โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ร้ายแรงไหม รักษาได้อย่างไร?

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นอีกหนึ่งโรคที่เกิดขึ้นคล้ายกันกับ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อวัณโรค

แต่อาการของเชื้อวัณโรคจะมีภาวะที่รุนแรงกว่า และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตง่าย อย่างไรก็ตาม โรคที่เกิดจากการ ติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง

เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ดังนั้น เราจึงควรทำความรู้จักโรคเหล่านี้ไว้ ตามไปดูดีกว่า ว่า

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คืออะไร มีสาเหตุ อาการและวิธีรักษาป้องกันอย่างไรบ้าง จะได้รับมือกับโรคได้อย่างเท่าทันการณ์

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คืออะไร?

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Meningitis) เป็นอีกหนึ่งโรคติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง

โดยมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งมีด้วยกันหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดอาจใช้ยารักษาได้แตกต่างกัน

โดยโรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง หลายครั้งก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือความพิการอย่างถาวร

อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างรวดเร็ว ก็จะสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่รุนแรงได้

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial meningitis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacteria) ของเยื่อหุ้มสมอง

ซึ่งเป็นชั้นเยื่อบาง ๆ ห่อหุ้มสมองอยู่ โดยเยื่อหุ้มสมองจะทำหน้าที่ปกป้องระบบประสาท ไขสันหลัง และสมองไม่ให้รับความกระทบกระเทือน

เมื่อร่างกายติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่ว่าที่ตำแหน่งใดก็ตาม เช่น ปอด ไซนัส หรือในหูชั้นใน อาจมีความเสี่ยงที่แบคทีเรียจะที่เข้าสู่กระแสเลือด

และเดินทางไปยังสมองและไขสันหลัง หลังทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบเฉียบพลันได้

นอกจากนี้ เยื่อหุ้มสมองอาจติดเชื้อได้โดยตรง จากการแตกร้าวของกะโหลกศีรษะหรือหลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย

เชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง ได้แก่

1.Streptococcus pneumoniae (pneumococcus)

เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย โดยปกติเชื้อตัวนี้มักจะทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หรือไซนัสอักเสบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

2.Neisseria meningitidis (meningococcus)

แบคทีเรียชนิดนี้มักก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน แต่ก็สามารถทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้เช่นเดียวกัน

3.Haemophilus influenzae (haemophilus)

โดยเฉพาะสายพันธุ์บี (type b) หรือ Hib เคยเป็นสาเหตุหลักของเยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็ก แต่ในปัจจุบันมีวัคซีนที่สามารถลดจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้ได้เป็นจำนวนมาก

4.Listeria monocytogenes (Listeria)

หญิงตั้งครรภ์ ทารกแรกเกิด ผู้สูงอายุ และคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อชนิดนี้ได้มากขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

สำหรับปัจจัยเสี่ยงของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่

1.การไม่ได้รับวัคซีน โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่โอกาสของการติดเชื้อมีมากอยู่แล้ว

2.อายุ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี

3.อาศัยอยู่ในย่านชุมชนที่หนาแน่น หอพักนักศึกษา ค่ายทหาร สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานสงเคราะห์คนชรา ซึ่งเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุจะมีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

4.การตั้งครรภ์ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย listeria (Listeria monocytogenes)

ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตร และการคลอดก่อนกำหนด

5.ระบบภูมิคุ้มบกพร่อง เช่น ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เป็นโรคเบาหวาน ติดสุราเรื้อรัง ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน การตัดม้าม และปัจจัยอื่น ๆ

ที่ทำให้ระดับภูมิต้านทานลดลง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองมากขึ้น ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน

อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ในช่วงแรก ๆ อาจคล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่

โดยอาการของโรคอาจเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจเกิดขึ้นใน 2 -3 วัน โดยอาการที่พบได้ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ ได้แก่

  • มีไข้สูงอย่างฉับพลัน
  • คอแข็ง (stiff neck)
  • อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • เกิดความสับสน ไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง
  • ชัก
  • ปลุกตื่นได้ยาก
  • รู้สึกไวต่อแสง ถูกกระตุ้นด้วยแสงได้ง่าย
  • ไม่อยากอาหาร
  • อาจพบผื่นที่ผิวหนังได้

ส่วนอาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ที่สามารถสังเกตเห็นได้ในทารกแรกเกิดหรือในเด็กเล็ก มีดังต่อไปนี้

  • ไข้สูง
  • ร้องไห้ตลอดเวลา ร้องไห้ไม่หยุดแม้ว่าถูกอุ้ม
  • ง่วงซึมหรือเฉื่อยชามากเกินไป
  • ไม่ยอมรับประทานอาหาร
  • ตัวแข็งหรือคอแข็ง

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย มีอันตรายร้ายแรง และผู้ป่วยอาจเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วัน หากไม่ได้รับการรักษา

ด้วยยาปฏิชีวนะ อีกทั้งการได้รับการรักษาที่ล่าช้า ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของสมองที่อาจเกิดขึ้นอย่างถาวร

ภาวะแทรกซ้อนของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

อาการแทรกซ้อนของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียอาจเกิดขึ้นได้ และถ้าผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและรักษาล่าช้า

ทำให้อาการแทรกซ้อนต่าง ๆ มีความรุนแรงมากขึ้น ในบางกรณีอาจเกิดความเสียหายต่อระบบประสาทอย่างถาวร โดยอาการแทรกซ้อนดังกล่าว ได้แก่

  • โรคลมชัก
  • การสูญเสียการได้ยิน
  • การสูญเสียความทรงจำ
  • ความบกพร่องทางการเรียนรู้
  • ปัญหาการเดินและการเคลื่อนไหว
  • ภาวะไตล้มเหลว
  • ภาวะช็อก

การวินิจฉัยโรค

แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองจากเชื้อแบคทีเรีย ได้จากการซักประวัติความเจ็บป่วย การตรวจร่างกาย รวมถึงการตรวจอื่น ๆ ตามความจำเป็น ได้แก่

1.การเพาะเลี้ยงเชื้อจากเลือด (blood culture)

เป็นการตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุจากเลือด ว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียชนิดไหน รวมถึงยังสามารถตรวจสอบได้ว่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ สามารถใช้ยารักษาชนิดใดได้บ้าง

2.การเอกซเรย์ (X-Ray)

เช่น การสแกนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CT) จะทำให้เห็นรอยโรคต่าง ๆ ในกะโหลกศีรษะได้

นอกจากนี้ แพทย์อาจให้เอกซเรย์ในบริเวณอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อดูการติดเชื้อในตำแหน่งหรืออวัยวะอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

3.การเจาะน้ำไขสันหลัง (lumbar puncture)

ซึ่งน้ำไขสันหลัง (cerebrospinal fluid หรือ CSF) ของผู้ป่วยที่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียนั้น

มักจะมีระดับน้ำตาลกลูโคสต่ำ ส่วนจำนวนเม็ดเลือดขาวและโปรตีนในน้ำไขสันหลังจะมีระดับที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การตรวจน้ำไขสันหลัง

อาจช่วยให้สามารถระบุชนิดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรค ทำให้กำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละรายได้

วิธีรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

ผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเฉียบพลัน ควรได้รับการรักษาในทันที โดยแพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ที่คาดว่าน่าจะคลอบคลุมเชื้อโรคที่น่าจะเป็นสาเหตุในผู้ป่วยได้ (empirical antibiotic therapy)

ซึ่งเชื้อโรคที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุนั้น ก็จะขึ้นกับวัยและประวัติความเจ็บป่วยที่ผ่าน ๆ มา แต่เมื่อได้ผลการเพาะเชื้อ

และทราบชนิดของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุอย่างแน่ชัด ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนยาปฏิชีวนะให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ อาจมีการใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ (corticosteroids) เพื่อลดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาวะสมองบวม และอาการชัก

วิธีป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สามารถแพร่กระจายได้โดยการไอ จาม รวมถึงการใช้ช้อนส้อมร่วมกัน

ดังนั้น การป้องกันการเกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่ดีที่สุด คือการป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคนั่นเอง

  • การล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังการเข้าห้องน้ำ การสัมผัสกับสิ่งของสาธารณะ
  • ไม่ใช้ช้อนตักอาหาร หลอด หรือแก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น เพราะจะทำให้รับเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารครบถ้วน
  • เมื่อเป็นไข้หวัด มีอาการไอหรือจาม ควรใช้หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
  • ช่วงที่ไข้หวัดกำลังระบาด ช่วงอากาศเปลี่ยน ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
  • การฉีดวัคซีน เช่น วัคซีน Hib วัคซีน PCV13 สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ซึ่งคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ควรได้รับทุกคน

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

Credit : halsat.com

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่เยื่อหุ้มสมอง เป็นโรคที่ร้ายแรง และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ถึงแม้ว่าโรคนี้จะเป็นโรคที่อันตราย แต่ก็สามารถป้องกันได้ ด้วยการรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น การล้างมือ การใช้ช้อนกลาง และการใช้หน้ากากอนามัย

นอกจากนี้ การใช้วัคซีนก็สามารถลดความเสี่ยงของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จากเชื้อแบคทีเรียได้เช่นเดียวกัน