เสริมจมูกคืออะไร? อันตรายไหม มีกี่แบบ เหมาะกับใครบ้าง ก่อนเสริมต้องรู้อะไรบ้าง

สารบัญ

เสริมจมูก

“การเสริมจมูก” ในปัจจุบันถือเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ได้รับความนิยม อย่างแพร่หลาย เพราะ ใช้เวลาไม่นานในการทำ และระยะเวลาพักฟื้นสั้น เมื่อเทียบกับการผ่าตัดศัลกรรมอื่น ๆ ที่สำคัญราคาไม่สูงมากนัก มีหลายคลินิก หลายหมอ หลายราคาให้เลือก ทุกอย่างจึงดูง่ายดายไปหมด  แต่ความง่ายดายนี้อาจเป็นดาบสองคม เพราะหากเราเลือกหมอผิด เลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน วัสดุไม่มีคุณภาพ ราคาถูก ๆ แสนจูงใจ ก็อาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง เพราะต้องกลับไปแก้ไข้ เสียเงิน เสียเวลา เสียความมั่นใจ หรืออาจจะเสียโฉมได้ 

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก่อนตัดสินใจเสริมจมูก  จำเป็นต้องมีความเข้าใจและศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสู่การศัลยกรรม รวมไปถึงจะต้องได้รับการผ่าตัดจากหมอที่ชำนาญ เพื่อให้ได้รูปทรงจมูกที่พึงพอใจ สวยงาม และปลอดภัยมากที่สุด แน่นอนว่าเรามีข้อมูลดี ๆ มาแบ่งปัน  

เสริมจมูก คืออะไร ?

การเสริมจมูก (Rhinoplasty) หมายถึง การผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งจมูก เพื่อให้ดูดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของใบหน้า ที่อาจรู้สึกกังวล เช่น ผู้ที่รู้สึกว่ารูปทรงหน้าโดยรวมไม่สวยงาม ไม่มีมิติ ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม ดูโหวงเฮ้งไม่ดี ซึ่งการตกแต่งจมูกสามารถแก้ไขทรงจมูกให้เชิด โด่ง มีมิติ เสริมโหงวเฮ้งให้ดีขึ้นได้ ด้วยการเสริมวัสดุ เช่น ซิลิโคน (Silicone), กอร์เท็กซ์ (Gore-tex), เม็ดพอร์ (Medpor) หรือกระดูกอ่อน 

การผ่าตัดเสริมจมูก นอกจากทำเพื่อความสวยงามที่ได้รับความนิยมแล้ว  ยังสามารถช่วยแก้ไขจมูกที่ผิดรูปร่าง หรือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ ได้ด้วย รและยังช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ และความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิดได้อีกทางหนึ่ง 

ใครที่เหมาะสำหรับการเสริมจมูก

การเสริมจมูกเหมาะสำหรับผู้ที่ขาดความมั่นใจในทรงจมูกเดิมของตนเองเช่น ผู้ที่มีปัญหา 

  • จมูกสั้น 
  • จมูกเบี้ยว
  • จมูกแบน
  • จมูกมีฮัมพ์

รวมถึงผู้ที่มีปัญหารูจมูกเชิด ปลายจมูกสั้น ต้องการแก้ไขทรงจมูกให้ยาวขึ้น พุ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งการทำจมูกหยดน้ำที่ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ การเสริมจมูกจำเป็นต้องดูความเหมาะสมในแต่ละบุคคลร่วมด้วย โดยผู้ที่ทำการเสริมจมูกควรมีอายุ 18-20 ปีขึ้นไป เพราะในช่วงนี้จมูกใบหน้าจะเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว

รีวิวเสริมจมูก

ปัจจุบันการผ่าตัดเสริมจมูกสามารถปรับรูปทรงจมูกได้หลายทรง หลายเทคนิค ตามความต้องการและความเหมาะสมกับลักษณะใบหน้าโดยรวมของเรา ตัวอย่างเช่น 

ตัวอย่างรีวิวเสริมจมูกด้วยซิลิโคนช่วยเสริมดั้งให้โด่งเป็นทรงขึ้น 

ตัวอย่างรีวิวเสริมจมูกแบบการเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคน 

 

จะเห็นได้ว่าการเสริมจมูก สามารถทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างเดิมของจมูก อาจเลือกทำแบบเสริมซิลิโคนหรือใช้วัสดุ ๆ ตามความเหมาะสม โดยอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ที่มีประสบการณ์  

เสริมจมูก อันตรายไหม ?

สำหรับใครที่ไม่มั่นใจว่าจะเสริมจมูกดีไหม เสริมจมูกไปแล้วจะเสี่ยงอันตรายหรือไม่ กรณีนี้เราอยากให้แยกเป็นกรณี ๆ ไป โดยต้องดูว่าเราเสริมกับใคร ที่ไหน ได้มาตรฐานหรือไม่ ถ้าใครอยากเสริมจมูกแล้วดูเรื่องราคาถูก ๆ เป็นที่หลัก โดยไม่ศึกษาหาข้อมูลอื่นๆ ฝากความหวังไว้กับหมอทั้งหมด กรณีนี้เสี่ยงอันตรายแน่นอน  

การทำศัลยกรรมเสริมจมูกอย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหวัง ควรเลือกสถานพยาบาล โรงพยาบาล หรือคลินิกศัลยกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน ดูแลโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประสบการณ์เพื่อแนะนำวิธีการเสริมจมูกที่เหมาะสม มีเทคนิคที่ดี ภายใต้ความสะอาด ปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายหรือการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลัง 

นอกจากนี้การเสริมจมูกอย่างปลอดภัย ยังขึ้นอยู่กับการดูแลของตัวเราเองร่วมด้วย หากหลังเสริมจมูกไม่ดูแลตัวเองดี ๆ มีการสัมผัสหรือกระทบ กระแทก อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรืออักเสบได้เช่นกัน เพื่อให้ได้รูปจมูกที่สวยและถูกใจ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

เสริมจมูกราคาแพง – ราคาถูก ต่างกันอย่างไร ?

หากใครได้ลองเซิร์ทหาข้อมูลก็จะเห็นโปรโมชั่นราคาเสริมจมูกในหลายราคา บางคลินิกหลักพัน บางคลินิกหลักหมื่น หรือบางคลินิกหลักแสนก็มี โดยการเสริมจมูกราคาแพง ราคาถูกต่างกันหลายปัจจัย ดังนี้ 

1.วัสดุที่ใช้นำมาเสริมจมูก

ปัจจุบันวัสดุที่นำมาใช้ในการเสริมจมูกมีหลายชนิด เช่น ซิลิโคนสำเร็จ ซิลิโคนแบบเหลา เนื้อเยื่อเทียม กระดูกอ่อนหลังใบหู กระดูกอ่อนซี่โครง ซึ่งแต่ละวัสดุมีราคาที่แตกต่างกัน 

2.ลักษณะปัญหาทรงจมูก

ปัญหาจมูกของแต่ละคนต่างกันมาก-น้อยไม่เท่ากัน ในคนที่มีปัญหามาก ๆ การผ่าตัดมีความซับซ้อนราคาก็จะสูงขึ้น เช่น คนที่มีเนื้อจมูกน้อยมาก ๆ พื้นฐานจมูกเบี้ยวเป็นทุนเดิม แต่อยากให้จมูกโด่งปลายพุ่งมาก ๆ  จำเป็นต้องอาศัยหลายเทคนิคเข้าช่วยเพื่อให้สวยงามและปลอดภัยมากที่สุด  

ใครที่ต้องการเสริมจมูกแล้วหาราคาเปรียบเทียบความคุ้มค่า อาจจะต้องรู้ว่า ตัวเราเองมีปัญหาใดบ้าง และเหมาะสมกับวิธีการเสริมจมูกวิธีใด จากนั้นถึงควรตัดสินใจเลือกทำกับคลินิกใด

3.ความเชี่ยวชาญของแพทย์ 

เข้าใจง่าย ๆ คือ หมอดัง หมอเก่ง หมอที่เคสรีวิวเยอะ ๆ มีดารา เซเลปไว้วางใจ มีประสบการณ์สูง ๆ มีเทคนิคพิเศษในการเสริมจมูก  ราคาค่าตัวก็อาจจะสูงขึ้นตามประสบการณ์นั่นเอง 

เสริมจมูกมีกี่แบบ ?

การเสริมจมูก ในปัจจุบัน ซึ่งจะแบ่งตามลักษณะของแผลผ่าตัดได้เป็น 2 แบบ คือ

  • การผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty) หรือ การ “ผ่าตัดแบบโอเพ่น” เป็นการผ่าตัดที่แผลด้านในจมูก ทั้งสองข้าง และจะมีแผลผ่าตัดด้านนอกแกนจมูก เพื่อที่จะเปิดให้แผลทั้งสองข้างถึงกันได้ จากนัั้นแพทย์ก็จะสามารถเปิดหนังจมูกขึ้นดูโครงสร้างกระดูกอ่อนของจมูกได้ แพทย์สามารถเห็นรายละเอียดทั้งหมด และแก้ไขได้ง่าย 

โดยขั้นตอนการผ่าตัดวิธีนี้จะทำร่วมกับยานอนหลับ จุดเด่นของวิธีนี้คือเป็นการผ่าตัดแบบเปิดที่แพทย์เห็นโครงจมูกได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถวิเคราะห์ และแก้ปัญหาอื่น ๆ ของจมูกได้อย่างละเอียด เหมาะกับคนที่มีปัญหาจมูก ๆ มาก 

  • การผ่าตัดแบบปิด (Closed Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกโดยที่แผลผ่าตัดจะอยู่ภายในจมูกของเรา จากนั้นแพทย์จะทำการใส่วัสดุเสริมเข้าไปทางด้านใน จุดเด่นคือ จะทำให้มองไม่เห็นแผลผ่าตัด แต่ก็เหมาะกับคนที่มีปัญหาเล็กน้อย โครงสร้างจมูกเดิมดีอยู่แล้ว ต้องการแค่ความโด่งเท่าานั้น โดยขั้นตอนจะเป็นการผ่าตัดร่วมกับยาชา เป็นการผ่าตัดเล็ก 

ส่วนใครที่สงสัย แล้วฉันจะเหมาะกับวิธีไหน จะเลือกแบบไหนดี ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความจำเป็น หรือความต้องการในทำศัลยกรรมจมูก หากต้องการทำเสริมจมูกเพียงอย่างเดียว การผ่าตัดจมูกแบบปิดก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากต้องทำหลาย ๆ ส่วนพร้อมกัน มีปัญหาเยอะ ก็จำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัดจมูกแบบเปิด 

สรุปข้อดี – ข้อเสีย ของการเสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด

  • การเสริมจมูกแบบปิด 

ข้อดี 

  1. ในคนที่มีปัญหาจมูกผิดรูปมาก วิธีนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และ ครบถ้วน
  2. วิํธีนี้สามารถตกแต่งปลายจมูกให้โด่ง เชิ่ด จะดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติได้ 

3.การทำจมูกแบบเปิดจะรวมกับเทคนิคอื่นๆได้ เช่นการใช้เทคนิคการนำอวัยวะบางส่วนของร่างกายมาตกแต่งเพิ่มเติม  การนำกระดูกอ่อนหลังหูมาเติมช่วงปลายจมูกเพื่อให้จมูกยาวขึ้น รวมถึงจะไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการทะลุของซิลิโคน

ข้อเสีย

1.มีแผลเพิ่มใต้จมูก และอาจมีแผลบริเวณที่เอากระดูกอ่อนมาเพิ่มเช่น ใบหู, ใต้ราวนม, ก้นกบ

2.การผ่าตัดซับซ้อนขึ้น หากมีผลแทรกซ้อนการแก้ไขก็จะยุ่งยากขึ้น

3.ค่าใช้จ่ายสูง

4.ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่าเทคนิคการเสริมแบบปิด

  • การเสริมจมูกแบบปิด 

ข้อดี

1.เหมาะกับเคสเสริมใหม่หรือเสริมจมูกครั้งแรก และไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก

2.ไม่ต้องวางยาสลบ พักฟื้นน้อย หลังทำสามารถตรวจเช็คทรงจมูกได้ทันที

3.ซ่อนแผลในรูจมูก ไม่เห็นรอยแผล

4.ใช้เวลาน้อย เน้นทำดั้งให้โด่งขึ้น

5.ราคาถูก

ข้อเสีย

1.ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน หรือปัญหาจากโครงสร้างจมูกได้ เช่น จมูกสั้นเชิด จมูกงุ้มมาก

2.ไม่สามารถทำทรงให้โด่งพุ่งมาก ๆ ได้ (ขึ้นอยู่กับกำลังของเนื้อเยื่อจมูก)

3.ไม่สามารถลดขนาดจมูก สันจมูก ให้เล็กลงได้

4.เมื่อเวลาผ่านไป จะมีความเสี่ยงเรื่องจมูกทะลุ เอียง เบี้ยว ได้มากกว่า 

เสริมจมูกผู้ชาย เสริมจมูกผู้หญิง แตกต่างกันไหม ?

ทุกวันนี้ การเสริมจมูกเป็นที่นิยมทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย และดูเหมือนว่าผู้ชายจะเพิ่มความนิยมในการเสริมจมูกมากขึ้นกว่าสมัยก่อน แต่ลักษณะและความต้องการของผู้ชายกับผู้หญิงจะต่างกัน ดังนี้

  • เสริมจมูกผู้ชาย เพื่อต้องการให้ใบหน้าได้สัดส่วน ดูคมมากขึ้น จะเน้นเรื่องการทำดั้งโด่งมาก ๆ มีสันจมูกตรงสวยตั้งแต่ช่วงระหว่างคิ้วลงมา เพื่อเพิ่มความคมให้ใบหน้า
  • เสริมจมูกผู้หญิง มักนิยมทำทรงให้ช่วยให้ใบหน้าอ่อนช้อย อ่อนหวาน โค้ง สันจมูกสโลปลง ทำแล้วหน้าดูหวาน หรือโฉบเฉี่ยวมากขึ้น 

ทรงจมูกที่นิยม ที่ทำออกมาแล้วสวยเป็นธรรมชาติ 2022

หากพูดถึงทรงจมูกที่ได้รับความนิยม จะมีอยู่ไม่มีกี่ทรง แต่เป็นทรงครองใจมายาวนาน นิยมในแทบจะทุกยุค ในปี 2022 ก็เช่นกันได้แก่ 

    • จมูกทรงหยดน้ำ เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกพอสมควร เป็นการเสริมปลายจมูกให้ยาวขึ้น และคล้อยลงมาเล็กน้อยคล้ายมีหยดน้ำที่ปลายจมูก 
  • จมูกทรงสโลปปลายพุ่ง มีลักษณะสโลปตั้งแต่บริเวณหัวตาลงมาที่สันจมูก และทำให้ปลายเชิดขึ้น หน้าจะดูคมเฉี่ยว ดูเด็กลง
    • จมูกทรงสโลปปลายหยดน้ำ  เหมาะกับคนที่ไม่มีปลายจมูกเป็นการทำทรงสโลปแต่กดปลายให้เป็นหยดน้ำลงมา ทำให้จมูกยาวขึ้น ช่วยเสริมให้หน้าดูหวานขึ้น
  • จมูกทรงบาร์บี้ไลน์ เป็นทรงที่ช่วยเพิ่มความละมุนให้ใบหน้า ที่นิยมมากในเกาหลี มีลักษณะสันจมูกยกสูงขึ้น และบีบปลายจมูกให้เล็กลง 
  • ทรงจมูกสันสูง ปลายเชิด ทรงนี้เหมาะกับคนที่ต้องการให้สันจมูกโดนเด่น เหมาะกับคนไม่มีดั้ง หรือจมูกแบนมาก ๆ หรือต้องการเสริมโหงวเฮ้ง

เลือกทรงจมูกอย่างไร ให้เหมาะกับใบหน้า

เพื่อให้ทรงจมูกรับกับใบหน้า หลักการประเมินรูปทรงจมูก เพื่อให้ได้รูปทรงสวยงามรับกับขนาดของใบหน้าจำเป็นต้องให้หมอที่มีประสบการณ์ประเมิน โดยดูขนาดความกว้างของหัวตา และบริเวณสันจมูก ประเมินความหนาและความกว้างของเนื้อบริเวณปลายจมูก ตามด้วยการวัดความยาวของสันจมูกถึงปลายจมูก การประเมินความหนาของผิวหนังทั้งหมดโดยเฉพาะบริเวณจมูก และดูลักษณะและรูปทรงจมูกเดิมของเราร่วมด้วย 

เสริมจมูกตอกฐานจมูก คืออะไร ?

หลายคนอาจจะสงสัยการตอกจมูก การตอกฐานจมูก หรือการตอกฮัมพ์ที่ได้ยินบ่อยๆ คืออะไร การที่มีฮัมพ์ จมูกฮัมพ์ หรือ Hump Nose คือ ลักษณะสันจมูกที่ไม่เรียบ เป็นคลื่น นูนเป็นหลังเต่าขึ้นมา คนที่มีลักษณะจมูกแบบนี้มักมีปลายจมูกงุ้ม ซึ่งในบางเคสที่มีฮัมพ์สูงมาก ๆ อาจทำให้จมูกดูคด เอียง ทำให้หน้าดูดุ  

ดังนั้นวิธีแก้ปัญหานี้ คือการตะไบฮัมพ์ให้เรียบขึ้น หรือในเคสที่ฐานจมูกใหญ่ กว้าง สามารถใช้เทคนิคตอกฐานจมูก (Humpectomy) ตัดแต่งกระดูกส่วนนูนให้เรียบขึ้น ร่วมกับการเสริมซิลิโคนเพื่อปิดความไม่เรียบของกระดูกได้ หลังทำสันจมูกดูเรียบขึ้น ไม่โก่งนูน และช่วยให้ใบหน้าดูหวาน ละนุมขึ้นนั่นเอง 

เสริมจมูก เนื้อน้อยทำได้ไหม ?

จมูกมีเนื้อน้อย เสริมจมูกได้ไหม ? สำหรับคนที่มีปัญหาเนื้อจมูกน้อย และกังวลเรื่องการเสริมจมูก จริงๆ แล้วสามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่อาจจะมีข้อจำกัดและความเสี่ยงบางอย่าง เช่น มีโอกาสจมูกทะลุมากกว่าคนทั่วไป ทำความโด่ง หรือความเชิดขึ้นได้จำกัด และแพทย์ที่ทำการผ่าตัดต้องมีความชำนาญสูง เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้จมูกทะลุ 

แนะนำให้เลือกใช้เทคนิคที่ควรใช้คือการผ่าตัดเสริมจมูกแบบ OPEN เพื่อปรับโครงสร้าง ยืดผนังกั้นจมูก และรองปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู จะทำให้จมูกยาวขึ้นกว่าเดิมโดยไม่รั้งปลาย เหมาะกับทั้งคนที่มีจมูกเนื้อน้อย และจมูกสั้น 

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ ซิลิโคน และกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อของตัวเอง

  1. ซิลิโคนเสริมจมูก

เป็นวัสดุที่ได้ความนิยมมากกว่าการใช้เนื้อเยื่อ สามารถเลือกทรงซิลิโคนที่ต้องการได้ โดยซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูกนั้นเป็นชนิดที่ถูกผลิตมาเพื่อใช้ทางการแพทย์โดยเฉพาะ มีความปลอดภัย มีปฏิกิริยาต่อร่างกายน้อยมาก ร่างกายของเราสามารถรับและห่อหุ้มแท่งซิลิโคนให้ยึดอยู่กับเนื้อเยื่อได้ดี 

ด้านอายุการใช้งานของซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูกมักจะอยู่ไปได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือแก้ไขใหม่ เว้นแต่ว่าเคยเสริมไปแล้วอยากจะทำการเปลี่ยนหรือแก้ทรงใหม่

ซิลิโคนสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 

  • ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป
  • ซิลิโคนแบบแท่ง 

โดยจะมีทั้งมีทั้งแบบนิ่มและแบบแข็ง หากเรามีผนังจมูกบางควรใช้ซิลิโคนแบบนิ่ม เพราะถ้าใช้แบบแข็งอาจทำให้เกิดการทะลุได้ง่าย และดูไม่เป็นธรรมชาติ และถ้าหากเรามีผนังจมูกที่หนาควรใช้ซิลิโคนแบบแข็ง เพราะถ้าใช้แบบนิ่มจะทำให้มองไม่ออกว่ามีการเสริมจมูกหรือมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปจมูก

  1. การเสริมจมูกโดยกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อตัวเองที่ใช้ในการเสริมจมูก ดังนี้
  • กระดูกซี่โครง 
  • ไขมัน 
  • กระดูกอ่อนหลังหู 

 ซึ่งมีความปลอดภัย เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อของผู้เข้ารับการศัลยกรรมเอง จึงเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้น้อย

เสริมจมูกพร้อมตัดปีกจมูก

หากต้องการลดขนาดปีกจมูก โดยส่วนมากหมอจะแก้ไขเฉพาะส่วนปีกด้านข้าง ซึ่งมีผิวหนังและกล้ามเนื้อเท่านั้น และซ่อนแผลไว้บริเวณขอบของปีกจมูก ทั้งนี้ในการตัดปีกจมูกจะต้องคำนึงถึงความสมดุลกับจมูกส่วนบน และสันจมูก หลังทำจะช่วยให้รูจมูกเล็กลงด้วย ต้องเลือกหมอดี ๆ ที่รู้โครงสร้างใบหน้าเป็นอย่างดี เพื่อผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ปีกจมูกเท่ากัน เป็นธรรมชาติ  

ในกรณีที่ตัวเรามีปลายจมูกที่บานต้องการลดปีกจมูก  และอยากเสริมจมูกด้วย ก็สามารถทำได้ การตัดปีกจมูกแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมในแต่ละเคส เพื่อให้รับทรงจมูกที่ทำร่วมด้วย

การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก

ก่อนที่จะทำการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก สิ่งสำคัญคือต้องแจ้งให้หมอทราบว่าเรามีโรคประจำตัว แพ้ยา หรือทานยาตัวใดอยู่บ้าง โดยเฉพาะยากลุ่มแอสไพริน หรือไอบิวโพรเฟน เพื่อให้ศัลยแพทย์ทราบประวัติและวางแผนการผ่าตัดอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ควรดูแลสุขภาพของตนเองให้พร้อม เช่น

  • งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือ 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
  • งดรับประทานทานอาหารประเภทของหมักดอง
  • งดอาหารทะเล
  • งดทานวิตามินทุกชนิดก่อนการผ่าตัด เสริมจมูก อย่างน้อย 7 วัน
  • งดแต่งหน้า และควรสระผมก่อนให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด
  • งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
  • งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกาย 
  • กรณีฉีดยาชาเฉพาะที่ สามารถรับประทานอาหารก่อนมาผ่าตัดได้ ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร

ขั้นตอนการเสริมจมูก

ในการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกในครั้งแรกจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับกรณีของแต่ละราย รวมทั้งวิธีของการผ่าตัด โดยขั้นตอนของการผ่าตัดมีดังนี้

  • การให้ยาชาหรือยาสลบ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าจะใช้ยาชาหรือหรือยาชาร่วมกับยากล่อมประสาทในการผ่าตัด แต่หากเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนมาแพทย์จะเลือกใช้การให้ยาสลบ รวมทั้งอยู่ที่รูปแบบของการผ่าตัด หากการผ่าตัดแบบปิดก็ใช้เพียงยาชา แต่หากเป้นการผ่าตัดแบบเปิดก็จะพิจารณาใช้ยาสลบแทน
  • การผ่าตัด กระบวนการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาของจมูกสามารถเป็นได้ทั้งการการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบเปิดหรือแบบปิดก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกรณี วินิจฉัยของแพทย์ และการตกลงของเรา 
  • ในกระบวนการผ่าตัดเสริมจมูก แพทย์จะใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไปเพื่อแก้ไขตามปัญหาของแต่ละเคส ตั้งแต่การเหลาซิลิโคน การเปิดแผล ปรับโครงสร้าง ตกแต่ง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง 
  • ปิดแผลผ่าตัด หลังจากได้ทำการปรับแต่งรูปร่างของจมูกเรียบร้อยแล้ว แพทย์ก็จะทำการเย็บปิดบาดแผล ซึ่งในบางกรณีแพทย์อาจให้เข้าเฝือกที่จมูกด้วยก็ได้ ใช้เวลาพักฟื้น 5-7 วัน ระหว่างนี้คนไข้สามารถดูแลทำความสะอาดแผลได้ด้วยตัวเอง ก่อนนัดมาติดตามผลและตัดไหม

การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก

การปฏิบัติตัวหลังจากการผ่าตัดแก้จมูก มีความสำคัญ จึงควรศึกษารายละเอียดเพื่อป้องกันปัญหาให้ได้มากที่สุด

  • ช่วง 72 ชั่วโมง แรกหลังผ่าตัด ให้ประคบเย็นบริเวณหน้าแต่ไม่ใช่ในบริเวณแผล เพื่อช่วยเพื่อให้เลือดหยุดไหล และยุบบวมไวขึ้น ควรนอนศีรษะสูงเพื่อให้เลือดไม่คั่งในโพรงจมูก
  • หากมีเลือดไหลออกมานั้นภายใน 48 ชม. หลังจากที่ได้เข้ารับการผ่าตัด ให้ใช้ ไม้พัน สำสีชุบน้ำเกลือเช็ดออกเบาๆ
  • หลัง 72 ชั่วโมง แผลจะเริ่มสนิท สามารถประคบอุ่นเพื่อลดรอยม่วง เขียว ช้ำได้
  • งดล้างหน้า เพื่อไม่ให้บาดแผลโดนน้ำอย่างน้อย 3 วัน หลังจากนั้นล้างหน้าได้ตามปกติ
  • หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีฝุ่นละอองมากประมาณ 1 สัปดาห์ ป้องกันการไอหรือจาม
  • ควรรับประทานอาหารอ่อน งดอาหารแข็งที่ต้องขบเคี้ยว
  • ไม่ให้บาดแผลโดนน้ำอย่างน้อย 3 วัน หลังจากนั้นล้างหน้าได้ตามปกติ
  • งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และหยุดการสูบบุหรี่ ในช่วง 1 เดือน เพราะมีผลต่อการสมานแผล
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก เนื่องจากเนื้อจมูกยังไม่แข็งแรง
  • สามารถนอนตะแคงได้ ไม่ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ แต่ให้หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
  • หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาหนัก ๆ การวิ่ง, การว่ายน้ำ, การมีเพศสัมพันธ์, การสั่งน้ำมูก, การขยี้จมูก, ก้มหน้านาน ๆ และยกของหนัก เนื่องจากเนื้อจมูกยังไม่เข้าที่ดี
  • ถ้ามีอาการผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก

เสริมจมูกเจ็บไหม ?         

ในขั้นตอนการผ่าตัดเสริมจมูกโดยทั่วไป แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่บริเวณรอบ ๆ จมูก เพื่อลดอาการเจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด แต่ในกรณีที่ผ่าตัดแบบโอเพ่น แพทย์จะใช้การดมยาสลบ ในระหว่างการผ่าตัดจะไม่รู้สึกเจ็บ  แต่หลังจากนั้นต้องกลับไปพักฟื้นอาจมีอาการช้ำ ระบม หรือเจ็บบ้าง เป็นเรื่องปกติ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ

เสริมจมูกใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน ?

 หลังผ่าตัดเสริมจมูกแพทย์จะนัดหมายติดตามผล ในระยะการตัดไหมจะขึ้นกับวิธีการเสริมแต่ละแบบ อาจมีอาการบวมในสัปดาห์แรกร่วมกับอาการเจ็บในช่วง 2 วันแรก  และจะใช้เวลาในการพักฟื้น 5-7 วันหลังจากนั้นอาการก็จะดีขึ้นเรื่อย และแพทย์เป็นผู้นัดวันเวลา แต่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่1- 2 สัปดาห์ ในบางคอาจใช้เวลาพักฟื้นนานมากขึ้นตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลไป

ฉีดฟิลเลอร์จมูก แล้วมาเสริมจมูกได้ไหม ?

หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก สามารถเสริมจมูกได้ แต่แพทย์จะต้องทำการขูดฟิลเลอร์เดิมออกก่อน ถึงจะเสริมจมูกได้ เพื่อให้ซิลิโคนที่จะใส่เข้าไปมีการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น โดยจะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าผู้ที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มา 

แผลเสริมจมูกกี่วันเข้าที่ กี่วันหายบวม ?

หลังเสริมจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งใน 1 สัปดาห์จะยุบบวมประมาณ 60%, 1 เดือนยุบบวม 80%, ยุบบวมและเข้าที่ 90% – 100% ใน 3 – 6 เดือน

เสริมจมูกกินอะไรได้บ้าง ?

ในส่วนของอาหารมีหลายชนิดที่รับประทานแล้วจะช่วยให้แผลสมานเร็ว ลดการบวมช้ำหรืออักเสบของแผลได้ เช่น ไข่ไก่ หมู เนื้อ ปลาน้ำจืด ไก่ ผลไม้สีเข้ม (เชอร์รี บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ราสเบอร์รี) สาหร่าย น้ำมะพร้าว ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็จะทานได้หมด ยกเว้นอาหารแสลงบางชนิด

หลังเสริมจมูกห้ามกินอะไร หลัง 1 เดือนกินอะไรได้บ้าง ?

อาหารที่รับประทานเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ ดังนั้นหลังผ่าตัดเสริมจมูก ควรละเว้นอาหารประเภท อาหารรสจัด อาหารแสลง เช่น อาหารทะเล รวมถึงอาหารประเภทหมักดอง เพราะอาหารเหล่านี้อาจมีการปนเปื้อน หรือกระตุ้นทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ทำให้เลือดออกตามแผลได้ง่าย ซึ่งเสี่ยงต่อการอักเสบของแผล หรือติดเชื้อ หลังจากแผลเข้าที่ หายดีแล้ว สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ