การพบประพูดคุย เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะพูดคุยกับเพื่อน ซื้อของสั่งของ เราต้องพูดคุย ซึ่งนอกจากเสียงที่ไพเราะแล้ว สภาพช่องปากของเรา ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดด้วยเช่นกัน
ถ้าฟันบิ่นบิดเบี้ยว หรือ ฟันเหยินไม่เท่ากัน เราสามารถทำการดัดฟันได้ เพื่อแก้ปันหาจุดนี้ได้ แต่ถ้าฟันของเราหลุดออกจากปาก กลายเป็นฟันหลอ หรือฟันหักครึ่ง
การดัดฟัน จึงไม่สามารถแก่ปัญหาจุดนี้ได้ ทำให้ การทำศัลยกรรมใส่รากฟันเทียม เพื่อใส่ฟันปลอมถาวร จึงเข้ามามีส่วนแก้ปัญหาในจุดนี้
การใส่รากฟันเทียม เพื่อใส่ฟันปลอมถาวร คือ การผ่าตัดฟังรากเทียมปลอม เข้าสู่กระดูกรองรับฟัน เพื่อที่จะใส่ฟันปลอมอีกที่หนึ่งได้
ซึ่งการที่จะผ่าตัดรากฟันได้นั้น ต้องทำการผ่าตัด โดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ด้านการทำรากเทียม ที่ได้ใบรับรองว่า เป็นผู้เชียวชาญด้านการทำรากเทียมเท่านั้น
การใส่รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันปลอมถาวรเหมาะสำหรับ
- คนที่มีปัญหาฟันหลุด ทำให้ช่องฟันห่าง ทำให้การใช้ชีวิตไม่สะดวก
- คนที่มีปัญหาฟันหัก ฟันบิ่น หรือฟันงอ จนทำให้ดัดฟันไม่ได้
ข้อดีของการใส่รากฟันเทียม เพื่อใส่ฟันปลอมถาวร
[wpsm_list type=”star”]
- การใส่ฟันปลอม จะช่วยทำให้ฟันเข้ารูปและแข็งแรง ช่วยแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปาก เช่นการเคี้ยวอาหารแข็งๆ
- แก้ปัญหากลิ่นปาก เพราะการใส่ฟันปลอม จะทำให้ฟันกลับมาสมบูรณ์ สามารถทำความสะอาดช่องปากได้ง่าย ทำให้ไม่เป็นที่สะสมของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่น
- ทำให้มั่นใจ เวลาพบประพูดคุยกับคนอื่น เพราะเราไม่มีจุดบกพร่องของฟัน ทำให้กล้าที่จะยิ้มและพูดคุยได้เป็นปกติ
[/wpsm_list]
ก่อนการใส่รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันปลอมถาวร
[wpsm_list type=”check”]
- ต้องเตรียมความพร้อม เรื่องอุปนิสัยของคนที่เข้ารับการปลูกรากฟันก่อน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาชอบนอนกัดฟัน ซึ่งอาจมีปัญหาหลังการปลูกรากฟันได้
- ต้องไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสภาพช่องปาก แพทย์จะทำการตรวจสภาพช่องปาก เมื่อเราเข้ารับการรักษาอีกครั้ง ก่อนการทำศัลยกรรมปลูกรากฟันเทียม
- ก่อนการรักษาควรเลือก คลินิก หรือโรงพยาบาลที่ได้มารตราฐานและแพทย์ที่ผ่าตัด ต้องเป็นทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการทำรากเทียมเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ อาจเป็นคลินิค หรือโรงพยาบาลที่ไม่มีมาตราฐาน
- เมื่อตกลงเข้ารับการรักษา ควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับฟันให้ละเอียด เพื่อเป็นความรู้ในการรักษารากฟันเทียมและฟันปลอมต่อไป
[/wpsm_list]
ขั้นตอนการใส่รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันปลอมถาวร
ขั้นที่1 การใส่รากฟันเทียม
[wpsm_list type=”bullet”]
- สำหรับคนที่ต้องถอนฟันออกจากจุดที่ต้องการใส่รากฟัน ทันตแพทย์จะทำการถอนฟันชิ้นนั้นออกก่อน และต้องรอเวลากระดูกร่องฟันฟื้นตัวก่อน ถึงจะเข้ารับการปลูกรากฟันได้
- แพทย์จะทำความสะอาดช่องปากให้สะอาดที่สุดก่อน การรักษาเพื่อป้องกันเชื้อโรค
- แพทย์จะฉีดยาชาเข้าสู่ช่องเหงือก รอยาชาออกฤทธิ์ ประมาณ 30-40 นาที
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว แพทย์จะทำการผ่าตัดโดยการเจาะส่วนกระดูกรองรับฟันในจุดที่ต้องการใส่รากฟันเทียม เมื่อเจาะได้ตรงจุดแล้วทันตแพทย์จะทำการใส่รากฟันปลอมที่ทำจาก เหล็กไทเทเนียม ซึ้งเหล็กไทเทเนียมถือว่า เป็นอุปกรณ์โลหะชนิดเดียวที่ร่างการของคนเรายอมรับ ทำให้เหล็กไทเทเนียมไม่เป็นอันตรายกับร่างกายเหมาะที่จะเป็นรากฟันที่สุด
- ระยะเวลาใส้รากฟันประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วแต่จำนวนของรากฟันที่ใส่และความชำนาญของทันตแพทย์
- เมื่อใส่รากฟันแล้ว ทันตแพทย์จะให้เวลาพักฟื้นตัว เพื่อให้รากฟันเทียมยึดโครงจากกระดูกรองฟันก่อน โดยทันตแพทย์จะทำสะพานฟันใส่แทนฟันปลอมให้กับเราก่อน ระยะฟื้นตัวประมาณ 4-6 เดือน แล้วแต่สะภาพร่างกายของแต่ละคน
- สะพานฟัน คือ ฟันเทียมแบบยึดเกาะฟันด้านข้างทั้งสองด้าน ทันตแพทย์จะทำการจำลองฟันสองซี่ ที่อยู่ด้านข้างและฟันที่อยู่ตรงกลางจุดที่ใส่รากฟันทำเป็นปลอกฟันเพื่อสวมใส่ฟันทั้งสองข้าง ทำให้ฟันทั้งสองค้างไม่บีบตัวจนเกิดอันตรายกับรากฟันปลอม
[/wpsm_list]
ขั้นที่ 2 การใส่เดือย รองรับครอบฟัน
[wpsm_list type=”bullet”]
- เมื่อรากฟันเทียมปรับสภาพเข้ากับกระดูกร่องฟันแล้วทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดครั้งที่สอง โดยครั้งนี้ทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดช่องเหงือกเพื่อใส่ เดือยรองรับครอบฟัน กับรากฟันเทียม เพื่อรองกับการใส่ฟันปลอมถาวร
- หลังจากใส่เดือยรองรับครอบฟัน แพทย์จะทำการการพิมพ์แบบฟันของเราเพื่อทำฟันปลอม ระหว่างการทำฟันปลอมแพทย์จะนัดวันเวลามาตรวจฟันอยู่เสมอ ประมาณ 3-4 ครั้งใน1 เดือน เพื่อปรับรูปร่างของฟันปลอมให้เข้ากับฟันซี่อื่นๆให้มากที่สุด
[/wpsm_list]
ขั้นที่ 3 ใส่ฟันปลอม
[wpsm_list type=”bullet”]
- เมื่อได้ฟันตามแบบที่ต้องการแล้วทันตแพทย์จะทำการใส่ฟันปลอมถาวรให้กับเรา แล้วตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้ายว่าขนาดรูปทรงเข้ารับรูปฟันซี่อื่นๆหรือไม่
- เมื่อฟันเรียงตัวสวยงามแล้วทันตแพทย์จะให้กลับไปพักฟื้นและนัดตรวจฟันอีกเป็นระยะติดต่อกันประมาณ 1 เดือน เมื่อไม่พบความผิดปกติสามารถกับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
[/wpsm_list]
หลังการใส่รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันปลอมถาวร
[wpsm_list type=”star”]
- ช่วงสัปดาห์แรกหลังใส่ฟันปลอมถาวร ควรรับประทานอาหารอ่อน และรสไม่จัดมากนัก เพื่อให้ฟันปรับสภาพ
- สามารถดูแลทำความสะอาดซี่ฟันได้เหมือนปกติ
- ควรเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสภาพฟันปลอมและสภาพช่องปากของเราเป็นประจำ ติดต่อกันประมาณ 1 ปี เมื่อไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เป็นปัญหาของฟันปลอม สามารถมาพบทันตแพทย์ 2 ครั้งต่อปี ได้ตามปกติ
[/wpsm_list]
การใส่รากฟันเทียม เพื่อใส่ฟันปลอมถาวร ถือว่าเป็นวิธีรักษาฟันที่มีประโยชน์ที่สุด ในการดูแลช่องปาก เพราะเมื่อเราฟันหลอหรือฟันหักบิ่น
ทำให้การใช้ชีวิตของเราผิดเพี้ยนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด กลิ่นปาก ออกเสียงพูดไม่ชัด และอับอายเวลาพูดคุยกับบุลคลอื่น
ดังนั้น การใส่ฟันปลอม ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ดีที่สุด อีกทางหนึ่งที่อยากแนะนำ ร่างกายเป็นของเราควรดูแลให้ดีที่สุด