สิวผด คืออะไร ? สิวผด เกิดจาก สิวที่มีการอุดตัน แต่ไม่ใช่สิวอุดตัน จัดว่าเป็นหนึ่งในสิวที่พบได้บ่อยไม่แพ้สิวชนิดอื่นๆ
เวลาเกิดขึ้นครั้งหนึ่งจะสร้างปัญหาให้กับผิวหน้าของสาวๆ ได้อย่างมากมาย ด้วยลักษณะที่ผุดขึ้นมาเหมือนผด
จึงแตกต่างจากสิวทั่วๆ ไป แต่โดยรวมก็จะเป็นการอุดตันภายในรูขุมขน มักพบได้บ่อยที่บริเวณหน้าผาก เป็นๆ หายๆ หรืออาจเป็นหนักจนกระจายทั่วใบหน้า พบมากในช่วงหน้าร้อน
หรือช่วงที่มีอากาศมีอุณหภูมิสูง แม้จะเป็นชนิดของสิวที่ไม่ร้ายแรง แต่ส่งผลต่อความมั่นใจที่ต้องรีบแก้ไขไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้จะดีกว่าค่ะ
สิวผด เกิดจาก อะไร?
สิวผด (ภาษาอังกฤษ – Acne Estivalis หรือ Mallorca acne) เป็นสิวชนิดหนึ่ง พบได้บ่อย มีลักษณะเป็นผื่นขนาดเล็กๆ กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วใบหน้า
สิวผดจะเป็นเหมือนผด คือเป็นผื่นขึ้นมาแดงๆ จำนวนมาก พบได้มากที่หน้าผากและขมับ เมื่อใช้มือสัมผัสจะรู้สึกได้ถึงความแหลมของหัวสิว ทำให้บางครั้งเราเรียกสิวชนิดนี้ว่า “สิวหิน”
แม้มองดูด้วยตาเปล่าจะเป็นเพียงสิวขนาดเล็ก สิวชนิดนี้สามารถเห่อขึ้นได้เป็นช่วงๆ และหายไปในระยะเวลาไม่นานได้ ทว่า มักจะเป็นๆ หายๆ พบได้บ่อยในช่วงเวลากลางวันที่มีอากาศร้อนจัด
เนื่องจากเป็นสิวที่ไม่มีหัว ทำให้ไม่สามารถเอาออกได้ด้วยวิธีการีบ ยิ่งผิวหน้าสัมผัสกับแดดนานเท่าไหร่
ยิ่งทำให้เกิดการกระตุ้นของต่อมเหงื่อกลายเป็นสิวชนิดนี้ขึ้นมา ยิ่งเอามือสัมผัส ยิ่งทำให้รู้สึกรำคาญ
มีอาการคันและแสบ การรักษาและดูแลอย่างถูกวิธีเท่านั้น จึงจะช่วยให้สิวผดค่อยๆ จางลง และลดการกลับมาเห่อบนผิวหน้าได้บ่อยๆ อีกด้วย
สิวผด สิวอุดตัน ต่างกันยังไง
บางคนบนผิวหน้าไม่ได้มีแค่สิวเพียงชนิดเดียว แต่กลับพบทั้งสิวอักเสบ สิวเสี้ยนหรือสิวอุดตัน และบางครั้งยังเป็นสิวผดขึ้นมาด้วย
ส่วนมากแล้วสิวแบบต่างๆ จะมีลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกัน ทว่าสิวผดกับสิวอุดตัน มักจะแยกกันออกยาก
เพราะสิวอุดตันหรือสิวเสี้ยนเราจะสามารถบีบออกได้ แต่สิวผดจะไม่สามารถใช้มือบีบได้ เพราะเป็นชนิดไม่มีหัว
การแยกสิวทั้งสองชนิดออกจากกันนั้น ให้สังเกตว่าสิวชนิดนี้จะเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่ผิวไปสัมผัสเป็นหลัก
แต่ สิวอุดตัน จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจากการอุดตันของรูขุมขน ด้วยสาเหตุที่มาจากการใช้แป้ง เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ทาผิวที่เข้าไปสะสมอยู่ในรูขุมขน รวมตัวกับเชื้อโรค
เป็นแล้วจะคงอยู่แบบนั้นไม่ยอมหายจนกว่าหัวจะโผล่ออกมาแล้วดึงออก แต่สิวผดจะเป็นแล้วหายได้เอง หากสภาพอากาศดีขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผด
1.สิวผด เกิดขึ้นได้จากเชื้อรา ที่เรียกว่า P.OVALE เป็นตัวการที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยาโดยตรงกับต่อไขมันที่อยู่บนผิวหน้าของเรา
ไม่ว่าจะเเป็นส่วนของจมูก คาง และโดยเฉพาะหน้าผาก ซึ่งเป็นส่วนที่พบสิวผดได้มากที่สุด
2.การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พบได้บ่อยในสภาพอากาศที่ร้อนจนร่างกายต้องทำการขับเหงื่อออกมาเพื่อช่วยระบายให้ร่างกายเย็นลง
ภายนอกผิวจึงชื้นแฉะ เมื่อสัมผัสกับฝุ่นละอองก็จะเกิดการสะสมก่อตัวกลายเป็นอาการระคายเคืองขึ้นมา จนเกิดการอุดตัน
3.การทำงานของต่อมไขมันในช่วงหน้าร้อนจะทำงานมากเป็นพิเศษ
ยิ่งเป็นตัวการเข้าไปช่วยเสริมให้เชื้อราและสิ่งปรกเกิดการอุดตัน กลายเป็นสิวผดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
4.การระคายเคืองหรือแพ้เหงื่อของตัวเอง
5.คนที่มักใช้น้ำอุ่นล้างหน้าตอนเช้าและก่อนนอนเป็นประจำ จะทำให้ผิวระคายเคืองและแห้ง ต่อมไขมันทำงานมากขึ้นจนผิดปกติ
6.การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่ไม่มีคุณภาพ รวมถึงการล้างผิวหน้าได้ไม่สะอาดหลังจากแต่งหน้า
สิวผดที่หน้าผาก สาเหตุมาจากกอะไร
เนื่องจากสิวผดมักพบได้มากที่บริเวณหน้าผากของเรา ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดที่หน้าผาก
ก็ไม่ต่างจากการเกิดในจุดอื่นๆ มากนัก เพียงแค่ส่วนของพื้นผิวตรงนั้นไวต่อความผิดปกติมากเป็นพิเศษ
หรือได้รับผลกระทบมากกว่าในส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นสาวๆ ที่ชอบตัดผมหน้าม้า
ทำให้มีสิ่งสกปรกจากผมเกาะสัมผัสกับหน้าผากอยู่ตลอดเวลา มีเหงื่อออกได้ง่าย
การใช้ครีมนวดหรือยาสระผม ที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองมาถึงผิวที่อยู่ใกล้เส้นผม
ทำให้เกิดเป็นสิวผดที่หน้าผากได้ง่ายและเชื้อราแพร่ขยายตัวอย่างรวดเร็วอีกด้วย
สิวผดรักษายังไง
การรักษาสิวผดต้องเริ่มจาการดูแลตัวเองก่อน แก้ไขที่ต้นตออันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา วิธีลดสิวผดด้วยตัวเองแบบไม่ยาก คือ
1.การหลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นล้างหน้า แต่ให้ใช้น้ำอุณหภูมิปกติในการทำความสะอาดผิวแทน
ซึ่งถือว่าเป็นน้ำที่ดีเหมาะสมที่สุดกับสภาพผิวของเรา
2.หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน แต่หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้งจริงๆ แม้สภาพอากาศจะไม่มีแดดเลยก็ตาม
อย่าลืมว่ายังมีรังสียูวีที่เรามองไม่เห็นล่องลอยอย่างเข้มข้นอยู่ในอากาศรอบตัว
ดังนั้นควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ก่อนออกจากบ้านเป็นเวลา 30 นาที
3.ควรล้างเครื่องสำอางทุกครั้งก่อนเข้านอนให้มั่นใจว่าสะอาดหมดจรด
และหลังการออกกำลังกายหรือกลับเข้าบ้านแล้ว ควรเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าธรรมดาอย่างเบามือ
เพื่อเป็นการกำจัดเอาสิ่งสกปรกออกจากผิวให้ได้มากที่สุด
4.ในระหว่างที่เป็นสิวผด ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าจัดมากเกินไป เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้อาการรุนแรงมากขึ้น
5.ไม่ควรแกะหรือบีบสิวผด เพราะจะยิ่งทำให้อาการอักเสบหนักมากขึ้น ลุกลามกลายเป็นสิวหัวหนองขนาดใหญ่
เมื่อหายแล้วสามารถกลายเป็นแผลเป็นทำให้ผิวหน้าของสาวๆ ขรุขระอีกด้วย
การใช้ยารักษาสิวผด
ยารักษาสิวผดหรือครีมรักษาสิวผดเป็นอีกทางเลือก แต่สาวๆ จำเป็นต้องเลือกใช้ชนิดที่เชื่อถือได้
หากเป็นยาที่มีกรดหรือสารอันตรายในกลุ่มควบคุม ไม่ควรซื้อมาทาเอง
แต่ให้แพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้สั่งยาให้จะดีกว่า โดยยารักษาสิวผดทั่วไปที่นิยมใช้ ได้แก่
1.ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
เป็นยาที่ใช้รักษาสิวผดอันเนื่องมาจากสาเหตุของเชื้อราหรือยีสต์แบบทา แต่ก็มีทั้งชนิดกินและใช้สระผมด้วย
สรรพคุณหลักๆ ของยาชนิดนี้คือการรักษาโรคผิวหนังอันเนื่องมาจากอาการคัน เกลื้อน หรือเชื้อรา
เมื่อทาแล้วจะทำให้เชื้อเหล่านี้ไม่สามารถสร้างอาหารขึ้นมาได้และตายไปในที่สุด
ถือว่าเป็นวิธีแก้สิวหลักๆ ที่แพทย์มักจะสั่งยาชนิดนี้ให้กับผู้ป่วย
2.ยาอะดาพาลีน (Adapalene)
เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (ประเภทดาพาลีน) หลักๆ ในการทำงานของตัวยาก็คือการเข้าไปกระตุ้นให้สิวผิดมีหัวขึ้นมา
แล้วใช้วิธีกำจัดออก แต่จะต้องใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากตัวยาจะค่อยๆ ทำงาน และต้องทาอย่างเสมอ
เนื่องจากตัวยาจะเข้าไปดันไขมันที่มันอุดตันอยู่ภายในรูขุมขนออกมา เลยอาจจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าดูเป็นสิวเห่อมากขึ้น คิดไปเองว่าแพ้ยา
Photo Credit : huidarts.com
แต่จริงๆ แล้วฤทธิ์ของยากำลังทำงานนั่นเอง ในช่วงเวลานี้สาวๆ จึงจำเป็นต้องทนรับสภาพผิวหน้าของตัวเองที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อนที่สิวจะหายนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าสิวผดเป็นหนึ่งในสิวที่พบได้บ่อยไม่แพ้สิวชนิดอื่น วิธีรักษาสิวผดที่ดี จึงจำเป็นต้องทำอย่างถูกขั้นตอนและเหมาะสม
อีกทั้งการดูแลตัวเองจะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น หากสาวๆ ไม่อยากให้ผิวหน้าของตัวเองขรุขระไปด้วยเม็ดสิวขนาดเล็กจนหมดสวย
แถมยังไปทำให้การแต่งหน้ากลายเป็นเรื่องยากอีกด้วย อย่าลืมสิ่งสำคัญคือการดูแลผิวหน้าให้สะอาด ก็จะช่วยให้สิวชนิดนี้ลดลงได้ไม่มากก็น้อย