โรคไขมันพอกตับ (Fatty Liver Syndrome) คือ โรคที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญ หรือนำไขมันที่ได้จากการทานอาหารที่ให้พลังงานสูงเกินความต้องการของร่างกายไปใช้ได้หมดจนเหลือสะสมที่ตับ ซึ่งไขมันที่พอกตับเมื่อสะสมเป็นระยะเวลานานและมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จะมีผลไปทำลายเซลล์ในตับ ที่น่ากลัวคือ โรคไขมันพอกตับในช่วงแรกจะไม่แสดงอาการใดๆ กว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวก็อาจเข้าสู่ช่วงภาวะวิกฤต เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงอย่าง โรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง รวมทั้งมะเร็งตับ
สาเหตุของโรคไขมันพอกตับ
โรคไขมันพอกตับ เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่หลักๆ จะเกิดจากพฤติกรรมการบริโภค โดยเฉพาะภาวะอ้วนลงพุงหรือมีน้ำหนักตัวมาก จากการทานอาหารที่ให้ทั้ง พลังงาน น้ำตาล โซเดียม และ ไขมันที่สูงเกินความต้องการของร่างกาย รวมทั้งขาดการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ออกกำลังกายไม่เพียงพอ ทั้งหมดมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันที่ตับ รวมทั้งคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำต่อเนื่อง หรือแม้แต่ผู้ที่ทานยาในกลุ่มยาฮอร์โมนหรือสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ก็มีความเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคไขมันพอกตับเช่นกัน
อาการของโรคไขมันพอกตับ
โดยปกติ โรคไขมันพอกตับจะไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาแบบเฉพาะเจาะจงชัดเจน ผู้ป่วยอาจจะมีอาการ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน หรือรู้สึกตึงบริเวณแถวใต้ชายโครง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอาการที่บอกให้ทราบได้โดยตรงว่า เป็นอาการของโรคไขมันพอกตับ ดังนั้นวิธีที่จะทำให้ทราบได้อย่างชัดเจนถูกต้องที่สุดก็คือการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ด้วยการตรวจอัลตราซาวน์ตับ
ซึ่งโรคไขมันพอกตับหากปล่อยทิ้งไว้จนเรื้องรัง ก็จะรุกรามกลายเป็นโรคตับอักเสบ โดยเซลล์ในตับจะค่อยๆ ถูกทำลาย ส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติ เกิดภาวะตับแข็ง และอาจรุนแรงถึงขั้นเสี่ยงต่อการป่วยเป็นมะเร็งตับ รวมทั้งโรคหลอดเลือดแดงและโรคหัวใจ
วิธีรักษา ป้องกัน โรคไขมันพอกตับ
สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันและรักษาโรคไขมันพอกตับก็คือ ต้องลดการสะสมของไขมันที่ตับ โดยการควบคุมน้ำหนัก การเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลให้น้ำหนักและไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม ฯลฯ อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ไม่ว่าจะเป็น กะทิ เนย ไข่แดง ไขมันสัตว์ ฯลฯ รวมทั้งต้องหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งช่วยในการควบคุมน้ำหนักและทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะส่งผลเสียต่อตับโดยตรง และหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อเช็คภาวะการทำงานของตับ
สำหรับผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับหลายคนมักป่วยด้วยโรคเบาหวานควบคู่กันด้วย เนื่องจากเป็นอาการเจ็บป่วยมีสาเหตุจากการบริโภคที่ไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน ซึ่งการรักษาจะต้องทานทั้งยารักษาโรคเบาหวาน และยาที่ช่วยลดไขมันในตับควบคู่กันไปกับดูแลสุขภาพตัวเองในเรื่องการทานอาหาร การออกกำลังกาย และการพักผ่อน โดยการทานยาหรืออาหารเสริมต่างๆ ต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพราะยาบางชนิดมีผลข้างเคียงต่อตับ