ในยุคปัจจุบัน ยุคที่การแบ่งแยกทางเพศแทบจะไม่มีแล้ว ทำให้ผู้ชายอยากเป็นผู้หญิง ผู้หญิงอยากเป็นผู้ชาย ซึ่งก็กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับเพศที่สาม
การผ่าตัดแปลงเพศ สามารถทำได้อย่างง่ายดาย แต่หลังทำการผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยเฉพาะ ผู้ชายที่กลายเป็นหญิง ที่ไม่สามารถกลับมาเป็นชายได้อีกหลังแปลงเพศ
และจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง ที่ทำให้เหมือนผู้หญิงมากที่สุด ก็คือ เสียงพูด ผู้ชายจะมีเสียงทุ้มเข้มไม่แหลมสูงเหมือนผู้หญิง
การทำศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก จึงเข้ามามีส่วนช่วยในการแก้ปัญหา เกี่ยวกับเสียง ได้เป็นอย่างมาก
[wpsm_box type=”info” float=”none” text_align=”left”]
ลูกกระเดือก เป็น กระดูกอ่อนบริเวณกล่องเสียง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมสองชิ้น วางขนานกันบริเวณกล่องเสียง มองด้านนอกจะนูนแหลมออกมา ตรงบริเวณลำคอใต้คางของเรา ทำให้สามารถสังเกตุได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเพศชาย ที่ลูกกระเดือกจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศหญิง
[/wpsm_box]
ลูกกระเดือก ยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ เสียงพูดจะยิ่งทุ้มเข้ม ผู้หญิงจะมีขนาดลูกกระเดือกเล็กกว่า จนแทบสังเกตุไม่เห็น จึงทำให้มีเสียงแหลมสูง
การศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก ทำอย่างไร?
เป็นการผ่าตัดเพื่อทำให้ลูกกระเดือกเล็กล งจนแทบสังเกตุไม่เห็น เป็นที่นิยมอย่างมาก สำหรับเพศที่สาม หรือผู้ชายที่ทำศัลยกรรมเป็นผู้หญิง เพื่อทำให้ลำคอเรียบเนียน เสียงจะไม่ทุ้มเข้ม เสียงจะแหลมสูง เหมือนผู้หญิงปกติ
ข้อดีของการศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก
[wpsm_list type=”check”]
- แก้ปัญหาลูกกระเดือกที่แหลมออกมา ทำให้ลำคอเรียบเนียน
- สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล่องเสียง การศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก จะมีส่วนช่วยให้แก้ไขปัญหานี้ให้หมดไป
[/wpsm_list]
ข้อเสียของการศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก
[wpsm_list type=”check”]
- หลังทำการเหลาลูกกระเดือก อาจกลืนอาหารลำบาก ต้องรอให้ร่างกายปรับสภาพ ซึ่งต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว
- เสียงพูดของเราจะแหลมสูงถาวร ไม่สามารถกลับมาเป็นเสียงผู้ชายได้อีก ถ้าเป็นการพูดปกติ แต่สามารถฝึกการพูดเพื่อให้เสียงทุ้มได้
- ต้องรอให้ร่างกายฟื้นสภาพนาน ช่วงแรกเสียงอาจแหบแห้งพูดลำบาก
- ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดเหลาลูกกระเดือก จากแพทย์ที่มีความชำนาญ อาจเกิดอันตรายแก่เราได้ เช่น เสียงพูด ไม่ชัด เสียงแหบแห้งถาวร ปวดลำคอบริเวณกล่องเสียง เวลาพูดคุย หรือส่งเสียงดัง
[/wpsm_list]
ก่อนการทำศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก
[wpsm_list type=”check”]
- สำหรับผู้ใหญ่ ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปลูกกระเดือกจะแข็งกว่าวัยเด็กทำให้การเหลาลูกกระเดือกจะยากขึ้น
- นอกจากคนที่มีปัญหาเกี่ยวกลับกล่องเสียงแล้ว คนที่เป็นเพศที่สามที่จะทำศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก ควรไตร่ตรองให้รอบครอบก่อนการรักษา เพราะ ลูกกระดูกถือเป็นอีกส่วนของร่างกาย ที่ไม่สามารถฟื้นสภาพกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เมื่อเสียแล้วจะเสียไปเลย
- ควรศึกษาหาข้อมูลของ คลินิคหรือโรงพยาบาลที่มีความปลอดภัยได้มาตราฐาน แพทย์มีความชำนาญในการผ่าตัดเหล่าลูกกระเดือก
- อาจสอบถามจากคนรู้จักที่เคยทำ หรือหาอ่านรีวิวตามเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม มีคนติดตามจำนวนมากและ ไม่เคยมีข่าวเสียหาย
- ปรึกษาแพทย์ว่า ควรเหลาลูกกระเดือกมากน้อยขนาดไหน ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ก่ออันตรายกับกล่องเสียงของเราน้อยที่สุด ถ้าแพทย์แนะนำอย่างถูกต้อง และตรงไปตรงมา แนะนำว่า ให้เลือกแพทย์คนนั้นเป็นผู้รักษา
- แพทย์จะทำการตรวจร่างกายว่ามีความพร้อม ที่จะทำศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือกหรือไม่ และตรวจอาการแพ้ยา หรืออาหารหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยแก่ร่างกาย
[/wpsm_list]
ขั้นตอนการทำศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก
[wpsm_list type=”check”]
- ก่อนผ่าตัด แพทย์จะไม่ให้รับประทานอาหารเสริมเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด ประมาณ 6 ชั่วโมง
- แพทย์จะทำการฉีดยาชา บริเวณรอบลำคอของเรา รอยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 20-30 นาที
- เมื่อยาชาออกฤทธ์ แพทย์จะทำการกรีดผิวเป็นแนวยาว บริเวณรอยพับใต้คาง เพื่อซ้อนรอยแผลเป็นหลังศัลยกรรม แพทย์จะทำการกรีดให้เห็นลูกกระเดือก แล้วทำการเหลาลูกกระเดือกให้เล็กลง โดยใช้เวลาประมาณ 50-90 นาที แล้วแต่ความชำนาญของแพทย์ และขนาดรูปร่างของลูกกระเดือกของเรา
- รอดูอาการประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติ หรืออาการแทรกซ้อนสามารถกลับบ้าน เพื่อพักฟื้นได้เลย
[/wpsm_list]
หลังการทำศัลยกรรมเหลาลูกกระเดือก
[wpsm_list type=”check”]
- หลังผ่าตัด 2 วัน บริเวณลำคอจะมีอาการบวม ควรหลีกเลี่ยงการส่งเสียงผ่านลำคอ และกินอาหารที่เคี้ยวง่าย กลืนง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เพื่อให้ลูกกระเดือก และกล่องเสียงบริเวณลำคอฟื้นฟู เพื่อปรับความเคยชินก่อน
- หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ เสียงจะเริ่มแหลมขึ้น อาการเจ็บลำคอจะน้อยลง และเริ่มกลืนอาหารได้ง่ายขึ้น
- หลังผ่าตัดประมาณ 2-3 สัปดาห์ เสียงจะเริ่มเป็นปกติ รอยแผลจะปิดสนิท และลำคอจะดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ประมาณ 1 เดือนหลังผ่าตัด
[/wpsm_list]
การเป็นเพศที่สาม ไม่ใช่ความผิดใดๆ ดังนั้นไม่ต้องกลัวที่จะเปลี่ยนตนเอง แต่ต้องเข้าใจความเสี่ยงในการทำศัลยกรรมแปลงเพศก่อน ว่า
การศัลยกรรมทุกอย่าง มีความเสี่ยงของมัน โดยเฉพาะศัลยกรรมแปลงเพศ ที่เป็นการศัลยกรรมถาวร ไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาได้อีก
ดังนั้น ก่อนจะทำศัลยกรรมแปลงเพศ ควรไตร่ตร่องให้รอบครอบ เมื่อตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศแน่แล้ว ควรเลือกคลินิคหรือโรงพยาบาลที่ปลอดภัยที่สุด
เพราะเมื่อทำการผ่าตัดผิดพลาดแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีก ควรเลือกสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดแก่เรา ร่างกายเป็นของเราควรลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด