โภชนาการผู้สูงอายุ เป็นเรื่องสำคัญ โดยเรื่องของโภชนาการสามารถเริ่มปรับเปลี่ยนได้ตั้งแต่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
เพราะถือเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่แย่ลง เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็จะเสื่อมสภาพ
อวัยวะการทำงานต่างๆ ก็เสื่อมสภาพตามไปด้วย อาจทำให้พฤติกรรมการกินอาหารมีผลกระทบตามมา ก่อให้เกิดโรคขาดสารอาหารและเจ็บป่วยได้ในที่สุด
อันเกิดจากสาเหตุ ทุพโภชนาการ นั่นเอง โดยเฉพาะสุขภาพของผู้สูงอายุที่จะต้องใส่ใจดูแลอย่างมากจากคนในครอบครัว
วันนี้เราไปดูวิธีการปรับโภชนาการในผู้สูงอายุอย่างถูกต้องกันดีกว่า เพื่อยืดอายุคนที่คุณรักให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้นด้วยหลักการกินง่ายๆ ดังนี้
ทำไมโภชนาการผู้สูงอายุจึงเป็นเรื่องสำคัญ?
โภชนาการผู้สูงอายุ จะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันร่างกายไม่ให้ได้รับสารอาหารหรือวิตามินแร่ธาตุชนิดใดมากจนเกินไป
เพราะหากร่างกายได้รับสารอาหารหรือวิตามินแร่ธาตุมากจนเกินไป ระบบภายในร่างกายของผู้สูงอายุ จะไม่สามารถกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้ด้วยตนเอง
จนทำให้เกิดการตกค้าง และเกิดปฏิกิริยาภายในร่างกาย ส่งผลต่อการเป็นโรคต่างๆ ตามมา
ข้อควรรู้โภชนาการผู้สูงอายุ
อย่างที่ทราบว่าโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุจะต้องถูกออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุแต่ละคน โดยสามารถทำได้ ดังนี้
ลักษณะของอาหาร : ลักษณะอาหารสำคัญต่อโภชนาการของผู้สูงอายุ โดยควรเลือกทานอาหารที่มีความเหนียว หรือเคี้ยวยากจนเกินไป
เนื่องจากจะส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร แนะนำอาหารที่เคี้ยวง่าย และไม่ย่อยยาก
ความต้องการสารอาหารต่างๆ : ร่างกายของผู้สูงอายุจะมีความต้องการสารอาหารต่างๆ ที่แตกต่างกัน
แต่ควรจะใช้ค่าเฉลี่ยโดยพื้นฐานของความต้องการสารอาหารแต่ละอย่างเป็นหลัก และควรที่จะต้องปรับลดในส่วนของคาร์โบไฮเดรตรวมถึงไขมัน
เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรค อีกทั้งควรที่จะเพิ่มสารอาหารจำพวกโปรตีนร่วมด้วย
เทคนิคปรับโภชนาการผู้สูงอายุจากชีวิตประจำวัน
โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ สามารถที่จะเริ่มปรับเปลี่ยนได้ทีละน้อยจากการรับประทานอาหารหรือการทำพฤติกรรมต่างๆภายในชีวิตประจำวัน ดังนี้
1.เครื่องปรุง
ถึงแม้ว่าเครื่องปรุงจะช่วยสร้างสีสันและสร้างรสชาติให้กับอาหารได้ดี แต่สำหรับผู้สูงอายุควรเลี่ยงทานเครื่องปรุงสำเร็จรูป
อย่างเช่น ผงชูรส โดยสามารถใช้เครื่องปรุงธรรมชาติเพื่อแทนการปรุงด้วยผงชูรสได้ เช่น พริกไทย น้ำมะนาว และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม
2.ปริมาณอาหาร
ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีปริมาณมากในแต่ละมื้อ เพราะจะส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร
เนื่องจากหากระบบย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพในการย่อยอาหารได้ดีเท่าเดิม ก็จะทำให้การย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น
ดังนั้น การปรับลดปริมาณอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากกลัวว่าผู้สูงอายุจะรับประทานได้ไม่เพียงพอก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มมื้ออาหาร
3.เครื่องดื่ม
ปริมาณเครื่องดื่มต่อวันมีความสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ เพราะหากผู้สูงอายุได้รับปริมาณเครื่องดื่มที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ก็จะส่งผลทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำวันละ 8 แก้วต่อวัน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียว
นอกจากนี้ ยังสามารถที่จะเสริม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อที่จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
หากผู้สูงอายุไม่สามารถรับประทานอาหารได้มาก สำหรับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์เหล่านั้น ได้แก่ นมปราศจากไขมัน น้ำผลไม้สด น้ำผัก
แต่ไม่แนะนำ เครื่องดื่มผู้สูงอายุ ในรูปแบบสำเร็จรูป เพื่อป้องกันการปรุงรสและการแต่งกลิ่นรวมถึงการเติมน้ำตาลในปริมาณสูงจนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตามมา
4.ไขมัน
ผู้สูงอายุยังสามารถที่จะรับประทานอาหารที่มีไขมันได้ตามปกติ แต่ควรที่จะต้องเป็นไขมันดี และเป็นไขมันไม่อิ่มตัว
ที่สามารถหาได้จากอาหารโดยทั่วไป เช่น ถั่วต่างๆ น้ำมันมะกอก เมล็ดทานตะวัน น้ำมันปลา น้ำมันงา ซึ่งนอกจากจะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวแล้ว
ไขมันเหล่านี้ยังสามารถช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจและช่วยลดความเสี่ยงในการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย
พร้อมกันนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเกี่ยวข้องกับไขมันอิ่มตัว เช่น ครีม เบอร์เกอร์ ไส้กรอก เค้ก ช็อคโกแลต
นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของระบบหัวใจแล้วยังส่งผลเสียต่ออวัยวะอื่นๆ ภายในร่างกายได้ด้วยนั่นเอง
5.โปรตีน
โปรตีนถือเป็นสารอาหารสำคัญที่ผู้สูงอายุควรจะเน้นเป็นหลัก เนื่องจากโปรตีนจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์กล้ามเนื้อ
โดยเซลล์กล้ามเนื้อจะช่วยในการลดการเสียดสีระหว่างกระดูกข้อต่อ และปัญหากระดูกอื่นๆ
โดยสามารถที่จะเลือกรับประทานได้จากอาหารหลากหลายชนิด เช่น อกไก่ ถั่วต่างๆ และปลาแซลมอน
6.ผักและผลไม้
ผักและผลไม้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญในการจัดโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ เพราะผลไม้และผักหลากสีสามารถที่จะช่วยสร้างสีสันให้กับอาหารของผู้สูงอายุ
และช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ดี นอกจากนี้ ผักและผลไม้ยังมีสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย
แต่ไม่แนะนำให้ผู้สูงอายุได้รับผลไม้ที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลมากจนเกินไป โดยผักผลไม้ที่แนะนำ คือ กล้วย ส้ม กะหล่ำปลี และแครอท
7.อาหารสำเร็จรูป
เพื่อโภชนาการที่ดีของผู้สูงอายุควรที่จะต้องหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป อย่างเช่น อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เพราะมีส่วนประกอบของโซเดียมปริมาณมาก ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูงอายุได้มากนั่นเอง
8.ฉลากโภชนาการ
การอ่านฉลากโภชนาการเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้ทราบถึงปริมาณของสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารแต่ละชนิด
แต่ไม่เพียงแค่การบอกถึงปริมาณของสารอาหารเท่านั้น แต่ฉลากโภชนาการยังสามารถที่จะบ่งบอกในเรื่องของปริมาณแคลอรี่ของอาหารแต่ละชนิดได้อีกด้วย
ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกซื้ออาหารควรอ่านฉลากโภชนาการอย่างละเอียด เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารชนิดนั้นๆ ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
9.การซื้อวัตถุดิบ
การซื้อวัตถุดิบผลกระทบผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว อาจจะต้องมีการทำความเข้าใจในการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม
และมีคุณค่าทางโภชนาการ ในปัจจุบันนั้นตามซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่ จะมีการบอกเกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพ
แต่ไม่เพียงเท่านั้นควรที่จะต้องสังเกตวันหมดอายุของอาหารร่วมด้วย เพื่อที่จะได้จัดการกับระยะเวลาในการจัดเก็บอาหารเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง
10.การรับประทานอาหารพร้อมกัน
สำหรับผู้สูงอายุอาจจะสามารถบริโภคได้น้อยกว่าปริมาณที่เหมาะสมของร่างกาย เนื่องจากจะต้องรับประทานอาหารเพียงคนเดียว
ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นผู้สูงอายุให้สามารถรับประทานอาหารให้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ควรจัดสรรบรรยากาศการนั่งรับประทานอาหารแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันกับคนในครอบครัว
ตลอดจนการได้นั่งทานอาหารกับกลุ่มเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันด้วยบ้าง ก็ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นความอยากอาหารได้ดีทีเดียว
Credit : bumrungrad.com
โภชนาการผู้สูงอายุ อาจจะดูแล้วเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าหากทำความเข้าใจและสามารถปรับให้เหมาะสมกับการการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุได้
ก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นจากการรับประทานอาหารได้อย่างไม่ยากเย็นอีกต่อไป