ขอบตาดํา จนเป็นหมีแพนด้าแทบจะเรียกพี่ ทำให้การแต่งหน้าของสาวๆ ไม่สวยดั่งใจ กลายเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในผู้หญิงกลุ่มบ้างาน ที่ทำงานกันตั้งแต่เช้ายันมืด
โหมงานกันดึกดื่นจนลืมดูแลสุขภาพ และยังรวมไปถึงสาเหตุอื่นทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ส่งผลให้เกิดรอยดําคล้ำใต้ตา (Dark circles) ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้รอยดําปรากฏชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามลักษณะดังกล่าวไม่ใช่รอยของโรค ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ส่งผลต่อความสวยความงามของผิวหน้าโดยตรง สาวๆ ที่กำลังเผชิญกับรอยคล้ำ
ขอบตาดําอยู่แบบนี้ จะทำให้เสียบุคลิกภาพที่ควรจะเป็น หมดความมั่นใจ แถมยังทำให้เหมือนคนป่วย ดูเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา หน้าตาไม่สดชื่น และแลดูแก่ก่อนวัยอีกด้วยค่ะ
ขอบตาดํา เกิดขึ้นจากอะไร ?
ขอบตาดําทําไงดี ต้องรู้จักต้นตอของสาเหตุกันก่อนว่าเกิดขึ้นจากอะไร เพราะเหตุของการเกิดขอบตาดําขึ้นมา มักจะมาได้จากหลากหลายปัจจัยแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอกหรือภายใน ก็ล้วนมีผลกับสภาพผิวหนังใต้ขอบตา ที่จะทำให้เกิดเป็นอาการดําคล้ำขึ้นมาได้ทั้งสิ้น โดยสาเหตุที่มักเป็นต้นตอทำให้เกิดขอบตาค้ำ ได้แก่
1.การเสียสมดุลของการร่าง
ลักษณะนี้มาจากการที่ร่างกายทำงานได้ไม่เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่ความผิดปกติร้ายแรง แต่จะมาจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึกตื่นเช้า
ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เต็มที่ ระบบประสาททำงานหนักมากเกินไป ทำให้เกิดความเครียด การรับประทานอาหารที่มีรสเย็นในช่วงมีประจำเดือน
การรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลในปริมาณมากเกินไป ระบบฮอร์โมนแปรปรวน ภาวะแคลเซียมในร่างกายลดลง ฯลฯ
2.ลักษณะทางกรรมพันธุ์
จะเป็นต้นตอที่ทำให้ขอบตาดําได้หากพ่อแม่ และญาติพี่น้อง มีคนที่รอบตาดําคล้ำมาก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ใช่รุ่นลูก ก็อาจจะเกิดกับรุ่นหลาน
หากเป็นสาวๆ ที่มีผิวขาวมาก ใต้ขอบตาจะมองเห็นรอยคล้ำ เป็นสีเขียวเข้ม หรือสีดําน้ำตาลอย่างชัดเจน หากเกิดจากสาเหตุนี้มักจะทำการรักษาได้ยากมากที่สุด
3.ผิวใต้ตามีความบาง
รอยคล้ำใต้ผิวตาบางครั้งก็มาจากการที่ผิวหนังใต้ตามีความบาง อาจจะมาจากตัวผิวหนังเอง หรือมาจากชั้นไขมันที่บางลงก็ได้ ทำให้เรามองเห็นรอยคล้ำที่มาจากเส้นเลือดที่พบใต้ผิวหนัง
ซึ่งลักษณะนี้เราจะสังเกตเห็นผิวใต้ตาเป็นสีม่วงเข้มที่ชัดเจน และยิ่งชัดมากบริเวณหัวตา ความคล้ำเพิ่มขึ้นช่วงมีประจำเดือน แม้พักผ่อนก็จะไม่หายไป
เพราะสาเหตุคือความบางของผิว ดังนั้นต้องใช้วิธีรักษาแบบอื่น อย่างการใช้เลเซอร์ เป็นต้น
4.อายุที่เพิ่มมากขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หนังกำพร้าบางลงตามอายุ เกิดเป็นหลอดเลือดโผล่ออกมาให้เห็นที่ชั้นใต้ผิวหนังอย่างชัดเจน กลายเป็นผิวที่มีสีคล้ำ
ผิวหนังมีความหย่อนคล้อย เมื่อกระทบกับแสงจะทำให้เกิดเป็นเงาใต้ดวงตา ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องถุงใต้ตาเพิ่มเข้ามาเป็นปัจจัยทำให้สภาพผิวหน้าดูแก่มากขึ้นอีกด้วย
5.การสร้างเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิว
สาเหตุมาจากการที่เส้นเลือดดํารอบตาขยายตัวมากกว่าคนทั่วไป อาจมีผลกระตุ้นมาจากโรคภูมิแพ้เรื้อรัง โดยพบว่าจะมีอาการคันตาบ่อยๆ จนต้องขยี้
ส่งผลให้ผิวใต้ตายิ่งคล้ำเสียมากขึ้น เพราะการขยี้ตา จะเป็นตัวการเข้าไปกระตุ้นเซลล์ให้สร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
บางกรณีก็เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีเมลานิน สร้างเม็ดสีมากขึ้นเอง พบได้ในกลุ่มที่เป็นผู้ป่วย ภายหลังที่มีภาวะอักเสบของโรคภูมิแพ้ผิวหนังชนิดเรื้อรัง
อาการแพ้เมื่อสัมผัสกับสารเคมี หรือการใช้เครื่องสำอางบางชนิด กลายเป็นตัวกระตุ้นทำให้เม็ดสีถูกกระตุ้นมากกว่าปกติได้นั่นเอง
ขอบตาดําเป็นอันตรายหรือไม่ ?
ขอบตาดําเป็นอาการที่ไม่ได้มีอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด ทว่ามักจะสร้างปัญหาให้กับสาวๆ ที่รักสวยรักงาม
ใครที่รู้สึกว่าพบรอยคล้ำใต้ผิวตาก็ไม่ต้องตกใจไป ให้ลองสังเกตตัวเองว่ามาจากการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีเมลานิน ความบางของผิว หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเองที่ใช้ร่างกายหนักเกินไป
เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทำให้ขอบตาคล้ำเสีย และในหลายๆ กรณีก็เป็นภาวะทางอ้อมจากโรคภัยไข้เจ็บของผู้ป่วยเอง
หรือแม้กระทั่งการรับประทานยาบางชนิด ดังนั้นรอยคล้ำเหล่านี้จึงไม่ได้เป็นอันตรายโดยตรง แต่มักจะเกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยอื่นเป็นตัวกระตุ้น
วิธีแก้และรักษาขอบตาดํา
ทางออกสำหรับการแก้ปัญหาขอบตาคล้ำเสีย ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้รอยคล้ำเข้มขึ้นแล้วค่อยมารักษา เพราะจะทำให้ยุ่งยาก และใช้เวลานานกว่าจะหาย
ส่วนการรักษามีหลายวิธีด้วยกันตั้งแต่การดูแลตัวเอง ไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์ด้วยวิธีต่างๆ ที่เหมาะสม
1.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง
เป็นวิธีแก้ขอบตาดําที่ดีทางหนึ่ง สำหรับคนที่มีปัญหาผิวหนังใต้ตาคล้ำเสียจากพฤติกรรมการนอนดึก พักผ่อนน้อย ชอบขยี้ตา มีความเครียดสูง
เราเข้าใจดีอยู่แล้วว่า พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล แน่นอนว่าย่อมส่งผลมาถึงผิวหนังรอบดวงตาของเราเช่นกัน
2.การใช้วิธีนวดกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
วิธีการง่ายๆ เพื่อแก้ปัญหาผิวคล้ำรอบดวงตา สามารถทำได้ด้วยการนวดผิวด้วยนิ้วมือธรรมดา หากสาเหตุมาจากรอยคล้ำของเส้นเลือดที่ไหลเวียนไม่ดี เกิดการตกค้างอยู่ใต้ตา
ให้ใช้นิ้วชี้กดเบาๆ ที่ใต้ตาล่าง กดอย่างช้าๆ ข่อยๆ ขยับไปซ้ายและขวาให้ทั่ว ประมาณ 10-15 ครั้งในช่วงเช้าหลังตื่นนอน จะกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น บรรเทาอาการคล้ำเสียใต้ดวงตาให้น้อยลงได้
3.มาร์กดวงตาจากสูตรธรรมชาติ
สปาดวงตาง่ายๆ จากสูตรธรรมชาติปลอดสารพิษ ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง การมาร์กดวงตามีประโยชน์ช่วยให้ผิวรอบดวงตาผ่อนคลาย
ด้วยการใช้มะเขือเทศหรือแตงกวาหั่นแว่นเป็นแผ่นบางๆ วางเอาไว้ที่ผิวตาประมาณ 20-25 นาที หรือจะใช้สูตรอื่นๆ ที่สามารถหาวัตถุดิบด้วยตัวเองจากธรรมชาติ
บทความแนะนำ : บอกลาตาหมองคล้ำ ด้วย ยันฮี อายเจล ครีมทารอบดวงตา ที่คุ้มสุดๆ
วิธีทําให้ขอบตาหายดําด้วยเลเซอร์เป็นอย่างไร ?
วิธีรักษาขอบตาดําด้วยการใช้เลเซอร์เป็นตัวช่วย ถือว่าเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีปัญหาขอบตาคล้ำเสียหนักมาก ซึ่งมักมาจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังใต้ตาที่บางลง
อย่างไรก็ตามสาวๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าการทำเลเซอร์ใต้ตา จะได้ผลดีนั้นต้องเป็นประเภทที่สามารถรักษาได้ ไม่สามารถตอบแบบฟันธงได้ว่า ประเภทที่เป็นอยู่จะใช้เลเซอร์แล้วหายเป็นปกติ
Photo Credit : thefitindian.com
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ จะมีหลากหลายชนิดเช่นกัน
โดยการรักษาด้วยเลเซอร์หลักๆ ก็เพื่อช่วยลดสีดำเข้มของเส้นเลือดใหญ่ใต้ตาให้ดีขึ้น เรียกวิธีเลเซอร์ดังกล่าวว่า Cool Glide
หรือบางคนอาจจะคุ้นเคยกับเลเซอร์ V-beam ที่เน้นการรักษาเส้นเลือดฝอยใต้ตาที่มีสีแดงได้
เลเซอร์อีกชนิดที่กำลังได้รับความนิยม เป็นการรักษาสไตล์เกาหลีด้วยการใช้ Ultra Pulsed Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์แบบใหม่ จะมีรอยแผลมองเห็นประมาณ 3 เซนติเมตรเท่านั้น การรักษาจะผ่าตัดเอาก้อนไขมันใต้ตาที่มีด้วยกัน 3 ก้อนออกไป
แล้วใช้เลเซอร์มากระตุ้นให้หนังแท้หดกลับ ลดการหย่อนยานของหนังใต้ตา ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สร้างความเสียหายให้กับผิวชั้นนอกสุด ดังนั้นจึงไม่มีรอยแผลเป็น และช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ลดขอบตาดำคล้ำลงได้