Ulthera
ใบหน้า ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกายไม่ว่าจะเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจแก่ผู้คน ใบหน้ายังเป็นส่วนที่ต้องได้รับการปกป้องและดูแลอย่างมาก
เพราะใบหน้า เป็นส่วนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดของร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าจะเริ่มเหี่ยวย่น หย่อนยาน
โดยเฉพาะรอบดวงตา ที่เริ่มเกิดรอยตีนกา หรือรอยเหี่ยวย่นเป็นชั้นๆ ทำให้หลายๆ คนขาดความมั่นใจไม่กล้าเข้าหาผู้คนเลยก็มีไม่น้อย
สำหรับหลายๆ คนอาจแก้ไขด้วย วิธีการเข้ารับการทำศัลยกรรม ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายรวดเร็วเห็นผลทันใจ แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกัน ที่กลัวที่จะทำศัลยกรรม
อาจเพราะกลัวความเสี่ยงต่างๆ ที่ตามมาหลังการรักษา ดังนั้น การรักษาใบหน้าด้วยวิธี อัลเธอร่า (ulthera) จึงเข้ามามีส่วนช่วยสำหรับคนกลุ่มนี้
อัลเธอร่า Ulthera คืออะไร?
วิธีอัลเธอร่า (ulthera) หรือ การรักษาริ้วรอยด้วยคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง สามารถรักษาได้อย่างเจาะจง โดยส่งพลังงานที่มีขนาดเล็ก เข้าไปยังจุดที่ต้องการรักษาในระดับลึกใต้ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ
การรักษาแบบนี้จึงง่ายมาก สำหรับการรักษาริ้วรอย รอยหมองคล้ำ สิว หรือปัญหาต่างๆ ทั่วใบหน้าโดยเฉพาะริ้วรอยรอบดวงตา ที่มีมากที่สุด
ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera)
- ช่วยยกกระชับส่วนที่หย่อนยานให้กลับมาเต่งตึง เรียบเนียน
- ช่วยให้ใบหน้ากลับมานุ่นนวลสดใส เพราะคลื่นเสียงที่ใช้ในการรักษา จะช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้กระจายทั่วใบหน้า
- ลดรอยแผลเป็น หลุมสิว จุดด่างดำ รอยหมองคล้ำให้กับมาสวยใสเรียบเนียน
- ลดริ้วรอยต่างๆ ทั่วใบหน้าได้อย่างล้ำลึก เพราะคลื่นเสียงที่ใช้ในการรักษาจะเจาะเข้าสู่ใต้ชั้นผิวในระดับที่ลึกที่สุด ในจุดที่แพทย์ศัลกรรมผิวหน้าผ่าตัดผิวหน้า ทำให้การรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) เป็นอีกทางเลือกในการรักษาปัจจุบัน ที่เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการรักษาที่ล้ำลึก และทันสมัย
- ไม่มีรอยแผลเป็น หลังการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) เพราะไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด เหมือนการทำศัลยกรรมทำให้ไม่เกิดบาดแผล
- หลังการรักษา สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ต้องพักรักษาตัว อาจต้องรอรอยแดงหลังทำการรักษาเล็กน้อย สำหรับคนที่เกิดอาการบวมช้ำ ส่วนมากมาจากแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญเพียงพอ
ข้อเสียของการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera)
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่แพงมาก มีระยะเวลาในการคงสภาพผิวใบหน้าประมาณ 12 – 18 เดือน แล้วแต่การดูแลรักษาใบหน้าของแต่ละบุลคล ทำให้อย่างน้อยต้อง ทำเป็นประจำ 2 ปี ต่อการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) 1 ครั้ง
- ใบหน้าอาจบวม หรือ เขียวช้ำ หลังการรักษาต้องใช้เวลา ทำให้ใบหน้าหายบวมประมาณ 2 – 3 วัน โดยส่วนมากเกิดจากการรักษาของแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ
- เพราะเป็นวิธีการรักษาที่พึ่งคิดค้นได้ไม่นาน จึงทำให้ยังไม่รู้ว่ามีข้อเสียที่ร้ายแรงหรือไม่ (ในปัจจุบัน ถือว่าการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) เป็นการรักษาใบหน้าด้วยเทคโนโลยีที่ปลอดภัย และเกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด ของการรักษาใบหน้าในปัจจุบัน)
ก่อนการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera)
- ศึกษาหาคลินิคหรือโรงพยาบาลที่ปลอดภัยได้มาตราฐาน ในปัจจุบันคลินิค หรือโรงพยาบาลที่รับการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) มีมากมายในหลายพื้นที่ซึ้งโดยส่วนมากเป็น คลินิคเถือนที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษา ควรเลือกสถาณที่ๆ มีชื่อเสี่ยงเป็นที่รู้จักไม่มีข่าวเสียหายเลยจะดีที่สุด
- ปรึกษาแพทย์สอบถามการรักษาว่า เราเหมาะกลับการรักษารูปแบบใน ควรสอบถามให้ละเอียด และค่อยสังเกตว่า แพทย์ให้ข้อมูลที่ชัดเจนหรือไม่ ถ้าแพทย์พยายามบอกข้อมูลที่ผิดๆ เพื่อให้เราเข้ารับการรักษา ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้ารับการรักษากับแพทย์คนนั้นจะดีกว่า
- เมื่อตกลงเข้ารับการรักษาด้วย อัลเธอร่า (ulthera) แพทย์จะทำการตรวจสอบร่างกายว่า มีอาการผิดปกติหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการรักษา
ขั้นตอนการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera)
- แพทย์จะให้ล้างหน้าให้สะอาดที่สุด สำหรับบางคลินิกจะทำการทรีทเม้นท์ เพื่อเตรียมใบหน้าให้พร้อม
- แพทย์จะทำการทายาชาทั่วใบหน้า รอยาชาออกฤทธิ์ ประมาณ 30-40 นาที
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะทำการนำเครื่องยิงคลื่นเสียงอัลเธอร่า (ulthera) เข้าสู่ผิวในจุดที่เราต้องการระหว่างการรักษา อาจมีความรู้สึก ร้อน เจ็บในจุดที่ยิงเล็กน้อย
- ระยะเวลาในการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) ประมาณ 30 – 60 นาที แล้วแต่ความชำนาญ และสภาพผิวหน้าของผู้รักษา
- รอดูอาการประมาณ 1 ชั่วโมงเมื่อไม่พบความผิดปกติสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ
- หลังการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) อาจเกิดอาการรอยแดงหรือบวม (โดยส่วนมาก ได้รับการรักษาจากแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ) ควรรอเวลาให้อาการลดน้อยลง ประมาณ 1-2 วัน
- ใบหน้าจะเริ่มค่อยๆ เข้ารูปเป็นธรรมชาติมากที่สุดประมาณ 3 เดือน แล้วใบหน้าจะเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมประมาณ 12-18 เดือน แล้วแต่การดูแลใบหน้าของแต่ละคน
- หลังการรักษาเมื่อพบความผิดปกติแก่ร่างกาย เช่น เกิดอาการแพ้ เกิดผื่นแดง อาการเจ็บปวด บวมเขียวช้ำ ควรเข้ารีบรับการรักษา
ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) ถือเป็นการรักษาที่ปลอดภัยที่สุด หรือแทบจะไม่มีผลกระทบต่อร่างกายและความเสี่ยงที่น้อยมาก
ทำให้เริ่มเป็นที่นิยมในปัจุจบัน แม้ค่ารักษาที่แพงมากก็ตาม แต่ก็คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่น้อยในการรักษา
สำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องริ้วรอย หรือรอยเหี่ยวย่นมากมายนัก แต่อยากลองรักษาด้วยวิธีอัลเธอร่า (ulthera) ควรลองไต่ตรองให้ดีก่อนว่า
คุ้มค่ากับการรักษาหรือไม่ เพราะยังมีการบำรุงรักษาริ้วรอยหรือรอยเหี่ยวย่นมากมายด้วยวิธีอื่นๆ ที่ประหยัดกว่า เช่น
ทาคลีมบำรุงผิว ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ เป็นต้น แต่ถ้าอยากลองการรักษาด้วย วิธีอัลเธอร่า (ulthera) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่แนะนำให้ลองทำดูกัน