โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease: GERD) คือหนึ่งในโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับคนในช่วงวัยทำงานเป็นประจำ ซึ่งโรคนี้ไม่เพียงแต่สร้างความทรมานให้กับร่างกายเท่านั้น แต่ก็ยังนำมาซึ่งอาการที่สร้างความอันตรายในระยะยาวให้กับร่างกายอีกด้วย ลองมาทำความรู้จักเพื่อเข้าใจและทราบถึงวิธีป้องกันของ โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease) นี้กัน
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน
ในส่วนของสาเหตุที่จะทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้นั้น มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ
- หูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารมีความผิดปกติ สาเหตุนี้จะมาจากหูรูดเสื่อมสภาพ ซึ่งก็จะเป็นไปตามช่วงวัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ
- การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ พฤติกรรมเหล่านี้ก็นำมาซึ่งอาการหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารผิดปกติได้เช่นกัน
- การบีบตัวของกระเพาะอาหารลดลง ภาวะเช่นนี้จะทำให้อาหารที่ถูกย่อยแล้ว คั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน ซึ่งก็จะทำให้ไม่สามารถบีบตัวได้อย่างปกติ ส่งผลให้เกิดแรงดันในกระเพราะอาหารมากขึ้นจนดันเอาอาหารและน้ำย่อยเข้าสู่หลอดอาหารได้
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากอายุครรภ์ที่มากขึ้น ทำให้ครรภ์ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็ทำให้เกิดความดันในกระเพาะมากขึ้นด้วย
- ความเครียด เมื่อมีภาวะความเครียดที่สูงขึ้น ก็ทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากขึ้น ทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น
อาการของโรคกรดไหลย้อน
อาการของโรคกรดไหลย้อน นั้นมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน แต่จะสามารถสังเกตได้ไม่ยาก ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปนั้น ได้แก่
- อาการจุกแน่นหน้าอก คล้ายกับอาการอาหารไม่ย่อย มีกลิ่นปาก เสียวฟันง่าย บางรายก็มีอาการฟันผุร่วมด้วย
- ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน โดยจะเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหาร
- แสบร้อนที่กลางอก และลิ้นปี่ บางคนอาจมีอาการปวดร้าวที่บริเวณคอ เวลานอาหารแล้วจะกลืนลำบาก แสบคอ มีรสขมหรือเปรี้ยวไหลย้อนขึ้นที่คอหรือปาก
- ไอแห้ง มีอาการไอเรื้อรัง หรืออาจกระแอมไอบ่อยๆ อาจมีอาการสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกในเวลากลางคืน
วิธีรักษาและป้องกันโรคกรดไหลย้อน
การรักษาโรคกรดไหลย้อนนั้น แพทย์จะมีวิธีในการรักษาอยู่หลายวิธี และต้องเป็นการรักษาเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาด้วย โดยวิธีรักษานั้นคือ
- การรับประทานยาลดกรด ช่วยในการลดการหลั่งกรดในกระเพาะ และป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
- การผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่รักษาด้วยการทานยามาเป็นเวลานาน แต่อาการของโรคยังคงอยู่
- การทานสมุนไพร เช่น ขมิ้นชัน กะเพรา ขิง เป็นต้น
ในส่วนของการป้องกันนั้น สามารถทำได้โดยเริ่มจากการหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด การดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมทั้งการผ่อนคลายเมื่อรู้สึกเครียด และการรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ เพื่อป้องกันการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป