12 สัญญาณการตั้งครรภ์ ที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้ !

สัญญาณการตั้งครรภ์

เมื่อเริ่ม ตั้งครรภ์ คุณแม่ส่วนใหญ่จะต้องเผชิญกับ อาการคนท้อง ที่ไม่ใช่แค่อาการแพ้ท้องเท่านั้น

แต่หมายถึงอาการอื่นๆ ที่มักจะเกิดขึ้น เมื่อในท้องของคุณแม่เริ่มมีสายใยเล็กๆ ก่อตัวขึ้นมาอีกด้วย

ซึ่งหากใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ ก็สามารถสังเกตจากอาการเหล่านี้ได้เหมือนกัน

โดยมี 12 อาการที่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ดังนี้

สัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ มีอะไรบ้าง?

เพราะเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย จึงมักทำให้คุณแม่เกิดอาการต่างๆ

และอาการคนท้องเหล่านี้ ก็ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ที่คุณแม่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองง่ายๆ

เรามาดูกันเลยนะคะว่า สัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ทั้ง 12 สัญญาณ มีอะไรบ้าง?

1.เจ็บคัตตึง บริเวณเต้านม

เมื่อตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้มีอาการเจ็บและคัตตึงบริเวณเต้านมและหัวนม

คล้ายกับตอนมีประจำเดือน แต่จะเจ็บมากกว่า นอกจากนี้เต้านมอาจขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

และสีผิวบริเวณรอบหัวนมก็คล้ำขึ้นอีกด้วย ซึ่งในบางคนอาจมองเห็นหลอดเลือดดำได้เด่นชัดเลยทีเดียว

2.ปวดปัสสาวะบ่อย

ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะมีการสร้างของเหลวมากกว่าปกติ จึงส่งผลให้เกิดอาการปวดปัสสาวะบ่อยๆ ได้

โดยเฉพาะช่วงกลางคืน ซึ่งอาจทำให้คุณต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำบ่อยๆ จนแทบไม่ได้นอนเลยทีเดียว

แต่ก็ต้องดูจากหลายๆ ปัจจัยด้วย เพราะการปวดปัสสาวะบ่อย ก็อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นได้เหมือนกัน

3.ปวดเกร็งในช่องท้อง

อาการปวดเกร็งในช่องท้อง เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของการตั้งครรภ์ เนื่องจากมดลูกมีการขยายใหญ่ขึ้น

เพื่อให้พร้อมสำหรับการรองรับการฝังตัวของทารกในครรภ์ จึงมีอาการปวดหน่วงๆ คล้ายกับอาการปวดท้องประจำเดือนนั่นเอง

ซึ่งหากอาการนี้เกิดขึ้นโดยที่ประจำเดือนขาด ก็การันตีได้ถึง 50% ว่าคุณอาจกำลังตั้งครรภ์จริงๆ

4.อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ขี้น้อยใจ

อย่างที่รู้กันดีว่า ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายและขี้น้อยใจเสมอ

ซึ่งต้องบอกเลยว่าอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์เลยทีเดียว นั่นก็เพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป

จึงส่งผลกระทบต่อสภาวะอารมณ์โดยตรงนั่นเอง เพราะฉะนั้นหากปกติคุณเป็นคนที่ใจเย็นมาก

และอยู่ดีๆ ก็หงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายขึ้นมาซะงั้น นั่นอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ก็ได้

5.คลื่นไส้อาเจียน

ขณะตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก คุณแม่อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของการแพ้ท้องนั่นเอง

โดยอาการนี้เป็นผลจากการที่ฮอร์โมนเพิ่มสูงขึ้น จึงไปรบกวนทางเดินอาหาร จนทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลา

แต่เมื่อผ่านช่วง 3 เดือนไปแล้ว อาการจะค่อยๆ เบาลงและหายเป็นปกติในที่สุด ยกเว้นในบางคนที่แพ้ท้องมากๆ

อย่างไรก็ตาม อาการคลื่นไส้อาเจียน ก็สามารถบรรเทาได้ด้วยการทานน้ำหวานและไอศกรีมเช่นกัน

6.ปวดหลัง

ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่อาจมีอาการปวดหลังได้ ซึ่งเป็นเพราะกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น

มีการขยายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความผ่อนคลายมากขึ้น จึงเกิดอาการปวดเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณหลังช่วงล่างนั่นเอง

นอกจากนี้เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ก็อาจจะมีอาการปวดมากขึ้นเช่นกัน แต่เป็นเพราะน้ำหนักตัวที่มากขึ้น

ทำให้ศูนย์กลางการทรงตัวของคุณแม่เปลี่ยนไป และกระดูกสันหลังต้องพยุงร่างกายมากกว่าปกติ จึงส่งผลให้เกิดอาการปวดนั่นเอง

7.เหม็นกลิ่นอาหาร

เหม็นกลิ่นอาหาร เป็นอาการที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่หากมีอาการดังนี้ก็เดาได้เลยว่าคุณกำลังตั้งครรภ์

เพราะในขณะตั้งครรภ์นั้น คุณแม่จะมีความไวต่อกลิ่นมากเป็นพิเศษ และอาจได้กลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม

โดยเฉพาะกลิ่นเหม็นจากอาหาร ที่ชอบทานเป็นประจำ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เลยทีเดียว

และนอกจากกลิ่นอาหารแล้วในบางคนก็อาจเหม็นกลิ่นตัวของสามีหรือกลิ่นน้ำหอมที่เคยใช้บ่อยๆ ได้อีกด้วย

8.มีเลือดออกกระปริบกระปรอย

อาการเลือดออกในระยะแรกของการตั้งครรภ์ เกิดจากการที่ทารกเริ่มฝังตัวเข้าไปในเยื่อบุโพรงมดลูกของแม่

จึงอาจทำให้มีเลือดออกได้ แต่ส่วนใหญ่จะออกแบบกะปริบกะปรอยและหยุดไปเอง

แต่อย่างไรก็ตาม อาการเลือดออกอาจเกิดจากภาวะแท้งได้เหมือนกัน สังเกตได้จากเมื่อมีอาการปวดเกร็งท้องร่วมด้วย

ซึ่งคุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทันนั่นเอง

9.เวียนศีรษะ เป็นลม

อาการเวียนศีรษะบ่อยๆ เหมือนจะเป็นลม ไม่ได้เกิดจากความอ่อนเพลียหรือพักผ่อนน้อยเท่านั้น

แต่เป็นอาการหนึ่งของการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำ และความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว

จึงทำให้มีอาการเวียนศีรษะและเป็นลมได้ อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เพราะหากเป็นลมล้มไปกระแทกกับของแข็งๆ หรือตกบันไดก็อาจเสี่ยงต่อการแท้งได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ควรทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำอย่างเพียงพอเสมอ เพื่อเสริมพลังงานให้กับร่างกาย และห่างไกลจากอาการนี้มากขึ้น

10.อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

เนื่องจากอาการแพ้ท้องที่สะสมมาหลายวัน และระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้น

จึงทำให้คุณแม่มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายกว่าปกติ แถมพลังงานส่วนใหญ่ก็ถูกดึงไปใช้ในการพัฒนาการทารกในครรภ์เป็นหลัก

จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการเมื่อยล้า อ่อนเพลียและรู้สึกอยากนอนตลอดเวลา

จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่จึงมักจะนอนกลางวันเสมอ และรู้สึกไม่อยากทำอะไรเลย

11.มีตกขาวเล็กน้อย

ไม่ต้องตกใจเมื่อมีตกขาว หากตกขาวนั้นไม่เข้าลักษณะของความผิดปกติ (มีกลิ่นเหม็น, มีสีขุ่นๆ เหลืองๆ, มีอาการคัน)

เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ ที่บ่งบอกว่าคุณแม่กำลังจะมีทารกน้อยในครรภ์นั่นเอง

โดยตกขาวนี้จะมีเพียงเล็กน้อย เฉพาะช่วงแรกของการตั้งครรภ์เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตกขาวดังกล่าวจะไม่เป็นอันตราย

แต่คุณแม่ก็ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา ที่อาจจะเป็นปัญหากับคุณแม่ได้

12.ท้องผูกบ่อยๆ

ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่จะเริ่มมีอาการท้องผูกมากกว่าปกติ และจะมีอาการบ่อยขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น

เนื่องจากมดลูกที่ขยายใหญ่ไปเบียดหรือกดทับลำไส้ใหญ่ จนทำให้เกิดอาการท้องผูกนั่นเอง

แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ไม่ยาก ด้วยการทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ดื่มน้ำให้เยอะๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วต่อวัน

และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ด้วยท่าง่ายๆ ที่คนท้องสามารถทำได้ เท่านี้ก็ช่วยลดอาการท้องผูกได้ในระดับหนึ่งแล้ว

Credit : followmenews.com

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ลองเช็คดูสิว่า คุณมี สัญญาณการตั้งครรภ์ โดยมี อาการคนท้อง เหล่านี้อยู่หรือเปล่า

ซึ่งหากพบอาการผิดปกติเหล่านี้พร้อมกับประจำเดือนขาดด้วย ก็มั่นใจถึง 50% ได้เลย ว่าคุณอาจกำลังตั้งครรภ์จริงๆ

และเพื่อความชัวร์มากขึ้น ควรซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและทำการฝากครรภ์ทันที

เพราะยิ่งฝากครรภ์เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีต่อตัวคุณแม่เองและทารกมากเท่านั้น