โรคไอบีเอส อาการปวดท้องจากภาวะลำไส้แปรปรวน กับการดูแลตัวเอง

ไอบีเอส อาการ

เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อโรคไอบีเอส (IBS : Irritable bowel syndrome) แต่รู้จักกันดีในชื่อว่าโรคลำไส้แปรปรวน

ซึ่งมักจะมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียเกิดขึ้นชนิดเรื้อรังต่อเนื่องกันเป็นเวลานานจนผิดสังเกต

สาวๆ ที่เข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสิ่งผิดปกติ มักจะไม่ค่อยพบอะไร อาการที่เกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ

ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แม้โรคนี้จะไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตไม่มากก็น้อย

เนื่องจากอาการปวดท้อง แน่นท้อง และอึดอัดที่เป็นตัวทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน

จนส่งผลให้ไม่สามารถทำงานในแต่ละวันได้เต็มประสิทธิภาพ

ดังนั้นสาวๆ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเช่นนี้

ควรหันมาดูแลตัวเอง และใส่ใจกับสุขภาพให้มากขึ้น จะได้ช่วยทุเลาอาการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมนั่นเองค่ะ

ทำความรู้จักกับโรคไอบีเอส

ระบบความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินอาหาร พบได้มากที่บริเวณลำไส้

แต่โครงสร้างของอวัยวะไม่ได้เกิดความผิดปกติอะไร นอกจากอาการที่แสดงออกมาเท่านั้น

เราเรียกอาการเหล่านี้ว่าโรคไอบีเอส อาการจะสลับกันไปมาระหว่างท้องผูกและท้องเสีย

มีอาการปวดท้องอย่างหนัก แต่เมื่ออุจจาระแล้วอาการดังกล่าวก็จะหายไป

แต่บางคนก็จะมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด รู้สึกว่าตัวเองถ่ายไม่ค่อยสุด อุจจาระมีมูกปนออกมาด้วย

เมื่อเทียบการถ่ายอุจจาระของคนปกติ เราจะพบว่ามีการขับถ่ายเป็นประจำหรือวันเว้นวัน

ทั้งนี้จะไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน อุจจาระที่ออกมาจะเป็นก้อน

ไม่เหลวเป็นน้ำหรือแข็งจนทำให้บาดเจ็บ ไม่มีเลือดหรือมูกปนออกมา

ในขณะขับถ่ายจะต้องไม่เกิดอาการปวดเกร็งที่ท้อง แต่สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไอบีเอสจะพบลักษณะที่ตรงกันข้าม

กล่าวคือการอุจจาระออกมาในลักษณะเหมือนคนท้องผูก สลับกับอาการท้องเสีย

โดยอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ การถ่ายจะลำบากมากเมื่ออุจจาระแข็งตัว

จนต้องออกแรงเบ่งอย่างหนัก หรือต้องยอมแพ้หยุดถ่ายกลางครันกันไปเลย

แต่หากรู้สึกปวดท้องเหมือนท้องเสีย จะไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้ ต้องรีบเข้าห้องน้ำ รู้สึกว่าตัวเองถ่ายไม่สุด ทำให้ถ่ายบ่อยมากกว่าปกติ

สาเหตุของการเกิดโรคไอบีเอส

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ในปัจจุบันแม้โรคนี้จะเป็นโรคที่พบได้บ่อย

แต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบสาเหตุที่แน่ชัดได้ จัดอยู่กลุ่มโรคที่่ไม่ค้นพบความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร

ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเลือด ตรวจร่างกาย หรือทำการส่องกล่องหาต้นตอก็ตาม

แต่เชื่อกันว่าปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว

คือ การบีบตัวของลำไส้ ซึ่งรวมไปถึงการเคลื่อนตัวของลำไส้ผิดปกติ

ทำให้เกิดการบีบรัดตัวย่างรุนแรงและเป็นเวลานานกว่าปกติ จะตามมาด้วยอาการท้องเสีย เรอ

หรือหากพบการบีบตัวที่ลำไส้น้อยกว่าปกติ ก็จะทำให้เกิดอาการท้องผูกตามมา

ความผิดปกติยังสามารถพบได้ที่ระบบประสาทของผนังลำไส้ มีความไวต่อสิ่งเร้าและตัวกระตุ้นมากกว่าปกติ

รวมไปถึงความเครียด การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่จะกระตุ้นให้อาการของโรครุนแรงมากขึ้น

และยังทำให้โรคที่นอนนิ่งอยู่กำเริบขึ้นมาได้อีกด้วย

อาการของโรคไอบีเอสที่พบได้บ่อย

อาการหลักๆ ที่พบในผู้ป่วย สร้างความทุกข์ทรมานจนต้องเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลคือ

อาการปวดท้อง จะเกิดในช่วงก่อนอุจจาระ เนื่องมาจากการบีบตัวของลำไส้ใหญ่

เมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จแล้ว อาการปวดจะเบาลง และทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น

อาการปวดท้องที่สังเกตได้จะพบบริเวณท้องน้อยในลักษณะปวดเกร็ง

ในแต่ละครั้งระดับความรุนแรงจะแตกต่างกันออกไป บางครั้งปวดมากจนต้องนอนงอตัว แต่บางครั้งก็ปวดเพียงเล็กน้อย

การขับถ่ายอุจจาระของผู้ป่วยจะสามารถสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ตั้งแต่รู้สึกว่าตัวเองถ่ายอุจจาระไม่สุด

พบมูกปนออกมาด้วยเวลาถ่าย อุจจาระเป็นก้อนแข็งสลับกับเป็นของเหลวจนบางครั้งกลายเป็นน้ำ

มักมีลมออกมาด้วยขณะขับถ่าย ยังพบอีกด้วยว่า อาการเรอ ท้องผูก แน่นท้อง

ท้องแข็งเหมือนมีลมในกระเพาะอาหารมาก ซึ่งล้วนเป็นอาการที่ทำให้ผู้ป่วยโรคไอบีเอสรู้สึกทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก

แม้จะดูเหมือนอาการทั่วๆ ไปที่สามารถพบได้ แต่ในผู้ป่วยจะเกิดอาการแบบเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน

และจะคงอยู่เรื้อรังอีกหลายปี ไม่สามารถรักษาให้หายขาดสนิทได้ ดังนั้นผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องดูแลตัวเอง

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตัวเองไปตลอดชีวิตแม้จะได้รับยารักษาอาการแล้วก็ตาม

แนวทางในการรักษาโรคไอบีเอส

ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคไอบีเอส แพทย์นิยมใช้วิธีรักษาตามอาการ

ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้น้อยลง เนื่องจากปัญหาที่ไม่สามารถทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรค

จึงทำให้การรักษาไม่สามารถทำได้ตรงจุด การบรรเทาอาการผู้ป่วย

มีเป้าหมายเพื่อให้สามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติมากที่สุด ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง

แพทย์จะแนะนำเรื่องอาการกินอาหารและการดำเนินชีวิต โดยอาจไม่ต้องใช้ยาตลอด

โรค ไอ บี เอ ส อาการ
Photo Credit : ctvnews.ca

แต่หากอาการรุนแรงมากๆ จำเป็นต้องมีการให้ยารักษาเฉพาะ ส่วนใหญ่จะเป็น alosetron และ tegaserod

ออกฤทธิ์ช่วยให้กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้คลายตัว ลดอาการปวดท้องน้อย

แต่ยาชนิดนี้มักจะมีผลข้างเคียงที่รุนแรง จะใช้เฉพาะยามจำเป็นเมื่อเกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง

หรือเกิดอาการปวดท้องอย่างหนัก และจะนำมาใช้ก็ต่อเมื่อการรักษาด้วยยาตัวอื่นไม่เป็นผลแล้วเท่านั้น

เนื่องจากโรคไอบีเอส เป็นโรคที่รักษาไม่หาย มีโอกาสเป็นได้ตลอดชีวิต

ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะต้องใส่ใจกับการดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการเลือกกินอาหารที่มีกากใยสูง

หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ย่อยยาก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงจากความเครียดให้ได้มากที่สุด