วิตามินซี ดีอย่างไร .. หนึ่งในสารอาหารหลักที่มีความจำเป็นต่อความต้องการร่างกาย เพราะหากร่างกายขาดวิตามินซี ก็จะทำให้ป่วยเป็นหวัดได้ง่าย และยังมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ตามมาได้ด้วย
ดังนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการกินวิตามินดังกล่าวอย่างเพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้ว ในเด็กควรได้รับวิตามินซี อย่างน้อยวันละ 30 – 50 มิลลิกรัม
ส่วนผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ควรได้รับอย่างน้อยวันละ 60 – 90 มิลลิกรัม และยังสามารถกินประมาณวันละ 100 – 200 มิลลิกรัม เพิ่มได้อีกด้วย
ขณะเดียวกันนั้น ในบางรายก็อาจจำเป็นต้องกินวิตามินซีเพิ่มมากกว่าปกติ คือตั้งแต่ 500 มิลลิกรัมขึ้นไป
ใครที่ต้องได้รับ Vitamin-C มากกว่าปริมาณปกติ
1.ผู้ที่เจ็บป่วยเป็นหวัดบ่อยๆ มีอาการเลือดออกตามไรฟัน และเป็นโรคลักปิดลักเปิด แพทย์จะให้กินวิตามินซีเสริม เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้งโรคหวัด และช่วยลดปัญหาเลือดออกตามไรฟัน รวมถึงลักปิดลักเปิดได้
2. ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ เนื่องจากสารพิษจากบุหรี่ จะเข้าไปสะสมภายในร่างกายปริมาณมาก
การกินวิตามินวันละ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัม สารพิษก็จะถูกกำจัดออกไปจากร่างกายได้มากยิ่งขึ้น
3. ผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับวิตามินซี มากกว่าปกติ เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารก
4. ผู้ที่ต้องผ่าตัด หรือเพิ่งได้รับการผ่าตัด และอยู่ในระหว่างพักฟื้นร่างกาย การกินวิตามินซีในปริมาณที่มากขึ้น จะช่วยให้บาดแผลจากการผ่าตัดหายอย่างเร็วยิ่งขึ้น
วิตามินซี กินอย่างไรให้ได้ผล?
การกินวิตามินซีให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ ควรกินพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารจะดีที่สุด และไม่แนะนำให้กินตอนท้องว่าง
เพราะ วิตามินซี มีฤทธิ์เป็นกรด อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหารขึ้นได้
อีกทั้ง การกินหลังอาหาร ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินให้ไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
และยังช่วยให้สารอาหารต่างๆ ที่กินเข้าไปพร้อมๆ กันสามารถดูดซึมนำไปใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
กินวิตามินซีตอนไหนดีที่สุด?
แท้จริงแล้ว เราสามารถ กินวิตามินซี ช่วงเวลาไหนก็ได้ ตามสะดวก แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด ก็อาจจะแบ่งกินวันละ 2 มื้อหลังอาหาร หรืออาจจะเป็นวันละ 3 มื้อหลังอาหารก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่สภาพร่างกาย หรือความจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีในแต่ละคนที่แตกต่างกัน
แต่ในคนทั่วไป การแบ่งกินวิตามินซีหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว
ในช่วงเช้า ควรรับประมาณช่วงระหว่างเวลา 9 โมงเช้า ถึง 10 โมงเช้าจะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี
และที่สำคัญ ไม่ควรรับประทานวิตามินซีก่อนนอน เพราะจะทำให้ร่างกายทำงานหนัก รบกวนการพักผ่อนในเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับยาก พักผ่อนไม่เพียงพอ
อันตรายจากการกินวิตามินซี
การกินอาหารไม่ว่าจะมากหรือน้อย ล้วนมีโทษแตกต่างกันทั้งสิ้น เช่นเดียวกันกับการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหรือวิตามินชนิดต่างๆ
ซึ่งหากร่างกายของคุณขาดวิตามินซี หรือได้รับวิตามินซีในปริมาณมากเกินไป ก็ย่อมก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย ได้ดังนี้
ผลเสียเมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีน้อยเกินไป
หากร่างกายได้รับวิตามินน้อยเกินไป จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคอ่อนแอ ทำให้ป่วยเป็นหวัดง่าย มีเลือดออกตามไรฟัน เป็นลักปิดลักเปิด และผิวพรรณไม่สดใสเปล่งปลั่ง
เนื่องจาก ในวิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยในการต่อต้านความแก่ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น หากร่างกายได้รับวิตามินซีเพียงพอ ก็จะทำให้ผิวพรรณสดใส ยืดหยุ่นและกระชับเต่งตึงขึ้น
ผลเสียเมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีมากเกินไป
หากร่างกายได้รับวิตามินซีมากกว่าวันละ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัม โดยกินในปริมาณสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอย่างแน่นอน
เช่น กระเพาะอาหารระคายเคือง จนเกิดเป็นแผล มีอาการไม่สบายท้อง ปวดมวนท้อง ท้องเสียอย่างรุนแรง โลหิตจาง และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย
Credit : dailyvitsofficial.com
หากแต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะอาการข้างเคียงดังกล่าวพบน้อยมาก ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้
จึงสามารถขับออกทางปัสสาวะได้ง่าย และลดการสะสมภายในร่างกายจนก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้นั่นเอง
เพราะฉะนั้น หากร่างกายของคุณมีความจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีมากกว่าวันละ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัม แนะนำให้กินพร้อมหรือหลังอาหาร
และควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อให้วิตามินสามารถละลายกับน้ำ ทั้งยังสามารถขับออกจากร่างกายได้ง่าย โดยที่ไม่เกิดการสะสมในไตต่อไป
วิตามินซี 1000 mg. ยี่ห้อไหนดี?
เนื่องจาก ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซี ในท้องตลาดมีให้เลือกกินหลายยี่ห้อ หลายคนอาจกำลังชั่งใจว่า ควรซื้อวิตามินซี 1000 mg. ยี่ห้อไหนดี?
ซึ่งหากคุณกำลังมองหาวิตามินซี ในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ วิตามินซี Blackmores
วิตามินซี Blackmores BIO C แบลคมอร์ส ไบโอซี 1000 mg. ซึ่งมีรายละเอียดส่วนประกอบ สรรพคุณและวิธีใช้อย่างถูกต้อง ดังนี้
ส่วนประกอบ :
วิตามินซีในรูปแอสคอร์บิค แอซิด (L-ascorbic Acid) 400 มิลลิกรัม โซเดียม แอสคอร์เบท 350 มิลลิกรัม และแคลเซียม แอสคอร์เบท 400 มิลลิกรัม
ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ 25 มิลลิกรัม ลูทีน 50 มิลลิกรัม เฮสเพอริดิน 50 มิลลิกรัม โรสฮิป 250 มิลลิกรัม และอะเซโรลา 50 มิลลิกรัม
สรรพคุณ :
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซี Blackmores อุดมไปด้วย ไบโอฟลาโวนอยด์จากธรรมชาติ เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมของวิตามิน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอ ต่อความต้องการก็จะช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัด และช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและบำรุงหลอดเลือดให้แข็งแรง
วิธีกิน : รับประทานพร้อมอาหาร ผู้ใหญ่ควรทานวันละ 1 เม็ด
คำเตือน : เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ควรรับประทาน และหากมีภาวะนิ่วในไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้
เลขที่ อย. 13-1-13557-1-0015
และนี่ก็คือประโยชน์จากวิตามินซี ที่มีผลดีต่อสุขภาพ และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกิน รวมถึง อันตรายจากวิตามินซี จะได้ไม่เป็น โรคขาดวิตามินซี ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น เรายังแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีชั้นเยี่ยม ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในท้องตลาด
Blackmores ถือเป็น วิตามินซีอีกหนึ่งยี่ห้อ ที่ได้รับความไว้วางใจ และให้คุณประโยชน์ต่อการกินบำรุงร่างกาย ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
ทั้งนี้ ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองจากธรรมชาติ และจากการรับประทานอาหารจำพวกผัก และผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อย่างเช่น ส้ม มะนาว เลมอน เป็นต้น
อาหารเสริม เป็นเพียงตัวช่วยหนึ่ง ที่ช่วยให้เรารับประทานเข้าไปเสริมสร้างส่วนที่ขาด ควรจะรับประทานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่างไรเสีย วิตามินที่ได้รับจากการรับประทานอาหารจากธรรมชาติ ยังไงก็ดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ ควรจะรับประทานวิตามินซีเท่าที่จำเป็น หรือตามใบสั่งแพทย์ก็พอนะคะ