ไทเก็ก จัดอยู่ในประเภทของศิลปะการต่อสู้ และป้องกันตัวแขนงหนึ่ง และหลายคนอาจจะคุ้นหูในชื่อของ ไทชิ (Tai Chi)
สำหรับไทเก็กนั้น ในปัจจุบัน มีการนำมาใช้ในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กันอย่างแพร่หลาย
จะเห็นได้จากตามสวนสาธารณะ จะมีผู้สูงอายุอย่าง อาม่า อาแป๊ะ อาซิ้ม อาซ้อ ออกมารำไทเก็ก กันแต่เช้า
จนทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า ไทเก็ก นั้นเหมาะกับคนสูงวัย เท่านั้น แต่ทราบหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วการรำไทเก็ก เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย
แถมยังเป็นการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ได้ผลดีมาก ประกอบกับเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว อีกด้วย
เรียกได้ว่า การรำไทเก็ก เพียงแค่อย่างเดียว ได้รับการบริหารทั้งกายและใจ รวมกันเลยทีเดียว
ที่มาที่ไปของการรำไทเก็ก
ต้นกำเนิดจริงๆ ของไทเก็กนั้น อยู่ที่ประเทศจีน แต่ประวัติความเป็นมาของไทเก็ก ยังไม่เป็นที่แน่ชัดเท่าไรนัก
แต่โดยรวมแล้ว ก็เหมือนในหนังจีนกำลังภายใน ที่ฉายในบ้านเรานั่นล่ะ
และเป็นที่ทราบกันดีก็คือ มีต้นกำเนิดจากปรมาจารย์ จาง ซาน ฟง (Chang San Feng) เป็นนักบวชลัทธิเต๋าที่โด่งดัง ในเรื่องเพลงมวย และกระบวนท่า (ถ้าในหนังจีนกำลังภายใน เป็นผู้ก่อตั้งสำนักบู๊ตึ๊ง)
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาวิจัย แล้วว่า การเคลื่อนไหวต่างๆ ของมวยไทเก็กนั้น มีต้นกำเนิดมาจากการลอกเลียนแบบ ท่าการเคลื่อนไหวของสัตว์ป่า
โดยพื้นฐานของสัตว์เหล่านี้ จะมีการเคลื่อนไหวช้าๆ และมีสมาธิ ไม่ว่าจะเป็น สัตว์กินพืช หรือสัตว์กินเนื้อ ที่ออกล่าเหยื่อก็ตาม การเคลื่อนไหวต่างๆ จะมีความนุ่มนวลสดคล้องกัน และมีความสง่างาม
การเคลื่อนไหว แต่ละท่วงท่าจะไม่เสียเปล่า การรำไทเก็ก จึงเป็นการฝึกท่าทางการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง สอดคล้องกับ การหายใจ และเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว ด้วยนั่นเอง
ผลของการรำไทเก็ก กับการออกกำลังกาย
หลายคนอาจจะสงสัยว่า การเคลื่อนไหวแบบช้าๆ จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้จริงหรือ อันนี้ต้องบอกไว้เลยว่า ได้
แต่อาจจะไม่เผาผลาญมาก เหมือนกับการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ แต่จะช่วยในเรื่อง ความสมดุลของร่างกายเป็นหลัก
การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง แบบช้าๆ จะช่วยในการช่วยให้ระบบการเผาผลาญ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประกอบกับ การยกแขนขาและร่ายรำตามท่วงท่า จะช่วยในเรื่องของ การฝึกกล้ามเนื้อ และความยึดหยุ่นของร่างกาย
นอกจากนี้ ท่าการรำไทเก็ก ยังมีท่ามากถึง 108 ท่า ซึ่งแต่ละท่า จะเป็นการบริการร่างกายได้ครบแทบจะทุกส่วนของร่างกาย ทำให้ผู้ร่ายรำสามารถเปลี่ยนกระบวนท่า การรำได้เรื่อยๆ ทำให้ไม่เบื่อนั่นเอง
ความเหมาะสมในการรำไทเก็ก
อย่างที่บอกไปข้างต้นก็คือ ไทเก็ก ไม่ได้เหมาะกับอาซิ้ม หรืออาม่า และผู้สูงอายุ อย่างเดียว เท่านั้น แต่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และที่สำคัญก็คือ
คุณสามารถรำไทเก็ก ได้ยาวนานเท่าที่ต้องการ และสามารถรำเพียงแค่ 5 – 10 นาที ก็ได้เช่นกัน
เพราะไทเก็ก มีรูปแบบการรำที่ไม่ตายตัว แต่ประโยชน์ที่ได้รับ จากการรำกลับส่งผลต่อร่างกายมากมาย อย่างคาดไม่ถึง
ไม่ว่าจะเป็น ระบบภายในร่างกายต่างๆ ทั้งกล้ามเนื้อและข้อต่อ หรือแม้แต่การฝึกสมาธิ ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งร่างกาย และจิตใจแทบทั้งสิ้น
ประโยชน์ที่ได้จากการรำไทเก็ก
ในหัวข้อนี้ เราจะมาจำแนกประโยชน์ที่ได้จากการรำไทเก็กกันว่า มันส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร
เพียงแค่ เราทำการรำไทเก็กวันละ 5 – 10 นาทีเท่านั้น ประโยชน์ที่จะได้ก็จะมีดังนี้
มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
การรำไทเก็กนั้น จะปลูกฝังระบบความคิดให้เราลำดับขั้นตอน การออกท่าทางแบบช้าๆ ซึ่งจุดนี้ จะเป็นการฝึกให้สมองของเรา ทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และมีระบบความคิดเป็นระเบียบ
และเมื่อนานเข้า ระบบความคิดของเรา จะถูกจัดเรียงโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะส่งผลต่อการคิด ในชีวิตประจำวัน ช่วยให้เราคิดอย่างรอบคอบ และมีระบบขั้นตอนความคิดที่ดีขึ้น
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
การเคลื่อนไหวของร่างกาย ในท่วงท่าต่างๆ แบบช้าๆ ของการรำไทเก็กนั้น จะช่วยในเรื่องของการเคลื่อนไขกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น
ในส่วนของข้อต่อต่างๆ ก็จะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ขัด และเป็นการเสริมให้แข็งแรงมากขึ้น
ซึ่งการเคลื่อนไหว ด้วยการรำไทเก็ก อย่างต่อเนื่อง และเป็นเวลานาน จะไม่ทำให้กล้ามเนื้อ และข้อต่อทำงานหนัก มากเกินไป เหมือนกับกีฬาอื่นๆ
แต่จะเป็นการพัฒนาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และข้อต่อส่วนต่างๆ แบบช้าๆ นั่นเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผล และมีประโยชน์มาก
การรำไทเก็กนั้น จัดว่าเป็นการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ได้ผลดีมากๆ กับทุกเพศทุกวัย นอกจาก จะมีประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว
ยังเป็นการออกกำลังกายที่ใช้พื้นที่น้อยเราสามารถใช้พื้นที่เล็กๆ ภายในห้อง ร่ายรำมวยไทเก็ก ในท่าทางต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
เหมาะกับหนุ่มสาวที่ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายนอกบ้าน ก็สามารถทำทุกวัน วันละ 5 – 10 นาที เพียงแค่นี้ รับประกันได้เลยว่า สุขภาพกายและใจของคุณ จะดีวันดีคืนอย่างแน่นอน