สาวๆ ที่เคยเผชิญกับปัญหาผิวหน้าพัง เป็นสิวเต็มหน้าจนดูผิดปกติไปจากเดิม ปกติที่นานๆ จะมีสิวขึ้นสักครั้งหนึ่ง กลับเป็นสิวผดปรากฏขึ้นตามหน้าผากบ้าง
ผิวหน้ามีอาการตึงและเกิดสิวขึ้นมาเรื่อยๆ เยอะมาก จนกลายเป็นความกังวลใจ หากลองนึกย้อนกลับไปให้ดี
ปัญหาผิวที่เกิดขึ้น อาจมาจากการที่สาวๆ ไปใช้เครื่องสำอางราคาถูก หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
จนเกิดภาวะที่เรียกกันว่า ผิวติดสเตียรอยด์ (Steroid Addiction Skin) เป็นหนึ่งในภาวะที่พบได้ในคนที่เคยใช้สเตียรอยด์
หลังหยุดใช้จะทำให้เกิดอาการอยากาขึ้นมา ฟ้องออกมาด้วยอาการคัน ลอก แห้ง และตึง บางรายรุนแรงถึงขั้นที่มีน้ำเหลืองไหลซึมออกมาตลอดเวลา
เป็นภาวะอักเสบที่ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้ผิวหน้าของสาวๆ พังเสียหาย จนยากจะกู้คืนกลับมาได้นั่นเองล่ะค่ะ
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผิวเสียจากสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ?
ผิว หน้าติดสเตียรอยด์ เกิดการสูญเสียอย่างหนักแล้ว จะทำให้เกิดอาการแพ้ต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ตามมาได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรค เมื่อกระทบผิวเพียงน้อยนิด
ก็ทำให้เกิดอาการระคายเคือง อักเสบ แสบและคัน กลายเป็นจุดด่างดำไม่น่ามอง ผิวที่เสียหนักมาก จนถึงขั้นมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมาจากจุดที่เป็นสิวอักเสบ จะต้องใช้เวลาในการสร้างผิวชั้นใหม่ขั้นมา
ดังนั้นในระหว่างที่ผิวกำลังได้รับการดูแลรักษา จะต้องหาทางบรรเทาอาการอักเสบของผิว เพื่อช่วยเพิ่มเกราะป้องกัน ให้ผิวสาวสามารถกลับมาซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น
ในระหว่างนี้แน่นอนว่าก็จะเกิดภาวะ “สิวเห่อ” ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เป็นช่วงเวลาที่สาวๆ ต้องอดทน ชินกับผลกระทบจากพฤติกรรมของตัวเอง และการรักษาหากเป็นไม่มากนัก
ระยะเวลา 1 เดือนก็สามารถทำให้ผิวกลับมาเป็นปกติได้ แต่บางรายที่รุนแรงมาก ก็อาจใช้เวลานานเกือบครึ่งปีกันเลยทีเดียว
ผิวหรือ หน้าติดสเตียรอยด์มีลักษณะอย่างไร ?
กรณีที่ผิวหน้าเกิดภาวะติดสเตียรอยด์ สิ่งที่เราจะสามารถสังเกตได้ คือตุ่มแดงๆ จะขึ้นมาตามผิวหน้าคล้ายสิวผด
แต่จะไม่มีหัวสิว ขนาดของตุ่มเท่ากัน และเชื่อมต่อกันเป็นลักษณะแพ ผิวหน้ามีอาการอักเสบและแดงผิดปกติ
หรือเกิดการอักเสบเกิดขึ้น ผิวหน้าที่ติดสเตียรอยด์แล้ว มักจะมีปัญหาผิวแพ้ง่ายตามมา
เมื่อไปใช้ครีมหรือเครื่องสำอางชนิดอื่น จะเกิดอาการระคายเคืองได้ อีกทั้งการดูแลที่ไม่ถูกต้อง
ยังจะทำให้มีโอกาสติดเชื้อ ผิวหน้าเสียหายอย่างรุนแรง เมื่อกลับไปใช้สเตียรอยด์อีกครั้ง
ผิวหน้าจะกลับมาใสเหมือนเดิม แต่หลังหยุดใช้แล้ว อาการต่างๆ ที่ผิดปกติ ก็จะกลับมาอีก
สาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดอาการผิวติดสเตียรอยด์
สาเหตุหลักๆ ของอาการดังกล่าวาจากส่วนผสมของสเตียรอยด์ที่อยู่ในเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีมรักษาสิว ครีมหน้าใส หรือครีมที่ช่วยให้หน้าขาวได้อย่างรวดเร็ว
หากเป็นครีมที่ไม่มีมาตรฐาน ราคาถูก มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด แน่นอนว่าจะะพบสารสเตียรอยด์ในปริมาณสูง
การใส่สารชนิดเข้าไปเป็นส่วนประกอบหลัก นั่นก็เป็นเพราะคุณสมบัติที่ช่วยบำบัดอาการให้สิวที่เกิดบนใบหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว
จนเราคิดว่านั่นเป็นครีมที่ดี อัศจรรย์ จนซื้อใช้อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นจะเกิดผลข้างเคียงกลายเป็นอาการผิวติดสเตียรอยด์
ผิวหน้าจะมีความบาง แพ้ง่าย มีสิวผิด ผื่นแดง สิวหนอง และสิวอักเสบเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
การใช้ยารักษาสิว ไม่สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นเท่าใดนักอีกด้วย นั่นเป็นเพราะว่า สเตียรอยด์เข้าไปทำลายผิว ให้เกิดการทำงานที่ผิดแปลกไปจากเดิมนั่นเอง
ชนิดของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่พบสารสเตียรอยด์ได้บ่อยและในปริมาณสูง
ชนิดของผลิตภัณฑ์จากการสุ่มตรวจ ที่พบว่ามีสารสเตียรอยด์เจือปนอยู่ในปริมาณมาก ได้แก่
1.ยาฉีดสิว
ยาฉีดสิวที่พบตามคลินิกเสริมความงามทั้งหลาย อาจจะดูเหมือนเป็นยาดี แต่ยาฉีดสิวก็คือสารสเตียรอยด์เน้นๆ เลยนั่นเอง
การฉีดมีประโยชน์ตรงที่ช่วยให้สิวยุบตัวอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วันสิวอักเสบขนาดใหญ่ก็จะฝ่อตัวหายไป
การฉีดสิวบ่อยๆ ติดต่อกัน เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการผิวติดสเตียรอยด์ตามมาได้
2.ยารักษาสิวชนิดแต้ม
การแต้มสิวจากภายนอก จริงๆ แล้วก็มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกัน จะใช้กับคนที่มีปัญหาสิวมาก
เมื่อใช้แล้วจะทำให้อาการค่อยๆ ดีขึ้นมา เป็นการใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่บางครั้งการรักษาที่ผิดวิธี
คลินิกเสริมความงามจ่ายยารักษาสิวในปริมาณเข้มข้นเท่าเดิม ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะทำให้ผิวเกิดการสะสมสเตียรอยด์ กลายเป็นผลกระทบต่อผิวตามมาในที่สุด
3.ยารักษาสิวชนิดอื่นๆ
จะเป็นยารักษาสิวที่จะแบ่งเป็นชนิดทาเพื่อรักษาสิวอักเสบ และพวกครีมรักษาสิว ครีมบำรุงผิวหน้าขาว หน้าเด้ง หรือครีมขาวชนิดเร่งด่วน ล้วนมีสเตียรอยด์ในปริมาณสูงมาก
จะรักษาอย่างไรเมื่อผิวติดสเตียรอยด์ ?
1.กรณีที่ผิวเกิดอาการเห่อของเม็ดผื่นขึ้นมาบนผิวหน้าในช่วงแรก การรักษาที่้เหมาะสมที่สุดคือ
การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นสูตรอ่อนโยน และต้องเป็นชนิดที่อ่อนโยนมากที่สุด
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย ให้ใช้ล้างทำความสะอาดผิวหน้าตามปกติ
อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และล้างอย่างเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปกระตุ้นการเกิดสิวเพิ่มขึ้นมาอีก
2.งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเร่งช่วยให้ผิวหน้าขาวใส หรือลดริ้วรอย ให้หันมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง
จะเป็นตัวช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน จะเป็นตัวช่วยลดอาการระคายเคือง ทำให้ผิวที่อ่อนแอค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรง และทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีขึ้น
3.หลีกเลี่ยงการออกแดดหากไม่จำเป็น เพราะขณะที่ผิวยังอ่อนแออยู่ การถูกแสงแดด ยิ่งไปกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของผิวลดต่ำลงอย่างมาก
ผิวที่โดนแสงแดด จะฟื้นตัวได้ช้า แต่หากจำเป็นต้องออกแดดจริงๆ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ไม่ส่วนผสมของครีมรองพื้น เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
4.หากจำเป็นต้องแต่หน้า หรือในระหว่างวันมีการทาครีมกันแดดชนิดกันน้ำ ให้ใช้ Cleansing oil ช่วยล้างเครื่องสำอาง ซึ่งจะดีกว่าแบบ cleansing water เป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการระคายผิวจากการใช้สำลีเช็ด
5.การล้างทำความสะอาดผิวหน้า ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอุ่นแต่อย่างใด
Photo Credit : topicalsteroidwithdrawal.com
นอกจากนี้สาวๆ จะต้องใช้เวลาใน การแก้ปัญหาผิวติดสเตียรอยด์ กันในระยะยาวด้วยความอดทน และที่สำคัญในระหว่างการดูแลผิวภายนอก ก็จะต้องทำการดูแลผิวภายในไปพร้อมๆ กันด้วย
นั่นคือสุขภาพร่างกายของเราเอง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น รักษาความสะอาดของเสื้อผ้าและเครื่องนอน
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นล้างหน้าล้างหน้าไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน หมั่นออกกำลังกาย และเลือกกินผักและผลไม้ที่จะมีสารอาหารเข้าไปช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหายอีกขั้นหนึ่งด้วย