หลายคนคงนึกไม่ถึงว่า มีอีกหนึ่งจุดที่การเกิดฝีทำให้เจ็บปวดรวดร้าวได้ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ฝีที่รักแร้ ตำแหน่งที่ผิวหนังเสียดสีกันได้ง่ายมาก จึงทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ตลอดเวลา
อีกทั้ง ยังทำให้สูญเสียความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน หากฝีเหล่านั้นเกิดขึ้นในตำแหน่งที่ยากจะปกปิด
ดังนั้นลองมาทำความรู้จักว่า ฝีเกิดจากอะไร แล้วลักษณะของฝีที่รักแร้ต้นตอมาจากไหน เราจะรับมือแก้ปัญหากับมันอย่างไรได้บ้าง ?
ฝี เกิดจากอะไร ?
ฝี (ภาษาอังกฤษ – Abscess) เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้บนร่างกายของเรา สาวๆ ที่เคยเผชิญกับตุ่มประหลาดชนิดนี้ แน่นอนว่า ต้องทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกาย
ฝีเกิดจากอะไร ? ฝีที่เกิดขึ้นบนร่างกาย หรือจะเป็น ฝีที่รักแร้ ฝีไม่มีหัว ล้วนมีสาเหตุมาจากการอักเสบของผิวหนังที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง
จะเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ เมื่อร่างกายมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ สามารถพบได้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย แล้วแต่ว่าส่วนไหนจะการเกิดอักเสบและติดเชื้อ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เชื้อโรคต่างๆ ที่ทำให้เกิดฝีนั้นมาจากไหน ?
ให้ลองสังเกตดูว่าในแต่ละวัน เราต้องดำเนินชีวิตกับสภาพแวดล้อมทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนมีเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็น การสัมผัสกับเชื้อโรคทั้งหลายจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่ละคนที่สัมผัสกับเชื้อโรคก็ใช่ว่าจะเกิดฝีเสมอไป แต่นั่นเป็นเพราะ หลายๆ ปัจจัย
ซึ่งเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่เป็นตัวการทำให้เราเกิดการอักเสบบริเวณผิวหนังได้ง่ายกว่าคนอื่น
การเชื่อมโยงระหว่างภูมิคุ้มกันที่ต่ำ ยังมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพ
โดยเฉพาะเรื่องของการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ส่งผลกระทบต่อระบบย่อย ระบบขับถ่าย
และทำให้เกิดการคั่งค้างของๆ เสียในร่างกาย สะสมพอกพูนอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย
การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียชนิดไม่ดี เมื่อเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็ไปกดระบบภูมิคุ้มกันของเรา
ส่งผลกระทบต่อผิวหนังภายนอกตามมา ชนิดที่เชื่อว่าสาวๆ ทุกคนคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียวค่ะ
เป็นฝีที่รักแร้ หรือ ค้างคาวห้อยหัว มีลักษณะอาการเป็นอย่างไร ?
เป็นฝีที่รักแร้ขึ้นมา ในคนส่วนมากไม่ค่อยรู้ตัวในช่วงแรก และไม่ได้คิดว่าอาการดังกล่าวเกิดจากฝี
คิดเดากันไปว่านั่นคือลักษณะของสิวทั่วไปตามปกติที่เกิดขึ้นได้ หรือหากมีการอักเสบมากขึ้นหน่อยก็คือว่าเป็นสิวหัวช้าง
ใช้ยาทาแผลให้มันยุบๆ ไปโดยจะเกิดขึ้นชนิดที่ไม่ยอมหายไปถาวร
แต่จะเกิดขึ้นแบบเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันนานกว่า 5 เดือน เป็นตุ่มขนาดใหญ่แตกต่างกัน มีสีแดงชัดเจน และรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัส
อาการของฝีที่รักแร้จะลุกลามมากขึ้น เมื่อมันเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
อาการของฝีที่พบอาจะมีหนองเกิดขึ้นร่วมด้วยเป็นครั้งคราว เมื่อใช้มือคลำในช่วงแรกจะพบก้อนแข็งที่รักแร้
แต่จะไม่มีอาการเจ็บ ทำให้ส่วนใหญ่ละเลยอาการดังกล่าวไปจนกว่าอาการจะหนักขึ้น
หากตุ่มฝีเกิดแตกขึ้นมากลายเป็นแผลสด จะยิ่งทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างมากจนไม่สามารถสัมผัสโดนได้เลย
ยิ่งหากมีการกระทบกระเทือนเกิดขึ้น ก็จะทำให้รู้สึกปวด บวม แดง ร้อน
หากช่วงแรกยังเป็นตุ่มแข็งและไม่ยอมรักษา ฝีจะค่อยๆ โตมากขึ้นจนในที่สุดจะนุ่มลง และกลัดหนอง
พอเวลาผ่านไปสัก 3-4 วัน ฝีจะแตก ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อ ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียง
กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น เข้าสู่กระแสเลือด เป็นอันตรายร้ายแรงตามมาได้
สาเหตุที่ทำให้เกิด ฝีที่รักแร้
ฝีที่รักแร้ เกิดขึ้นได้นั้นส่วนมากแล้วมาจากการติดเชื้อที่บริเวณ “รูขุมขน” ของรักแร้นั่นเอง
พบได้บ่อยในกลุ่มคนที่ชอบถอนขนรักแร้ หรือรักแร้มีความอับชื้นมาก การดูแลทำความสะอาดไม่เพียงพอ
ทำให้มีเชื้อโรคสะสมอยู่ ดังนั้นหากอาการเจ็บที่รักแร้ มีก้อนแข็งนานมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป
ควรรีบเข้าไปพบแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข ตรวจสอบว่าอาการผิดปกติดังกล่าวมามีสาเหตุมาจากอะไร
ซึ่งอาจจะเป็นอาการจากโรคอื่นได้ด้วย เช่น ภาวะต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น
วิธีรักษาฝีที่รักแร้
วิธีรักษาฝีให้ได้ผล และไม่กลับมาเกิดขึ้นได้อีกนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในการดูแลตัวเองด้วย
เพราะเมื่อใดก็ตามที่ฝีหายไปแล้ว อาจจะทำให้กลับมาเป็นซ้ำได้หากระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง
ฝีที่รักแร้ด้านขวาที่หายแล้ว อาจจะกลับมาเป็นอีกที่ด้านซ้าย สลับไปมาแบบนี้
หรือไปขึ้นในส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้เช่นกัน ในการรักษามีหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงที่เกิดขึ้น
กรณีที่ฝีมีลักษณะเปล่งมาก ก็จะต้องใช้วิธีผ่าตัดเข้ามาช่วย ส่วนคนที่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด
แพทย์จะให้กินยาแก้อักเสบเพื่อทำให้ฝียุบ หรือการฉีดยาในเบื้องต้น แต่เมื่อการรักษาทั้งสองวิธีดังกล่าวไม่ได้ผล
ฝีไม่ยุบภายใน 2-3 วัน แถมมีการอักเสบหนักกว่าเดิม อาการปวดรุนแรงจนทนไม่ไหว ก็จะต้องใช้การผ่าตัดเป็นทางออกสุดท้าย
Photo Credit : webmd.com
ฝีที่รักแร้ ก็เช่นเดียวกับฝีในจุดอื่นๆ ของร่างกาย วิธีแก้ไขที่จะช่วยให้ฝีหายไปไม่กลับมาเป็นอีก
คือการพยายามดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้แข็งแรง รักษาความสะอาด หมั่นตรวจเช็คอาการผิดปกติที่ใต้รักแร้อย่างสม่ำเสมอด้วย
และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆ ในร่างกาย ก็จะช่วยป้องกัน และลดการกลับมาเป็นฝีซ้ำได้อีกนั่นเองค่ะ