โรคมะเร็ง เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย โดยเฉพาะเพศชายที่อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นโรคมะเร็ง
ดังนั้น เราไปดูกันดีกว่าว่า สัญญาณเตือนที่บ่งบอก โรคมะเร็งในผู้ชาย มีอะไรบ้าง ไปติดตามได้เลยดังนี้
ทำความรู้จักโรคมะเร็งในผู้ชาย
โรคมะเร็ง (Cancer) คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ภายในร่างกาย จนทำให้เกิดการรวมตัวเป็นก้อนมะเร็ง
และที่สำคัญยังสามารถที่จะลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ โดยโรคมะเร็งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเพศชายเป็นส่วนใหญ่ คือ
- มะเร็งตับ
- มะเร็งปอด
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- มะเร็งกระเพาะอาหาร
- มะเร็งช่องปาก
สัญญาณเตือนโรคมะเร็งในผู้ชาย มีอะไรบ้าง?
การเกิดโรคมะเร็งขึ้นในผู้ชาย ร่างกายจะมีสัญญาณเตือนเพื่อแสดงอาการให้เราสังเกตได้ดังนี้
1.การปัสสาวะ : สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยได้สนใจในเรื่องของการปัสสาวะเท่าไรนัก เพราะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแค่การสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการปัสสาวะ ด้วยความผิดปกติที่เกิดขึ้นย่อมสามารถบ่งบอกอาการของโรคมะเร็งในเบื้องต้นได้แล้ว โดยอาการที่คุณสามารถสังเกตได้ก็คือ
- ปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะเล็ด ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นาน หรือเพียงระยะเวลาเล็กน้อยก็ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
- รู้สึกแสบที่อวัยวะเพศเมื่อปัสสาวะ
- มีเลือดออกในขณะปัสสาวะ
- ปัสสาวะไหลช้า
ลักษณะอาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณเตือนที่จะต้องระวังโรคมะเร็งในผู้ชาย โดยอาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งได้หลากหลายชนิด
เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไต ซึ่งเมื่อพบความผิดปกติดังกล่าว
คุณจะต้องรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจเลือดในการหาเซลล์มะเร็ง เพราะลักษณะอาการที่กล่าวมา
มีความคล้ายคลึงกับการเป็นโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ จึงต้องรีบไปตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็งให้รวดเร็วที่สุด เพื่อช่วยรักษาให้ทันการณ์
2.ระบบทางเดินอาหาร : ในเรื่องของความผิดปกติที่ระบบทางเดินอาหารนั้น เริ่มตั้งแต่ปัญหาที่เกี่ยวกับการกลืนอาหาร
ไปจนถึงระบบทางเดินอาหาร อย่างเช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ โดยจะมีอาการที่แสดงให้เห็นคือ
- กลืนอาหารได้ลำบาก
- อาเจียนในระหว่างกลืนอาหาร
- แสบร้อนในอก
เป็นอาการที่สามารถเห็นได้ชัดเจนจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งโดยทั่วไปอาการผิดปกติเหล่านี้
ผู้ที่ป่วยจะมองว่าเป็นเพียงแค่อาการที่เกิดจากความเครียด จึงส่งผลทำให้เกิดความเครียดลงกระเพาะ
แต่สิ่งสำคัญ คือ เมื่อเริ่มทำการรักษาหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในเรื่องของการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร
การจัดการกับความเครียด แต่อาการเหล่านี้ยังไม่หายไปก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำคอ
มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งเซลล์มะเร็งเหล่านี้จะส่งผลอันตรายต่ออวัยวะที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารโดยตรง
เพราะฉะนั้นควรที่จะรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุรวมถึงเซลล์มะเร็ง แต่ทั้งนี้ในการวินิจฉัยแพทย์จะมีรูปแบบในการตรวจที่แตกต่างกัน
เพื่อหาเซลล์มะเร็งในแต่ละจุด โดยหากจะต้องมีการเอ็กซเรย์ก็จะต้องมีการกลืนแร่ที่อยู่ในลักษณะของเหลว แล้วจึงนำไปเอ็กซเรย์จึงจะเห็นความผิดปกติด้านในได้อย่างชัดเจน
3.น้ำหนักตัวลดลง : น้ำหนักเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมองข้าม เนื่องจากผู้ชายในยุคปัจจุบันมักจะไม่ค่อยได้ใส่ใจในเรื่องของรูปร่างมากนัก
แต่หากน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้มีการตั้งใจให้ลด เช่น ปริมาณน้ำหนักที่ลดลงอาจจะมากกว่า 5 กิโลกรัม
ก็ถือว่าเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย โดยเฉพาะผู้ชายจึงควรที่จะต้องรีบไปตรวจ ซึ่งบางคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าเมื่อน้ำหนักลดลงแล้ว
จะเกี่ยวข้องอะไรกับการเป็นโรคมะเร็งหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจจะมีผลมาจากปัญหาด้านการกลืนอาหาร
ซึ่งเป็นอาการเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ตามมา เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน
เพราะฉะนั้นจึงควรที่จะต้องไปตรวจให้ละเอียด โดยแพทย์จะต้องมีการทำ CT Scan เพื่อช่วยในการวินิจฉัยและการตรวจเลือด
4.หน้าอก : เป็นอีกหนึ่งส่วนของอวัยวะภายในร่างกายที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองข้าม เพราะอาจจะเคยได้ยินในเรื่องของมะเร็งเต้านมกันมาบ้างแล้ว
เนื่องจากเป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงเป็นส่วนมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพศชายก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ โดยอาการผิดปกติ คือ
- ขนาดหน้าอกมีความเปลี่ยนแปลง
- คลำเจอก้อนเนื้อบริเวณหน้าอก
หากเกิดอาการแปลกๆ 2 รูปแบบที่กล่าวมา ควรที่จะต้องรีบพบแพทย์โดยทันที เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้
5.ต่อมน้ำเหลือง : ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนที่อยู่ภายในร่างกาย ซึ่งเราไม่สามารถที่จะมองเห็นต่อมน้ำเหลืองได้ด้วยตาเปล่า
แต่สามารถสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับต่อมน้ำเหลืองได้ คือ ต่อมน้ำเหลืองจะมีอาการโตผิดปกติ โดยจะส่งผลทำให้จุดต่างๆ ภายในร่างกาย
ที่เป็นศูนย์รวมของต่อมน้ำเหลืองบวมขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ โดยมีบริเวณในร่างกาย เช่น รักแร้ ลำคอ ซึ่งหากบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลืองบวมหรือโตขึ้นมา
ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย เนื่องจากเป็นอาการที่คล้ายคลึงกันกับกระบวนการภายในร่างกายที่ใช้เพื่อการกำจัดเชื้อโรค
แต่หากบวมจากสาเหตุที่กำจัดเชื้อโรค ต่อมน้ำเหลืองจะยุบลงไปได้เองในระยะเวลาไม่เกิน 4 สัปดาห์
แต่หากเกินกว่านั้นก็ควรที่จะต้องไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเลือดหาเซลล์มะเร็งต่อไป
6.ถุงอัณฑะ : ถุงอัณฑะเป็นส่วนที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นส่วนเดียวกับต่อมลูกหมาก แต่ทั้ง 2 ส่วนนี้ถือเป็นคนละส่วนกัน โดยอาการผิดปกติที่สามารถสังเกตได้คือ
- มีก้อนอยู่บริเวณถุงอัณฑะ
- รู้สึกถึงความผิดปกติที่ถุงอัณฑะ
สำหรับความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับถุงอัณฑะ ควรที่จะต้องรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค
เพราะมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นโรคมะเร็งอัณฑะได้ โดยแพทย์จะมีการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และเพื่อความละเอียดในการตรวจถุงอัณฑะ
อาจจะต้องมีการทำอัลตร้าซาวด์บริเวณนั้นร่วมด้วย ดังนั้น หากพบว่าถุงอัณฑะมีความผิดปกติก็จะต้องรีบไปพบแพทย์
เนื่องจากหากเป็นมะเร็ง เซลล์มะเร็งจะลุกลามได้รวดเร็วกว่ามะเร็งต่อมลูกหมากนั่นเอง
7.ผิวหนัง : เป็นบริเวณที่สามารถพบเห็นได้ง่ายมากที่สุด แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยสนใจในส่วนนี้
เนื่องจากผู้ชายมักเป็นเพศที่ไม่ค่อยใส่ใจหรือดูแลในเรื่องผิวพรรณ สำหรับความผิดปกติของผิวหนังสามารถสังเกตได้คือ
- ขี้แมลงวัน
- ไฝ
- สีผิวที่เปลี่ยนไป
สำหรับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นบนสภาพผิวหนังนั้น สามารถที่จะสังเกตจากการเปลี่ยนแปลงได้เพียงเล็กน้อย
โดยอาจจะเป็นขนาดหรือลักษณะรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ค่อนข้างสูง
เพราะฉะนั้นแล้ว หากพบอาการผิดปกติดังกล่าว ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปตรวจ โดยแพทย์จะตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ และอาจจะมีการตรวจรูปแบบอื่นๆ ร่วมด้วย
ข้อควรระวัง
เนื่องจากผู้ชายมักเป็นเพศที่ชื่นชอบการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อยู่บ่อยๆ ดังนั้น หากใครมีพฤติกรรมเหล่านี้
แนะนำว่าควรที่จะต้องไปตรวจสุขภาพอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้รู้เท่าทันโรคและยังเป็นการรับมือรักษาป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างทันการณ์นั่นเอง
Credit : cheatsheet.com
โรคมะเร็ง เป็นโรคที่แอบแฝงมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการเกิด โรคมะเร็งในผู้ชาย
เนื่องจากผู้ชายมักจะไม่ค่อยใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายตนเองเท่าไรนัก อีกทั้งเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายก็มักจะปล่อยเลยผ่าน
เพราะคิดว่าตนเองแข็งแรงอาจจะไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวทุกคนไม่เว้นแม้แต่ชายหรือหญิง
ดังนั้น การหมั่นเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกาย ย่อมสามารถทำให้เรารับมือกับโรคได้อย่างทันการณ์แน่นอน