โรคไขมันพอกตับ อันตรายจากการกินอาหารไขมันสูง!
โรคไขมันพอกตับ (fatty liver disease) เป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการที่มีไขมันไปสะสมในตับ ซึ่งจะสามารถตรวจพบได้บ่อยจากการที่ตับมีการทำงานผิดปกติเพียงเล็กน้อย จะตรวจพบอยู่ในค่า SGOT และ SGPT ที่สูงมาก ซึ่งทั้งสองค่าเป็นเอนไซม์ที่หลั่งออกมาจากตับ ทำให้เราทราบว่า ตับอาจเกิดการอักเสบหรือทำงานผิดปกติอื่นใดเกิดขึ้น โดยทั่วไปโรคนี้จะไม่ค่อยทำให้เกิดอาการเจ็บปวดใดๆ แต่มักจะไปส่งผลต่อสุขภาพในด้านอื่นแทน ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยลดลงเมื่อไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพตับของสาวๆ ให้มากขึ้น ลองมาเช็คสัญญาณร่างกายที่ผิดปกติ อาจมาจากสาเหตุของโรคนี้ก็เป็นได้ค่ะ โรคไขมันพอกตับ คืออะไร ? โดยปกติแล้ว ภายในตับจะมี ไขมันสะสม อยู่ราว 5-10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตับ หากเกิดภาวะไขมันพอกตับนั่นหมายถึงมีไขมันเกินกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตับ โดยส่วนมากจะอยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ปริมาณของไขมันที่พอกเกินมาในตับ มาจากปริมาณร่างกายที่ได้รับไขมันมากเกินไปจากการกินอาหาร ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดเอาส่วนเกินออกไปได้ทั้งหมด ร่างกายจึงเปลี่ยนไขมันให้ไปสะสมอยู่ที่ตับแทน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะอักเสบของเซลล์ตับตามมาได้ในระยะยาว ทำให้เนื้อตับถูกทำลาย กลายเป็นพังผืด จนนำไปสู่โรคตับแข็งได้ในที่สุด สาเหตุของการเกิดโรคไขมันพอกตับ สาเหตุจากไขมันที่พอกอยู่ในตับเกิดได้จากหลายสาเหตุ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ 1.ไขมันพอกตับจากการดื่มสุรา จะเป็นไขมันที่สะสมตัวจากสาเหตุของคนที่ดื่มสุราในปริมาณมากๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เซลล์ตับถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จนมีไขมันมาพอกอยู่ […]