นกเขาไม่ขัน หรือ สมรรถภาพทางเพศเสื่อม มักเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ผู้ชายหลายคนหมดความมั่นใจไปเลยทีเดียว
เพราะไม่สามารถสร้างความสุขให้เป็นไปอย่างใจต้องการได้ ไม่เพียงที่ตัวคุณจะรู้สึกแย่แต่เพียงเท่านั้น เพราะยังส่งผลทำให้คู่รักของคุณมีความสุขกับชีวิตคู่น้อยลงได้ด้วยเช่นกัน
แต่โรคนี้จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอย่างที่คิดอีกต่อไป เพียงคุณหันมาศึกษาทำความเข้าใจ และรับมือรักษาบำบัดอย่างถูกต้อง
นกเขาไม่ขัน คืออะไร?
นกเขาไม่ขัน (Erectile Dysfunction) คือ ภาวะสมรรถภาพทางเพศของเพศชายเสื่อมลง หรืออาจจะเรียกว่าการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
โดยไม่ว่าจะพยายามเร้าอารมณ์ด้วยวิธีใดๆ ก็จะไม่สามารถปลุกอารมณ์ให้อวัยวะเพศชายกลับมาแข็งตัวได้ เนื่องจากระบบประสาทของสมองไม่ได้รับการกระตุ้น
ซึ่งโดยปกติแล้ว จะมีเส้นประสาทที่เชื่อมต่อระหว่างสมองไปจนถึงอวัยวะเพศ โดยจะทำให้เกิดความดันโลหิตและยังช่วยกระตุ้นให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งหรือขยายตัว
แต่หากเป็นโรคนกเขาไม่ขันก็จะทำให้ปฎิกิริยาเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น สำหรับอาการนกเขาไม่ขันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
และส่วนใหญ่มักจะเป็นเฉพาะเพศชายที่มีอายุตั้งแต่ 40-70 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้มากพอสมควร
สาเหตุนกเขาไม่ขัน มีอะไรบ้าง?
การเกิดปัญหานกเขาไม่ขัน สามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือ ปัญหาทางร่างกาย และปัญหาทางสุขภาพจิต ซึ่งมีดังนี้
1.ปัญหาทางสุขภาพ
ปัญหาทางสุขภาพเป็นปัญหาที่ส่งผลโดยตรงในเรื่องของการเป็นโรคนกเขาไม่ขัน แต่จะเกิดปัญหาสุขภาพได้นั้น
ผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนปัญหาสุขภาพที่ก่อให้เกิดโรคนี้ได้ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันดังนี้
การเกิดโรคหรือภาวะต่างๆ : โรคถือเป็นตัวส่งผลสำคัญที่ทำให้เป็นโรคนกเขาไม่ขัน เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคพาร์กินสัน โรคหัวใจ
โรคต่อมลูกหมากขยาย และโรคเส้นเลือดตีบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีเพียงแค่การเกิดโรคแต่เพียงเท่านั้นที่ส่งผลทำให้เกิดอาการนกเขาไม่ขัน
เพราะภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายก็สามารถส่งผลได้เช่นเดียวกัน เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันสูง ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ และภาวะการนอนหลับผิดปกติ
โดยแต่ละโรคหรือภาวะดังกล่าวนั้นล้วนมีความเชื่อมโยงที่ทำให้เกิดโรคนกเขาไม่ขันได้ อย่างเช่น ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ
เพราะเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนเพศชายในร่างกายต่ำลงก็ทำให้ไม่สามารถควบคุมระบบประสาทที่ทำให้เกิดความต้องการทางเพศได้ และเช่นเดียวกัน
เมื่อเป็นโรคเบาหวานก็จะส่งผลทำให้ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่มีความเกี่ยวข้องก่อให้เกิดปัญหานกเขาไม่ขันได้
ยา : ถึงแม้ยาจะสามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้ แต่ในบางคนอาจจะมีการได้รับยาเกินขนาดหรือใช้ยารักษาที่ไม่เหมาะสม โดยสามารถส่งผลต่อสุขภาพได้หลายอย่าง
เช่น ระดับฮอร์โมนผิดปกติ และความดันเลือดผิดปกติ อันเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์กันกับการเกิดปัญหานกเขาไม่ขันนั่นเอง
พฤติกรรมทั่วไป : พฤติกรรมการใช้ชีวิตสามารถส่งผลต่อการเป็นโรคนกเขาไม่ขันได้ โดยเฉพาะผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำ
เนื่องจากสารที่อยู่ในแอลกอฮอล์และบุหรี่ สามารถส่งผลรบกวนการทำงานของระบบประสาทในร่างกายได้
ดังนั้น จึงทำให้ระบบประสาทเหล่านี้เสื่อมได้อย่างรวดเร็วและทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
2.ปัญหาทางสุขภาพจิต
ปัญหาสุขภาพจิต ถือเป็นสาเหตุที่แอบแฝงอยู่ในชีวิตประจำวันโดยที่ผู้ป่วยหลายคนไม่ทราบ ซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาและส่งผลต่อสุขภาพจิตที่ทำให้เกิดอารมณ์กระตุ้น
ได้แก่ ภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล ปัญหาทางด้านความเครียด นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีปัญหากับคนใกล้ตัว
ไม่ว่าจะจากคนในครอบครัวหรือในที่ทำงาน ก็สามารถส่งผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตได้เช่นเดียวกัน
อาการของโรคนกเขาไม่ขัน
สำหรับอาการของโรคนกเขาไม่ขันนั้น ผู้ป่วยจะไม่ได้แสดงอาการเจ็บป่วยเหมือนโรคอื่นๆ อะไรมากมาย
เพราะจะแสดงอาการในช่วงที่กำลังจะมีเพศสัมพันธ์เป็นหลักเท่านั้น กล่าวคือ อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว
และไม่ว่าจะพยายามกระตุ้นเท่าไรก็ไม่สามารถที่จะเกิดการแข็งตัวได้ หรือในบางรายอาจแข็งตัวได้เพียงไม่นาน
ก็จะกลับมาสู่สภาพหดตัวลงดังเดิมอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจเรื่องบนเตียงกับฝ่ายหญิงตามที่ต้องการได้
การวินิจฉัยโรคนกเขาไม่ขัน
การวินิจฉัยโรคนกเขาไม่ขัน แพทย์จะมีวิธีวินิจฉัยแบบเฉพาะ โดยจะมีกระบวนการ ดังนี้
- การสอบถามประวัติผู้ป่วย
- อาการ
- ยาที่ใช้
- การตรวจร่างกายพื้นฐาน
- การตรวจเลือด
- การตรวจปัสสาวะ
- การอัลตราซาวด์
- การทดสอบความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย
วิธีรักษาโรคนกเขาไม่ขัน
สำหรับวิธีรักษาโรคนกเขาไม่ขัน สามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทานยา และการรักษาทางสุขภาพจิต ซึ่งทั้ง 3 วิธีเรามีรายละเอียดมาฝากเพิ่มเติมดังนี้
1.การเปลี่ยนพฤติกรรม
การเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นวิธีพื้นฐานรักษาโรคนกเขาไม่ขันได้ดี โดยวิธีรักษาจากการปรับพฤติกรรมนั้น มีข้อควรปฏิบัติในด้านต่างๆ ดังนี้
น้ำหนักตัว : น้ำหนักเป็นตัวส่งผลสำคัญที่จะทำให้เกิดโรคนกเขาไม่ขันได้ โดยผู้ป่วยจะต้องควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ด้วยการใส่ใจรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
บุหรี่และแอลกอฮอลล์ : ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมีสารเสพติดที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาท
โดยมีส่วนทำลายเส้นประสาทได้ อันจะนำมาซึ่งผลกระทบต่อระบบประสาทที่อวัยวะเพศชายด้วยนั่นเอง
ความเครียด : ความเครียด มีผลทำให้เกิดความวิตกกังวล และนำมาซึ่งโรคซึมเศร้าได้ ดังนั้น จึงควรพยายามหลีกเลี่ยงความเครียดให้ได้ เพื่อลดความเสี่ยงเกิดโรคดังกล่าว
2.การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยยาจะต้องมีการปรึกษากับแพทย์ในเรื่องของการใช้ยาเพื่อรักษาโรคนกเขาไม่ขันเสียก่อน
โดยยาที่นำมาใช้คือ พีดีอี 5 อินฮิบิเตอร์ (Phosphodiesterase-5-Inhibitors:PDE-5) ซึ่งประกอบด้วยตัวยาหลายชนิดรวมกัน คือ
- ยาซิลเดนาฟิล (sildenafil)
- ยาทาดาลาฟิล (Tadalafil)
- ยาวาร์เดนาฟิล (vardenafil)
ตัวยาที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นยาที่ช่วยรักษาโรคนกเขาไม่ขัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้การไหลเวียนโลหิตภายในอวัยวะเพศชายเป็นไปดีขึ้น
หากแต่จะออกฤทธิ์ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และอย่างที่ทราบกันดีว่าการใช้ยารักษา เราควรจะต้องมีการปรึกษาแพทย์ก่อน
เพราะหากได้รับยาเกินขนาดอาจจะส่งผลเสี่ยงทำให้เกิดภาวะองคชาตแข็งค้าง (Priapism) ได้ หรือมีผลทำให้เกิดอาการนกเขาไม่ทันได้ด้วยเช่นกัน
3.การรักษาด้วยฮอร์โมน
การรักษาด้วยฮอร์โมนเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาฮอร์โมนเพศชายต่ำ ซึ่งแพทยจะทำการักษา
ด้วยการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์เพื่อเป็นการเพิ่มฮอร์โมนเพศชายให้กลับมาสูงขึ้นตามปกติ
4.การบำบัดทางจิต
การบำบัดทางจิตถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ป่วยโรคนกเขาไม่ขัน เนื่องจากปัญหาทางจิตไม่ว่าจะเป็นอาการเครียด ภาวะวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
ล้วนสามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทได้พอสมควร แพทย์จึงต้องให้การบำบัดรักษาทางจิตไปด้วย ซึ่งการบำบัดทางจิตก็มี 2 ช่องทางคือ
การบำบัด Sensate Focus เป็นการบำบัดแบบคู่รัก เพื่อช่วยลดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นระหว่างคู่รักมีเพศสัมพันธ์
การบำบัดเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioural Therapy) เป็นการบำบัดที่สามารถทำแบบคู่รัก
ซึ่งจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกทางเพศ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
วิธีป้องกันโรคนกเขาไม่ขัน
สำหรับวิธีป้องกันโรคนกเขาไม่ขันนั้น สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้จากตนเอง โดยมีวิธีป้องกันดังนี้
1.ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญซึ่งจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และระบบต่างๆภายในร่างกาย
ก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมดุลมากขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกายจะกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดให้ทำงานดีขึ้นนั่นเอง
2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยให้ร่างกายปลอดจากสารเคมีที่ส่งผลต่อระบบประสาท
โรคนกเขาไม่ขัน เป็นโรคที่เป็นปัญหาสำหรับผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และส่งผลต่อการใช้ชีวิตได้มากพอสมควร
ทั้งนี้ก็สามารถที่จะรักษาได้แต่ควรที่จะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Credit : lommelegen.no
โรคนกเขาไม่ขัน เป็นโรคที่กลุ่ม คนวัย 40 ปีขึ้นไปจนกระทั่ง ผู้สูงอายุ มักประสบกันมาก
ซึ่งหากใครที่อายุยังไม่มากก็ควรใส่ใจดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการเกิดอาการดังกล่าว สำหรับใครที่เป็นโรคนี้แล้ว
ก็ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาบำบัดอย่างตรงจุด อาการก็จะดีขึ้น การเสพสุขกับคนที่คุณรักก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป