Hifu เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่มีจุดเด่นในการช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดเหนียง ลดแก้ม ปรับหน้าเรียววีเชฟได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีราคาไม่แพง จึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคนที่ต้องการมีใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัย
ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับ Hifu มากขึ้นผ่าน 9 คำถามยอดนิยมที่หลายคนสงสัยกันว่า Hifu คืออะไร ? อายุเท่าไรถึงทำได้ ? เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยไหม ? ทำ 1 ครั้ง ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ?
- 9 คำถามยอดนิยม ก่อนทำ Hifu ควรรู้อะไรบ้าง ?
- Q. 1. Hifu คืออะไร ?
- Q. 2. อายุเท่าไรถึงทำ Hifu ได้ ?
- Q. 3. Hifu อันตรายไหม ?
- Q. 4. ทำ Hifu เจ็บไหม ?
- Q. 5. หลังทำ Hifu หน้าบวมกี่วัน ?
- Q. 6. Hifu เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยไหม ?
- Q. 7. Hifu อยู่ได้กี่เดือน ?
- Q. 8. ทำ Hifu ใช้กี่ line ถึงเห็นผล ?
- Q. 9. ทำ Hifu ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?
- สรุป Hifu
9 คำถามยอดนิยม ก่อนทำ Hifu ควรรู้อะไรบ้าง ?
Q. 1. Hifu คืออะไร ?
กระบวนการทำงานของ Hifu
Hifu ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound คือ เครื่องมือยกกระชับผิวที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนยิงลงสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงชั้นผิว SMAS (ชั้นเดียวกันกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า)
การทำ Hifu จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
ในปัจจุบันเครื่อง Hifu มีอยู่หลายยี่ห้อหลายรุ่น ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีคุณภาพต่างกันไปตามเกรด อย่างเครื่อง hifu จีน เครื่อง hifu เกาหลี แต่ยี่ห้อเครื่องไฮฟู่ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย นิยมใช้แพร่หลายทั่วโลก รวมถึงหลายคลินิกชั้นนำในไทย คือ Hfu ยี่ห้อ Ultraformer III และ Ulthera ค่ะ
Q. 2. อายุเท่าไรถึงทำ Hifu ได้ ?
อายุยังไม่เยอะ ผิวไม่ได้หย่อนคล้อยมาก ก็สามารถทำ Hifu ได้
การทำ Hifu สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ เลยค่ะ ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดปัญหาความหย่อนคล้อยก็สามารถทำได้ ไม่มีผลเสีย ช่วยชะลอการเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
Q. 3. Hifu อันตรายไหม ?
เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำ Hifu เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ประเภทเดียวกันกับที่ใช้ตรวจครรภ์ จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก ทำได้แม้ผิวบอบบางอย่างบริเวณรอบดวงตา
ทั้งนี้แนะนำให้ใช้ยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน เกรดดี ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ก็จะไม่เป็นอันตราย และยังช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวเบิร์น ปากเบี้ยว
Q. 4. ทำ Hifu เจ็บไหม ?
การทำ Hifu ให้ได้ประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจน อยู่ได้นาน จะรู้สึกเจ็บค่ะ เนื่องจากเป็นการยิงพลังงานสูงลงสู่ถึงชั้นผิว SMAS ทำให้รู้สึกร้อน ๆ และตึง ๆ ผิว แต่ก็เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับระดับความอดทนต่อความเจ็บของแต่ละคน
ก่อนการทำ Hifu จะมีการทายาชาก่อนทำเพื่อช่วยลดความเจ็บ แต่ถ้าหากรู้สึกเจ็บมากจนทนไม่ไหว สามารถบอกแพทย์ที่ทำการรักษาให้ปรับลดพลังงานลงได้ แต่ก็ต้องแลกมากับการที่ผลลัพธ์การยกระชับอาจจะอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร
Q. 5. หลังทำ Hifu หน้าบวมกี่วัน ?
หลังทำ Hifu แล้วหน้าบวมเป็นผลข้างเคียงที่สามารถพบได้ตามปกติค่ะ โดยอาการบวมจะสามารถหายไปได้เองประมาณ 1 – 2 สัปดาห์หลังทำ
Q. 6. Hifu เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยไหม ?
ขอบคุณรูปรีวิวการทำ Hifu ก่อนทำและหลังทำทันที จาก Vsquare clinic
การทำ Hifu สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงว่าผิวมีความกระชับขึ้นประมาณ 20% ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยค่ะ และจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ 2 – 3 เดือนหลังทำ
Q. 7. Hifu อยู่ได้กี่เดือน ?
ผลลัพธ์จากการทำอยู่ได้นานประมาณ 5 – 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถทนเจ็บได้แค่ไหน เพราะยิ่งใช้พลังงานสูงก็จะยิ่งอยู่ได้นาน แต่ระหว่างทำก็จะรู้สึกเจ็บได้มากเช่นกัน นอกจากนี้อายุ สภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคน ก็มีผลต่อระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ด้วยค่ะ
Q. 8. ทำ Hifu ใช้กี่ line ถึงเห็นผล ?
การจะทำ Hifu ให้เห็นผลต้องใช้จำนวน line ที่เหมาะสมกับระดับปัญหาของแต่ละคนและบริเวณที่ต้องการยกกระชับ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วในแต่ละบริเวณจะใช้จำนวน line ประมาณนี้ค่ะ
- แก้ม หรือเหนียง ใช้ประมาณ 100 line
- แก้ม และ เหนีบง ใช้ประมาณ 300 line
- ใต้ตา และ ร่องแก้ม ใช้ประมาณ 300 line
- ทั่วหน้า หรือ ต้นแขน ใช้ประมาณ 600 line
- ทั่วหน้าและคอ หรือ ต้นขา ใช้ประมาณ 1,000 line
ทั้งนี้จำนวน line อาจมีการปรับลดเพิ่มตามความเหมาะสม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินถึงจำนวน line ที่เหมาะสมค่ะ
Q. 9. ทำ Hifu ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?
ขอบคุณรูปรีวิวก่อน – หลังทำ Hifu ยกกระชับผิว ร่วมกับฉีดโบท็อกซ์คอ จาก V square clinic
การทำ Hifu สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น เช่น ร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เมโสแฟตได้โดยไม่มีผลข้างเคียง และจะยิ่งเป็นการเสริมให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มหย่อน แก้มห้อย สามารถร้อยไหมเพื่อแก้ไปหาความหย่อนคล้อย และทำ Hifu เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย้อยคล้อยจากการทรุดตัวของกระดูก สามารถทำไฮฟู่เพื่อยกกระชับความหย่อนคล้อยของผิว และฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ ให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ร่วมกับมีใบหน้าเหลี่ยม หน้าบานจากกรามใหญ่ สามารถทำ Hifu เพื่อยกกระชับผิวกรอบหน้าก่อน แล้วค่อยฉีดโบท็อกซ์ช่วยลดกราม จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าบานจากการสะสมของไขมันใต้คาง มีเหนียง การฉีดเมโสแฟตร่วมกับการทำ Hifu จะทำให้ได้ผลลัพธ์ทั้งในเรื่องของการยกกระชับผิวและลดไขมันสะสมใต้คาง
ทั้งนี้ควรก่อนทำควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์เรียงลำดับการทำหัตถการตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
สรุป Hifu
การทำ Hifu เป็นวิธียกกระชับผิวด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวเกิดความกระชับ และเต่งตึงขึ้น ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ทำให้กลายมาเป็นอีกหนึ่งวิธียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยม
โดยสิ่งที่สำคัญในการทำ Hifu คือ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่อง Hifu ของแท้ และได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากการทำไฮฟู่