ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน Hydrolyzed Collagen คือ อะไร มีประโยชน์อย่างไร

hydrolyzed collagen คือ

ก่อนจะกล่าวถึง Hydrolyzed Collagen พระเอกของเรา มาเกริ่นนำ และทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า คอลลาเจนที่จะพูดพึงนี้ มันคืออะไร มีที่มาอย่างไร …

คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่เป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย มีปริมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนในร่างกาย โครงสร้างโมเลกุล มีลักษณะเป็นเส้นเอ็นแข็งแรง และแผ่กว้าง

มีความยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยค้ำจุนผิวหนังและอวัยวะภายในไว้ กระดูกและฟัน มาจากการรวมกันของ Mineral Crystals และคอลลาเจน

… พบได้โดยทั่วไปของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กล้ามเนื้อ เอ็นข้อต่อและกระดูก เส้นใยคอลลาเจน จะสานกันเหมือนเส้นใย ที่ถักทอกันเป็นเนื้อผ้า และจะเป็นโครงร่างแหที่เซลล์ใหม่ๆ จะเจริญเติบโตได้ ในผิวหนัง

คอลลาเจน จะเป็นเนื้อหนังที่ให้ความยืดหยุ่นของโครงร่าง คอลลาเจนในผิวหนังมนุษย์ มีลักษณะเหมือนกับคอลลาเจนที่พบในสัตว์ จึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์สามารถใช้คอลลาเจนจากสัตว์ได้

การสูญเสีย คอลลาเจนในร่างกายเกิดจากอะไร

ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน

น่าเสียดาย ที่เราพบข้อเท็จจริงว่า เมื่อคนเรา มีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจน จะเริ่มเสื่อมสภาพลง เพราะอัตราการสังเคราะห์ คอลลาเจน (collagen) ใต้ผิวหนัง ในชั้นหนังแท้ จะลดลงถึง 1.5% ต่อปี และเป็นความโชคร้าย ที่จะเกิดกับผู้หญิง มากกว่าผู้ชาย

เรื่องแก่ก่อนวัยของสาวๆ ซึ่งอัตราการลดลงของ คอลลาเจน (collagen) ในผิวหนังนั้น จะมีผลให้ผิวพรรณค่อยๆ สูญเสียความชุ่มชื้น ยุบตัวลง

ผิวที่เคยสวยเต่งตึง ก็จะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น และสัญญาณของความร่วงโรยจะ ค่อยๆ เริ่มขึ้นเมื่ออายุ 30 ปี ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อย ยิ่งอายุเพิ่มขึ้น สัญญาณของความร่วงโรยก็จะเพิ่มเป็น เงาตามตัว

  • อายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ขอบตาล่าง และหางตาจะเห็นชัด เวลายิ้มและมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้ว ซึ่งจะเห็น ชัดเวลาหน้านิ่ว มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูกจ นถึงเหนือริมฝีปาก อาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้น ขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
  • อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่างและหางตา เห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม และร่องแก้มลึก ทอดยาวไปจนจดมุมปาก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้น สภาพผิวเริ่มแห้ง มีรูขุมขนใหญ่ และเริ่มจะเป็นสิวอีก ครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจาย เป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่า วัยเริ่มตกกระ
  • อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึก ทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก มีฝ้าเกิดขึ้น และติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
  • อายุ 65 ปี ขึ้นไป ผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า ริมฝีปากบางมีรอยย่นเหนือริมฝีปาก ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คล้ายกับวัย 50-64 ปี

ดังนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ ต้องเกิดขึ้นกับ ทุกคนโดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่

เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณ และรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่สุด ได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้ สารสกัดโปรตีนคอลลาเจน เพื่อทดแทน คอลลาเจนที่สูญเสียไป

เมื่อทราบกันแล้วว่า คอลลาเจนคืออะไร มีความสำคัญต่อร่างกายเราอย่างไร ทีนี้ก็มาถึงพระเอกของเราแล้วนั่นก็คือ…. Hydrolyzed Collagen นั่นเอง

Hydrolyzed Collagen คืออะไร

คอลลาเจนไฮโดรไลเซท

ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน หรือบางคนอ่านว่า ไฮโดรไลเซท คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) คือ คอลลาเจนเสริม ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงใ ห้กับคอลลาเจนในชั้นผิว

Hydrolyzed Collagen มักจะนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารเสริม ในรูปเม็ดยาหรือแคปซูล ซึ่งจะทำให้ถูกดูดซึม เข้าสู่เซลล์ผิวชั้นลึกของร่างกายได้เป็นอย่างดี

ช่วยให้เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่น อุ้มน้ำ และผิวดูเต่งตึงขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เล็บที่เปราะบาง แข็งแรงขึ้น เกล็ดผมสุขภาพดีขึ้น ทำให้ผมหนา และแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม

ส่วนในเรื่องปริมาณ ควรรับประทานคือวันละ 10 กรัม ในขณะท้องว่าง โดยเริ่มกินได้ตั้งแต่ย่างเข้าวัยผู้ใหญ่ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 23 ปี

ในรายที่มีปัญหาผิวแห้ง หรือถ้าผิวมันก็ถอยออกไปเป็น 27 ปี หรือถ้าเพื่อความชัวร์ ลองปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเลยก็จะเป็นผลดี

ประโยชน์ของ ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน

เพื่อปรับโครงสร้างของผิวให้แข็งแรง และเรียบตึงขึ้นเพิ่มความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ลดรอยเหี่ยวย่น หมองคล้ำ ทำให้ผิวคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

  • อายุที่มากขึ้น ทำให้เซลล์กระดูกอ่อน (chondrocyte) มีการสร้างโปรตีนคอลลาเจนลดลง
  • มีการใช้งานของข้อมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพที่จำเป็นต้องใช้ข้อเป็นประจำ เช่น นักกีฬา มีผลให้เนื้อกระดูกอ่อน ผิวข้อ มีการสึกกร่อน หรือบางลงเร็วกว่าที่ควร

ทั้งสองปัจจัยสำคัญข้างต้น ส่งผลให้กระดูกแข็ง ที่อยู่ใต้กระดูกอ่อนผิวข้อ มีการสัมผัสหรือเสียดสีกัน มีเสียงดังกรอบแกรบ หรือปวดขณะเคลื่อนไหว ความสามารถในการเคลื่อนไหวข้อลดลง

บุคคลใดควรรับประทานคอลลาเจน

เพราะร่างกายเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มเสื่อม และลดลงโดยเฉลี่ย 1.25%ต่อปี ดังนั้นการรักษาความอ่อนเยาว์ และบำรุงผิวพรรณที่ถูกทำลาย

มีริ้วรอยเหี่ยวย่น หรือเสื่อม สภาพลงเนื่องจาก วัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหญิงและชายที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป

การทดแทน คอลลาเจน ที่สูญเสียไป

การนำสารสกัดโปรตีน คอลลาเจน เข้าสู่ร่างกายเพื่อผลในการบำรุงผิวและลดริ้วรอยนั้น ปกติทำได้ 2 วิธี คือ

การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ชั้นหนังแท้ และการรับประทาน ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

เนื่องจาก คอลลาเจนเป็นโปรตีน ที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก ดังนั้น จึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนัง ได้ด้วยการทา

ซึ่งครีมบำรุงผิวต่างๆ ตามท้องตลาดที่มีส่วนผสมของ คอลลาเจน ก็จะเป็นเพียงการผลัก คอลลาเจน ให้เข้าไปอยู่ได้ แค่ชั้นผิวหนังกำพร้า

แต่เนื่องจาก คอลลาเจน มีคุณสมบัติอุ้มน้ำไว้ได้ ประมาณ 30 เท่าของน้ำหนัก จึงทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้าชุ่มชื้นขึ้นเท่านั้น จึงไม่สามารถ แก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างเป็นรูปธรรม

และหากจะเปรียบเทียบระหว่างการฉีดคอลลาเจน เข้าใต้ผิวหนังกับการรับประทานแล้ว จะพบว่า

วิธีการรับประทานนั้นง่าย และสะดวกมากกว่าการฉีด ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากนี้ การรับประทานนั้น ยังเป็นการนำ คอลลาเจน เข้าไปเสริมสร้าง ทั้งส่วนของผิวหน้า และผิวพรรณทั่วร่างกาย โดยผลการวิจัยด้านโภชนาการ ได้ค้นพบว่า

การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารที่สกัดจากโปรตีนของ ปลาทะเลน้ำลึกบางประเภท ที่มีโครงสร้างทางโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้าง คอลลาเจน (collagen) ของผิวคนเรา

โดยวิธีการ Enzymatic Hydrolysis เป็นประจำอย่างต่อเนื่องนั้น สามารถช่วยเสริมสร้าง คอลลาเจน ที่สูญเสียไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น

รวมทั้งช่วยปกป้อง และชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา ความแห้งกระด้าง ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น นุ่มนวล คงความยืดหยุ่นของผิวไว้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงเล็บ และเส้นผม ให้มีสุขภาพดี ได้อีกด้วย

คอลลาเจน มีส่วนช่วย ลดความอ้วนและกำจัดไขมันได้ จริงหรือ?

obese-main

ยังมีความเข้าใจผิดๆ อยู่บ้างในเรื่องของการนำคอลลาเจน ไปโฆษณาชวนเชื่อ ในเรื่องของการ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ว่า

คอลลาเจน มีสรรพคุณที่ช่วยในการขจัดไขมัน ลดความอ้วน ได้ด้วย ทางผู้เขียนขอยืนยัน นอนยัน มา ณ ที่นี้ เลยว่า …

ไม่เคยมีงานวิจัยทางเภสัชกรรมหรือการแพทย์ใดๆในโลกนี้เลยที่ระบุว่า คอลลาเจน หรือ คอลลาเจนไฮโดรไลเซท ( Collagen or Collagen Hydrolysate ) สามารถช่วยกำจัดไขมัน

ไม่ว่าจะไขมันขาว ( White Fat ) และ ไขมันสีน้ำตาล ( Brown Fat ) หรือ เซลลูไลท์ ( Cellulite ) ได้เลย แม้แต่ผลการวิจัยเดียว

แต่มีรายงานทางการแพทย์ของประเทศสิงค์โปร์ ว่ามีผู้ที่ตายจาก กล้ามเนื้อหัวใจเกร็งตัวผิดปกติ จากรับประทานส่วนประกอบจากคอลลาเจนโปรตีน มากเกินปกติ

เพราะพบว่า ไปทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อแข็งเกินไป ทำให้เกิดความแรงในการบีบตัวอย่างผิดปกติ และเป็นอันตรายมาก สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคตับและโรคไต

ไม่เคยปรากฏการวิจัยใดๆ เลยว่า ไขมันมีการลดลงตอนนอน เพราะโกรทฮอร์โมน ในผู้ใหญ่จะไม่มีการสร้างโกรทฮอร์โมน ( HGH ) เพิ่มขึ้นอีกมีแต่จะลดลงเรื่อยๆ เมื่ออายุครบ 20 ปี

จึงทำให้ความสูงหยุดลง หากมีการสร้างโกรทฮอร์โมนต่อ หรือมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดความผิดปกติ เช่น อาจจะทำให้เกิดภาวะโรคยักษ์ ( Giantism ) หรือ ที่ทางการแพทย์เรียกว่า อโครเมกาลี ( Acromegaly )

โดยผู้ป่วย จะมีการยืดยาวของกระดูกต่อไป และ/หรือ ลักษณะของคางที่กว้างออก สังเกตได้จากฟันที่ห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ

ดังนั้น กรุณาอย่าไปเชื่อโฆษณาชวนเชื่อที่ว่า คอลลาเจน สำหรับลดความอ้วน กำจัดไขมัน ได้

ปัจจุบัน นี้ได้มีการพัฒนา Collagen ในรูปแบบที่รับประทานง่าย และมีรสชาติอร่อย เช่น นำมาทำเป็นผงไว้ชงดื่ม และให้ละลายง่ายในน้ำเย็น เป็นต้น

ซึ่งในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา และเยอรมันนี ผู้สูงอายุ ต่างก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้มีคุณชีวิตที่ดีขึ้น

อีกหนึ่งทางเลือก ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องของปัญหาข้อเสื่อม กับการเลือกรับประทาน Collagen ซึ่งเป็นสารอาหารอย่างหนึ่ง ที่มิใช่ยา แต่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อโรคข้อเสื่อมได้

ทำให้ลดการใช้ยาแก้ปวด และยาต้านการอักเสบ รวมทั้ง ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น ผลก็คือ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั่นเอง

ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 1-3 กรัม หรือ 1-3 ช้อนชา ละลายในเครื่องดื่มร้อน-เย็น 250 cc. ควรรับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ หรือนำไปผสมกับอาหารรับประทาน

ร่างกายจะต้องได้รับคอลลาเจน เป็นจำนวน 10 กรัม อย่างน้อย 3 เดือน จึงจะเห็นผล เพราะว่า คอลลาเจนมีการสลายและสร้างใหม่ได้ แต่ถ้าหยุดกินคอลลาเจนเลย อาการจะเกิดอย่างช้าๆ