การร่วงของเส้นผม ถือว่าเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ เส้นผมของเราจะมีการหลุดร่วงในแต่ละวันมากถึง 100-120 เส้นต่อวัน
เพื่อให้เกิดการผลัดเปลี่ยนเส้นผมใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่หากการ่วงของเส้นผมดูเหมือนจะหลุดออกมามากกว่าปริมาณเช่นนี้
มีอาการร่วงแบบผิดปกติ กล่าวคือเมื่อลองใช้มือสาง แทนที่จะหลุดติดมือมาแค่ 3-4 เส้น
แต่กลับหลุดออกมาเป็นกระจุกอย่างง่ายดาย แถมพื้นที่ๆ หลุดยังเป็นพื้นที่ติดกัน จนมองเห็นหนังศีรษะชัดเจนกันได้เลยทีเดียว
การร่วงยังลุกลามอย่างรวดเร็ว บางรายร่วงเป็นวงกลมกระจุกในพื้นที่ประมาณเหรียญบาท
แต่บางรายก็รุนแรงถึงขั้นมีขนาดใหญ่ และหลายจุดบนหนังศีรษะ หากพบว่าเส้นผมที่ร่วงหลุดออกมาไม่มีรากผม
มีพื้นที่หลุดร่วงที่ชัดเจน เราอาจจะสงสัยได้ว่าการร่วงเกิดขึ้นจาก “โรคผมร่วง” (Alopecia areata) ที่หลายคนนึกไม่ถึงก็เป็นได้ค่ะ
ลักษณะของโรคผมร่วง
โรคผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีอาการร่วงแบบเป็นหย่อมๆ เป็นกระจุก หรือเป็นวงกลม
ซึ่งจะแตกต่างจากเส้นผมที่ร่วงตามธรรมชาติและเป็นปกติ เนื่องจากเส้นผมที่ร่วงออกมาจะไม่มีรากผม
ซึ่งเกิดขึ้นจากความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันเข้าไปทำลายรากผมสาวๆ
จนทำให้เกิดการร่วงเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ส่วนบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง จะไม่พบการอักเสบใดๆ เกิดขึ้น
จะเห็นเป็นเพียงพื้นที่หนังศีรษะเหมือนคนหัวล้าน หากอาการลุกลามกินพื้นที่มากขึ้น
บางรายระบบภูมิคุ้มกันยังเข้าไปทำลายเส้นขนอื่นๆ ตามร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นขนคิ้วและขนตาอีกด้วย
แม้โรคนี้จะไม่ใช่โรคที่มีอันตรายร้ายแรง สาวๆ มีโอกาสที่จะกลับมาหายเป็นปกติได้เอง
หรืออาการค่อยๆ ทุเลาลงได้ อีกทั้งไม่ใช่โรคติดต่อ เพราะเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบภายในร่างกายเราเอง
เป็นโรคที่สามารถพบได้แม้กระทั่งผู้ที่สุขภาพแข็งแรงทั่วไป แต่จะมีโอกาสพบได้มากในกลุ่มที่มีโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันร่างกาย
เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคหอบหืด โรคไทรอยด์ และโรคด่างขาว เป็นต้น สาวๆ ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ
เพราะรอยโรคเดิมที่อาจจะหายได้เอง สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกถึงร้อยละ 20 แถมยังสามารถแผ่กระจายวงกว้างขึ้นมากกว่าเดิมได้อีกด้วย
การรักษาโรคผมร่วง ทำได้หรือไม่ ?
การรักษาโรคผมร่วงที่เกิดขึ้น ต้องเข้าใจก่อนว่าระดับความรุนแรงจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งมีการจัดแบ่งเอาไว้ 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
1.Alopecia areata
เป็นลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นเป็นหย่อมใดย่อมหนึ่งเท่านั้น หรืออาจจะเป็นหย่อมๆ ในหลายจุดปรากฏบนหนังศีรษะได้เช่นกัน
2.Alopecia tatalis
ผมร่วงที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก กระจายตัวทั่วหนังศีรษะ และอาจร่วงจนไม่เหลือเส้นผมเลยก็ได้
3.Alopecia universalis
ลักษณะของผมร่วงที่ไม่ได้ร่วงเฉพาะแค่เส้นผมเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเส้นขนบนร่างกาย เช่น ขนคิ้ว ขนรักแร้ และขนตามตัวได้อีกด้วย
การรักษาโรคนี้แพทย์จึงไม่สามารถตอบลงไปได้อย่างแน่ชัดว่า ผู้ป่วยจะสามารถกลับมาหายเป็นปกติได้
โดยไม่ปรากฏรอยโรคเดิมกลับมาอีก ซึ่งโอกาสหายจะอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ เส้นผมจะงอกกลับมาใหม่ได้เองภายใน 1 ปี
แม้จะไม่ได้ทำการรักษา แต่ก็ยังมีอีกบางส่วน หลังจากผมร่วงแล้ว ไม่มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาอีกเลย
หรือบางรายงอกแล้วก็กลับร่วงไปอีก จึงขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย
อย่างไรก็ตาม การรักษาจะช่วยกระตุ้นให้เกิดเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาในพื้นที่ๆ ผมร่วงได้ ดีกว่าการปล่อยให้หายเองตามธรรมชาติ
การหายของโรคจะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน เมื่อภูมิคุ้มกันหยุดความแปรปรวน
กลับเข้าสู่สภาวะสมดุล เส้นผมก็จะหยุดร่วง และกลับมางอกใหม่ได้อีกครั้ง
ดังนั้นแพทย์จะมีการใช้ยาในขณะที่อาการยังปรากฏอยู่ ตั้งแต่ยาสเตียรอยด์
ทำหน้าที่ลดการอักเสบและกดภูมิคุ้มกัน เป็นทั้งชนิดยาทาและยากิน
บางรายอาจใช้เป็นยาฉีดเฉพาะจุดในส่วนของผิวหนังที่เกิดปัญหา ร่วมกับยาทากระตุ้นผมขึ้นใหม่
เรียกว่าไมนอกซิดิล 5% จะใช้ทาในจุดที่มีผมและขนร่วง ต่อเนื่องกันประมาณ 3 เดือน
ก็จะเริ่มเห็นผล ส่วนอีกชนิดคือยาแอนทราลิน จะมีลักษณะเป็นผงถ่านสังเคราะห์
ช่วยทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงภูมิคุ้มกันบริเวณผิวหนัง ทาในจุดที่มีผมร่วงประมาณ 30-60 นาที
ค่อยล้างออก ระยะเวลาในการรักษาจะแตกต่างกันออกไป ใช้เวลาเร็วหรือช้าล้วนขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเองทั้งสิ้น
Photo Credit : imdermatologico.com
แม้ว่าโรคผมร่วง จะไม่ใช่โรคที่มีความร้ายแรง ไม่ส่งผลกระทบจนทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว กลับสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะสาวๆ ที่รักสวยรักงาม
ดังนั้นหากพบอาการต้องสงสัย ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ ดีกว่าปล่อยให้ผมร่วง แผ่ขยายวงกว้าง จนผมบาง และหัวล้านตามมา