ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ เหมาะกับใคร ช่วยเรื่องอะไร บทความนี้มีคำแนะนำ

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ หัตถการฉีดสารเติมผิวชนิดกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาผิวใต้ตา เช่น ถุงใต้ตา ใต้ตาลึก ร่องใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และใต้ตาคล้ำ

กรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในผิวมนุษย์อยู่แล้ว มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน ช่วยลดเลือนริ้วรอย และเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ตื้นขึ้น

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารเติมผิวเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา โดยแพทย์จะประเมินปัญหาผิวใต้ตาของคนไข้ก่อนฉีด เพื่อเลือกใช้ชนิดและปริมาณสารเติมผิวที่เหมาะสม

ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะคงอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน โดยขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณสารเติมผิวที่ฉีด รวมถึงการดูแลรักษาหลังฉีดของคนไข้

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • แก้ไขปัญหาผิวใต้ตาได้ตรงจุด
  • ผลลัพธ์เห็นผลทันทีหลังฉีด
  • ใช้เวลาทำน้อย
  • ปลอดภัย

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ปลอม เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
  • ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับชนิดและปริมาณสารเติมผิวก่อนฉีด
  • ดูแลรักษาหลังฉีดอย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • อาการบวมช้ำ แดง คัน บริเวณที่ฉีด
  • ความรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
  • รอยนูน ก้อน บริเวณที่ฉีด
  • การติดเชื้อ
  • แพ้สารเติมผิว

หากเกิดผลข้างเคียงใด ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรรีบพบแพทย์ทันที

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม

ฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมีทักษะ และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์ใต้ตาก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ดังนี้

  • อาการบวมช้ำ แดง คัน บริเวณที่ฉีด เป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
  • ความรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด อาจเกิดขึ้นได้บ้างและมักหายไปเองภายในไม่กี่วัน
  • รอยนูน ก้อน บริเวณที่ฉีด อาจเกิดขึ้นได้หากฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งหรือฉีดมากเกินไป แพทย์สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์
  • การติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นได้หากบริเวณที่ฉีดไม่สะอาดหรือถูกปนเปื้อน แพทย์สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  • แพ้สารเติมผิว พบได้น้อยมาก แต่หากเกิดอาการแพ้ อาจมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ตาบวม แพทย์ควรรีบรักษาโดยให้ยาแก้แพ้หรือฉีดสเตียรอยด์
  • หากเกิดผลข้างเคียงใด ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรรีบพบแพทย์ทันที

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเลือกคลินิกที่เชื่อถือได้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และมีทักษะในการใช้ฟิลเลอร์ รวมถึงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจฉีด

ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร

ฟิลเลอร์ใต้ตา-ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้
ฟิลเลอร์ใต้ตา-ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวใต้ตา เช่น

  • ถุงใต้ตา
  • ใต้ตาลึก
  • ร่องใต้ตา
  • ริ้วรอยใต้ตา
  • ใต้ตาคล้ำ

โดยฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ตื้นขึ้น ช่วยให้ผิวใต้ตาดูเต่งตึง เรียบเนียน ริ้วรอยใต้ตาจางลง ใต้ตาดูสว่างขึ้น และช่วยอำพรางถุงใต้ตาได้

นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ใต้ตายังเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวใต้ตาแบบเร่งด่วน

  • ไม่มีเวลาพักฟื้น
  • ไม่ต้องการผ่าตัด

อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อประเมินปัญหาผิวใต้ตาและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินปัญหาผิวใต้ตาและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา ให้กับแพทย์ทราบ
  • งดยาที่มีผลต่อเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี อาหารเสริมใบแปะก๊วย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • งดแต่งหน้า บริเวณที่จะฉีด
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด

นอกจากนี้ แพทย์อาจให้รับประทานยาแก้ปวดหรือยาปฏิชีวนะก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดอาการบวมช้ำและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรปฏิบัติดังนี้

  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  • งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจทำให้บริเวณที่ฉีดช้ำหรือติดเชื้อ
  • รับประทานอาหารอ่อน ๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดหรือเปรี้ยว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

หากมีอาการบวมช้ำ แดง คัน บริเวณที่ฉีด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที