มดลูกต่ํา (ภาษาอังกฤษ – Pelvic Organ Prolapse) หรือเรียกกันในอีกชื่่อว่า มดลูกหย่อน เป็นภาวะที่มดลูกมีตำแหน่งต่ำลงมากกว่าปกติ ที่จะอยู่ภายในยอดบนของช่องคลอด
และมีปากมดลูกยื่นเข้ามาในช่องคลอด โดยทั่วไปผู้หญิงจะไม่ค่อยรู้ถึงตำแหน่งที่ผิดปกติไปของมดลูกโดยตรง
แต่จะรู้สึกได้จากอาการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรู้สึกเจ็บท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์ อาการดังกล่าว จะไม่ได้มาจากการเจ็บของการเสียดสีหรือไม่มีน้ำหล่อลื่น
แต่เจ็บจากการที่มดลูกถูกอวัยวะเพศชายกระแทกเข้าไปโดยตรง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะอักเสบ ที่จะเป็นอันตรายตามมาได้ง่าย เนื่องจากภาวะนี้เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน
ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลตัวเองและหมั่นสังเกตความผิดปกติ ทางที่ดีลองมาทำความรู้จักกับอาการต่างๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนกันให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ
ระดับการหย่อนในภาวะมดลูกต่ํา
ระดับความผิดปกติที่เกิดขึ้น กับผู้หญิงที่มีภาวะมดลูกต่ํา ส่วนมากจะพบได้ในกลุ่มที่เป็นหญิงวัยกลางคนหรือหญิงสูงอายุ
เมื่อมดลูกอยู่ในตำแหน่งที่่ต่ำกว่าปกติจากยอดช่องตลอด การลดต่ำลงมาจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน คือ
1.การเคลื่อนของมดลูกลงมา ในตำแหน่งครึ่งหนึ่งของความลึกช่องคลอด
2.การเคลื่อนของมดลูกลงมาในตำแหน่งที่ปากมดลูก ยื่นถึงเยื่อพรมจรรย์ที่ปากช่องคลอด
3.การเคลื่อนของมดลูกลงมาในตำแหน่งที่ปากมดลูก ยื่นพ้นเยื่อพรมจรรย์ที่ปากช่องคลอด
4.การเคลื่อนของมดลูกลงมาในตำแหน่งที่ปากมดลูก พ้นปากช่องคลอดออกมา
เราจึงกล่าวได้ว่า ภาวะมดลูกต่ํา คือการที่มดลูกเคลื่อนตัวลงมาจากช่องคลอด หรือเรียกว่าการหย่อนตัวของผนังช่องคลอด
โดยอาจพบได้ตั้งแต่กำเนิดหรือการหย่อนของกล้ามเนื้อที่อุ้งเชิงกราน ซึ่งทำหน้าที่ในการพยุงตัวของมดลูกให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
เมื่อเกิดการหย่อนตัว ก็จะทำให้มดลูกหลุดลงมาอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิมนั่นเอง
ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการหย่อนตัวของอุ้งเชิงกราน
เนื่องจาก อุ้งเชิงกราน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะมดลูกต่ํา สาเหตุที่ทำให้เกิดการหย่อนของอุ้งเชิงกราน
สามารถเกิดขึ้นได้จากในกลุ่มผู้หญิงที่เคยมีบุตรมาแล้วหลายคน หรือคนที่ใช้วิธีการผ่าคลอด
เพราะการคลอดบุตรแต่ละครั้งจะทำให้กล้ามเนื้อและส่วนของเนื้อเยื่อต่างๆ ขยายตัว การมีอายุที่มากขึ้น ทำให้อุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง มีการเสื่อมสภาพลงไปตามเวลา
แม้กระทั่งในรายที่เคยมีเพศสัมพันธ์มากๆ ทำให้ช่องคลอดใช้งานหนัก ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงได้เช่นเดียวกัน
อาการ มดลูกต่ํา มีอาการอย่างไรบ้าง ?
สาวๆ สามารถสังเกตอาการมดลูกต่ําของตัวเองได้ จากความผิดปกติที่รู้สึกภายในช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็นการรู้สึกคับแน่นหรือบวมในช่องคลอด
ปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่ละครั้งกระปริดกระปรอยมีปัสสาวะคั่งค้างหรือกั้นปัสสาวะไม่อยู่ มีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงที่ไม่ใช่รอบเดือน
สาเหตุเพราะการเสียดสีจากภายใน มีระบบขับถ่ายผิดปกติ ท้องผูก ท้องอืด อุจจาระลำบาก มีอาการตกขาวคล้ายหนองปนเลือด รู้สึกหน่วงๆ ที่ปากช่องคลอด
เหมือนมีอะไรอยู่บริเวณนั้น ปวดหลังขณะยืนทำงาน แต่อาการจะหายไปเมื่อได้นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ
บางรายที่มีปัญหามดลูกต่ํามานาน อาจจะพบก้อนยื่นออกมาจากช่องคลอด ซึ่งก็คือส่วนของมดลูกที่ยื่นตัวออกมานั่นเอง
การรักษาภาวะมดลูกต่ําทำได้อย่างไร ?
การรักษาภาวะมดลูกต่ํา แพทย์จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันออกไป
ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค และระยะที่เป็นว่านานแค่ไหนแล้ว หากมีอาการไม่มากนัก
สังเกตได้ว่าผู้ป่วยเริ่มมีปัสสาวะเล็ดขณะไอหรือจาม สามารถใช้วิธีบำบัดด้วยการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้วยวิธี “ขมิบ”
ในลักษณะเดียวกันกับที่เรากลั้นอุจจาระ ทำค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที / ครั้ง
แล้วปล่อยให้ผ่อนคลายประมาณ 3 วินาที จากนั้นก็ทำการขมิบใหม่ เซตละ 10 ครั้ง
อย่างน้อยวันละ 10 เซต ซึ่งจะรวมการขมิบได้ 100 ครั้งต่อวัน สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งขณะที่นอนอยู่เฉยๆ
ส่วนในรายที่เป็นมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดหรือที่เรียกกันว่า การทำรีแพร์ เป็นการแก้ไขหากมีภาวะมดลูกต่ําอย่างรุนแรง
การทำรีแพร์จำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยอื่นของผู้ป่วยร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นอายุ ความต้องการมีบุตร หรือแม้กระทั่งลักษณะความสัมพันธ์ทางเพศ
และอีกทางเลือกคือการใช้ยาสมุนไพรว่านชักมดลูก ที่จะต้องเลือกซื้อให้ถูกต้อง เป็นยาที่มีคุณภาพ จึงจะช่วยให้การรักษาได้ผลที่ดีตามมาได้
Photo Credit : themenopauseguru.co.uk
ภาวะมดลูกต่ํา เป็นสิ่งที่พบได้ในผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุไหนก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น ดังนั้นสาวๆ จึงควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
หากรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในช่องคลอด ก็ควรเข้ารับการตรวจเช็คสุขภาพภายใน ส่วนการป้องกันภาวะดังกล่าว การขมิบอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มากเลยทีเดียวค่ะ