เนื้องอกในมดลูก เป็นความผิดปกติที่เริ่มพบได้บ่อยในผู้หญิง จนทำให้หลายๆ คนเกิดความตกใจ
เมื่อตรวจพบกับความผิดปกติ แต่ในความเป็นจริง เราสามารถรับมือได้ไม่ยาก
เพียงแค่อย่าปล่อยปละละเลยทิ้งเอาไว้นาน จนเนื้องอกมีขนาดใหญ่ ซึ่งการรักษามีทั้งแบบผ่าตัดหรือไม่ผ่าก็ได้
ขึ้นอยู่กับขนาดและปัจจัยอื่นๆ ตามความเห็นของแพทย์ ดังนั้นสาวๆ ที่รู้ตัวว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นก็อย่านิ่งนอนใจ
ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เสียก่อน เพราะหากพบตั้งแต่เนิ่นๆ การรักษาจะทำได้ง่าย และลดความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ ได้อีกด้วยค่ะ
ทำความรู้จักกับชนิดของเนื้องอกในมดลูก
เนื้องอกในมดลูก มีตำแหน่งการเกิดที่แตกต่างกันออกไป โดยชื่อของเนื้องอกชนิดนี้
ทางการแพทย์จะเรียกว่า Myoma uteri หรือ fibroid ซึ่งจะหมายถึงเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง มีการจัดแบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
1.เนื้องอกในมดลูก (Intramural myoma) – เป็นเนื้องอกที่แทรกตัวอยู่ภายในชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก
และฝังตัวอยู่ในนั้น มักมาพร้อมกับอาการปวดประจำเดือนอย่างหนัก หรือมีประจำเดือนมามากจนทำให้เกิดภาวะซีด
2.เนื้องอกในโพรงมดลูก (Submucous myoma) – เป็นเนื้องอกที่พบได้มาก
มักจะมีผลทำให้เกิดภาวะประจำเดือนมามากผิดปกติ และปวดประจำเดือน เสี่ยงต่อภาวะแท้งคุกคาม และการมีบุตรยาก
3.เนื้องอกที่ผิวของมดลูก (Subserous myoma) – เป็นเนื้องอกที่จะพบได้บริเวณผิวด้านนอกตัวมดลูก
มักจะไม่แสดงอาการหรือปัญหาใดๆ เป็นสัญญาณเตือน นอกจากเนื้องอกจะขยายขนาดไปกดทับอวัยวะอื่นๆ ข้างเคียง
สาเหตุของการเกิดเนื้องอกในมดลูก
สาเหตุของเนื้องอกในมดลูกที่พบ จะมีต้นตอมาจากการแบ่งเซลล์ของกล้ามเนื้อมดลูกที่ผิดปกติ
จนทำให้เนื้อเยื่อกลายสภาพเป็นก้อน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นสีซีด ผิวหยุ่นๆ ต่างไปจากเนื้อเยื่อปกติของมัน
ส่วนตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มักจะเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย
โดยเฉพาะ พันธุกรรม และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (เอสโทรเจนและโพรเจสเทอโรน)
อาการเบื้องต้นที่ควรสังเกต
เนื่องจากอาการของเนื้องอกแต่ละชนิดที่กล่าวไปข้างต้น จะแสดงอาการไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก
ยิ่งหากเป็นเนื้องอกขนาดเล็กมาก ก็ยิ่งไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สาวๆ ควรสังเกตคือ
เมื่อใดก็ตามที่เนื้องอกมีขนาดใหญ่ จะทำให้มีเลือดออกมาแบบกระปิดกระปรอย หรือมีเลือดออกมาก
มีอาการปวดประจำเดือน ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย หรือบางรายมีอาการปวดหลังเรื้อรัง
แต่หากก้อนเนื้องอกโตมากจนเข้าไปกดทับอวัยวะข้างเคียง โดยเฉพาะกระเพาะปัสสาวะ
จะทำให้ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก ปวดเฉียบขณะมีเพศสัมพันธ์ สามารถคลำได้ที่ภายนอกหน้าท้องหากมีก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่มากๆ แล้ว
Photo Credit : netdoctor.co.uk
สาวๆ ที่พบอาการดังกล่าว จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด
ซึ่งการรักษาจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของเนื้องอก ชนิด และขนาด
โดยแพทย์จะมีการนำชิ้นเนื้อไปตรวจหาเซลล์มะเร็งว่าเนื้องอกที่เกิดขึ้นมาจากความผิดปกติทั่วไป หรือเป็นการเติบโตของเซลล์มะเร็งนั่นเองค่ะ