โรคเนื้องอกไขสันหลัง เป็นอีกหนึ่งโรคทางระบบประสาทที่น่ากลัวและอันตราย และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มักจะส่งผลลบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนในครอบครัว
และบางครั้งที่ความเสียหายต่อระบบประสาทอาจเกิดขึ้นอย่างถาวร ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความพิการได้ตลอดชีวิต
เนื้องอกไขสันหลัง คืออะไร
เนื้องอกไขสันหลัง (Spinal cord tumors) เป็นเนื้องอกที่ทำให้เกิดภาวะกดทับไขสันหลัง รวมถึง รากประสาทต่าง ๆ ที่มีความสำคัญ ทำให้บางส่วนของร่างกายที่ถูกควบคุมด้วยรากประสาทนั้น ๆ ทำงานบกพร่อง
ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่มีอันตราย แต่ถ้าผู้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว ผลการรักษาก็จะเป็นที่น่าพึงพอใจ เนื้องอกไขสันหลังพบได้บ่อยในช่วงอายุราว ๆ วัยกลางคน
ถึงแม้ว่าในวัยเด็กจะพบได้น้อยกว่า แต่การพยากรณ์โรคในเด็กมักแย่กว่า โดยอัตราการพบเมื่อแยกเพศพบว่า
โรคเนื้องอกไขมันหลังมักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่วนบริเวณที่พบเนื้องอกมักพบที่ระดับอก (thoracic) ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด
ประเภทของเนื้องอกไขสันหลัง (classification)
สามารถแบ่งเนื้องอกไขสันหลังได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ เนื้องอกนอกเยื่อบุไขสันหลัง (extradural tumor)
และเนื้องอกในเยื่อบุไขสันหลัง (Intradural tumor) โดยส่วนใหญ่แล้วเนื้องอกมักเกิดขึ้นในเยื่อบุไขสันหลังมากกว่านอกเยื่อบุไขสันหลัง ในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
1.เนื้องอกนอกเยื่อบุไขสันหลัง (extradural tumor)
เป็นเนื้องอกที่พบได้บ่อยที่สุด มักเป็นเนื้องอกมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากเนื้อเยื่อมะเร็งที่อื่น โดยพบว่าแพร่กระจายจากปอดมากที่สุด
และยังแพร่ได้จากที่อื่น ๆ ได้แก่ มะเร็งเต้านม ไต ต่อมไทรอยด์ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยเนื้องอกนอกเยื่อบุไขสันหลัง
ยังแบ่งได้เป็น 2 ชนิดย่อย คือ เนื้องอกของปลอกประสาทไขสันหลัง Neurinoma หรือ Schwannoma และเนื้องอกของ Leptomeninges
2.เนื้องอกในเยื่อบุไขสันหลัง (Intradural tumor)
สามารถแบ่งย่อยอีกเป็น 2 ชนิดย่อย คือ เนื้องอกเกิดนอกไขสันหลัง (extramedullary tumor) และเนื้องอกเกิดในไขสันหลัง (intramedullary tumor)
อาการของโรคเนื้องอกไขสันหลัง
อาการของโรคเนื้องอกไขสันหลังจะปรากฏขึ้น เมื่อเนื้องอกไปกดทับที่ไขสันหลัง เริ่มแรกจะทำให้มีอาการปวดเฉพาะที่
และอาจมีปวดร้าวและอาจปวดแบบซู่ซ่าไปตามรากประสาทที่ได้รับผลกระทบ อาจมีอาการปวดมากยิ่งขึ้นในเวลานอนพักหรือในช่วงตอนกลางคืน
โดยอาการปวดที่เกิดขึ้นจะมีความแตกต่างกับ อาการปวดจากโรคกระดูกสันหลังเสื่อมอย่างชัดเจน ซึ่งมักจะมีอาการปวดเมื่อมีการขยับตัว ก้ม หรือเดิน
ในกรณีที่เนื้องอกที่กดทับไขสันหลังมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจจะทำให้แขนขามีพละกำลังอ่อนลง บางครั้งอาจสูญเสียความรู้สึกเจ็บปวด
สูญเสียความรู้สึกจากการสัมผัส รวมถึงการสูญเสียการรับรู้อุณหภูมิร้อนเย็นในบริเวณที่ต่ำกว่าระดับไขสันหลังที่ถูกกดทับ
นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งอาการของโรคเนื้องอกไขสันหลัง ได้จากตำแหน่งของของไขสันหลังที่ถูกกดทับได้อีกด้วย
โดยถ้าการกดทับเกิดขึ้นที่ไขสันหลังระดับคอ อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดต้นคอ
อาจร้าวลงแขนข้างใดข้างหนึ่งหรือเป็นทั้งสองข้างก็ได้ รวมถึงอาจมีอาการชาหรืออ่อนแรงได้เช่นกัน
ในกรณีที่เนื้องอกกดทับไขสันหลังที่ระดับอก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดร้าวหรือปวดรัด ๆ ไปตามชายโครง
และอาจมีอาการชาตั้งแต่ช่วงลำตัวลงไป ถ้าโรคมีความรุนแรงมากขึ้นอาจส่งผลทำให้ขาอ่อนแรงและระบบขับถ่ายมีปัญหา
ถ้าเนื้องอกเกิดขึ้นที่ระดับเอวจะมีอาการปวดเอว ปวดร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง อาจมีอาการชาที่ขาและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายได้
การตรวจและวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยโรคเนื้องอกไขสันหลังนั้น แพทย์มักจะเริ่มต้นด้วยการตรวจร่างกาย (physical examination)
รวมถึงการตรวจเฉพาะทางอย่างเช่น การตรวจระบบประสาท การเอกซเรย์ปอด การเอกซเรย์กระดูกสันหลังเพื่อหารอยโรค
รวมถึงการใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และการใช้เอกซเรย์สนามแม่เหล็ก (MRI) เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
วิธีรักษา
วิธีรักษาโรคเนื้องอกไขสันหลัง สามารถทำได้ 3 วิธี ขึ้นกับความรุนแรง ตำแหน่งของโรค และความเหมาะสมที่ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคน
1.การใช้ยารักษาโรคเนื้องอกไขสันหลัง
ตัวยาหลักที่ใช้จะเป็นยาในกลุ่มเคมีบำบัด รวมถึงการใช้ยาลดการอาการบวมของไขสันหลังทั้งในช่วงก่อนการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด รวมถึงการใช้ยาในขณะที่มีการรักษาด้วยการฉายรังสี
2.การฉายรังสี
การรักษาโรคเนื้องอกไขสันหลังด้วยการฉายรังสี เป็นวิธีที่มักใช้ในกรณีที่แพทย์ไม่สามารถผ่าตัดนำเนื้องอกออกได้หมด การใช้วิธีฉายรังสีร่วมด้วยก็จะช่วยหยุดการเจริญเติบโต และทำลายเนื้องอกที่เหลืออยู่ได้
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้องอกว่า มีการตอบสนองต่อวิธีการรักษาด้วยการฉายแสงดีแค่ไหน
3.การผ่าตัด
การผ่าตัดเอาเนื้องออกที่กดทับไขสันหลังออก เป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว ได้ผลแน่นอน และถ้าสามารถตัดเนื้องอกออกได้หมด
ผู้ป่วยก็จะหายขาดจากโรค รวมถึงได้ชิ้นเนื้อมาตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเนื้องอกไขสันหลังที่พบส่วนใหญ่
ไม่ใช่เนื้องอกมะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยอาจไม่มีความจำเป็นต้องรับการผ่าตัดในทันที โดยจะผ่าตัดเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับอาการของโรค
ถ้ายังไม่รุนแรงมาก เช่น มีอาการปวดร่วมกับมี แต่ยังไม่มีอาการอ่อนแรง ผู้ป่วยและญาติก็ยังมีเวลาในการพูดคุยกับแพทย์เจ้าของไข้
เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ดีที่สุด รวมถึงการเตรียมตัวผู้ป่วยให้พร้อมกับการผ่าตัด
เช่น การทานอาหารเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง การออกกำลังกาย รวมถึงการดูแลเรื่องสภาพจิตใจ
แต่ในกรณีที่เป็นเนื้องอกนอกเนื้อไขสันหลังแต่อยู่ภายในเยื่อหุ้มดูรา ซึ่งเป็นรอยโรคที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมาก
ควรรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ทราบชนิดของเนื้องอก และทำให้ไขสันหลังมีการฟื้นตัวได้ดีขึ้น
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
ผู้ป่วยควรฝึกขึ้นลงจากเตียง การฝึกการหายใจและการไอ การทำความสะอาดร่างกาย การสระผม การโกนหนวด
ถอดฟันปลอม ถอดคอนแทคเลนส์ เครื่องประดับ รวมถึงต้องงดน้ำงดอาหารก่อนเที่ยงคืนในคืนก่อนวันเข้าห้องผ่าตัด
ความเสี่ยงจากการผ่าตัด
ถึงแม้ว่าการรักษาโรคเนื้องอกไขสันหลังด้วยการผ่าตัดจะเป็นวิธีรักษาแนะนำ แต่ก็อาจมีความเสี่ยงภายหลังจากการผ่าตัดได้
เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องอาศัยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึง เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่มีความบอบบาง ซึ่งความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด แผลผ่าตัดหายช้าหรือแผลไม่ติด
- ภาวะหลอดเลือดตีบตัน
- อาการปวดชาไม่หายไปหลังการผ่าตัด
- ภาวะแขนขาอ่อนแรงอาจไม่ดีขึ้น
- อาการชายังคงอยู่หรือมีแนวโน้มแย่ลงกว่าเดิม
- กระดูกสันหลังเสียความมั่นคง
- น้ำไขสันหลังรั่ว
- เกิดภาวะเลือดออกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากหลอดเลือดในช่องอกและช่องท้อง
- การสูญเสียประสาทสัมผัสต่าง ๆ
Credit : pobpad.com
โรคเนื้องอกไขสันหลัง เป็นโรคที่มีความรุนแรง เกิดจากการกดทับของเนื้องอกที่ไขสันหลัง ทำให้ระบบประสาทส่วนที่ถูกกดทับ
มีการทำงานเสียไป ส่งผลทำให้อวัยวะหลาย ๆ ส่วน โดยเฉพาะแขนและขาทำงานผิดปกติ มีอาการปวด ชา และถ้ามีอาการรุนแรง
อาจทำให้แขนขาอ่อนแรงได้ การ รักษาโรคเนื้องอกไขสันหลัง มีด้วยกันหลายวิธี ทั้งการใช้ยา การฉายรังสี และการผ่าตัด
ซึ่งการผ่าตัดนับว่าเป็นวิธีที่สามารถทำให้หายจากโรค เนื้องอกไขสันหลัง ได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม
โรคเนื้องอกไขสันหลัง ถ้ามีการตรวจพบและได้รับการรักษาเร็วเท่าไร ผู้ป่วยก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขเท่านั้น