ลักษณะของวัสดุที่ใช้ในการผลิตเส้นไหม

การนำวัสดุ PLLA มาผสมในไหม PCL (PCL+PLLA) ซึ่งหลังจากร้อยไหมแล้วจะสามารถช่วยให้โครงสร้างผิวเกิดความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น คือเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดครับ

ที่ V Square Clinic มีให้เลือก 2 วัสดุ ได้แก่ PDO กับ PCL+PLLA โดยจะเลือกใช้ไหมก้างปลาที่มีคุณภาพดีที่สุดร้อยให้แก่คนไข้เท่านั้นครับ

สำหรับท่านผู้อ่านที่ยังไม่ทราบว่าควรจะเลือกร้อยไหมแบบไหนดี ระหว่างการร้อยไหมกุหลาบหรือไหมก้างปลา? คุณหมอแนะนำว่าควรเลือกไหมก้างปลา จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าครับ

นอกจากนี้ในการตัดสินใจเลือกคลินิกร้อยไหม เพื่อป้องกันการเกิดติดเชื้อ อักเสบ บวม คนไข้ควรพิจารณาคลินิกที่ได้มาตรฐาน ให้การรักษาโดยคุณหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.vsquareclinic.com/