อุ้งเชิงกรานอักเสบ โรคทางระบบสืบพันธุ์ในผู้หญิงที่ไม่ควรมองข้าม

อุ้งเชิงกรานอักเสบ อาการ

อุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือ โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (pelvic  inflammatory disease;PID) เป็นโรคที่เกิดขึ้นและพบได้บ่อยในผู้หญิง จัดอยู่ในกลุ่มโรคติดเชื้อที่อันตรายและน่ากลัว

ด้วยภาวะอักเสบและติดเชื้อที่เกี่ยวเนื่องกับอวัยวะสืบพันธุ์ส่วนบน ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งของมดลูก, รังไข่, ท่อนำไข่และอวัยวะใกล้เคียงด้วย เราอาจะเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า โรคปีกมดลูกอักเสบ

สาเหตุที่พบหลักๆ มาจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นกามโรคที่จะไปส่งผลให้ท่อนำไข่เกิดภาวะตีบตัน

ตามมาด้วยผลกระทบที่น่ากลัวหากไม่รีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตัว และให้ทราบถึงอาการของโรคได้ทัน สาวๆ ควรมาลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้กันให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ

ลักษณะอาการของอุ้งเชิงกรานอักเสบ

การอักเสบของอุ้งเชิงกราน สามารถเรียกได้หลายชื่อ ขึ้นอยู่กับอวัยวะสืบพันธ์ที่เกิดการติดเชื้อ

ดังนั้นโรคนี้จึงมีความหมายที่ค่อนข้างกว้าง เมื่อพบการติดเชื้อที่จุดไหน

ส่วนใหญ่แพทย์มักจะเรียกคามชื่อจำเพาะกับอวัยวะนั้นๆ เช่น การอักเสบของท่อนำไข่ การอักเสบของรังไข่ หรือการอักเสบของมดลูก เป็นต้น

การติดเชื้อที่เกิดขึ้นนี้ จัดว่าเป็นการติดเชื้อที่มีความรุนแรง ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาสามารถหายเป็นปกติได้ และอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ เช่นเดียวกันหากเข้ารับการรักษาช้าเกินไป

ทั้งนี้การติดเชื้อจากปีกมดลูกจนทำให้อักเสบ ยังสามารถลุกลามไปยังรังไข่และท่อรังไข่

รวมถึงอวัยวะใกล้เคียงร่วมด้วย ไม่เพียงแค่จะพบกับโรคแทรกซ้อนเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงตามมา

ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ ยังแบ่งตามระยะเวลาการเกิดออกเป็น อุ้งเชิงกรานอักเสบเฉียบพลัน (acute pelvic inflammatory disease)

และชนิดอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง (chronic pelvic inflammatory disease)

สาวๆ ที่มักมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้สูงกว่าคนทั่วไป

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ ที่พบได้บ่อยคือการมีคู่นอนหลายคน หรืออาจจะหมายถึงคู่นอนที่มีคู่นอนหลายคน

เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็จะทำให้เชื้อถูกส่งมายังผู้ป่วยได้ คนที่เคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อนหน้านี้แล้ว จะมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้ง่ายขึ้น

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่อายุยังน้อยต่ำกว่า 25 ปี มีการสวนล้างช่องคลอดจนทำลายสมดุลภายใน การใสห่วงอนามัยคุมกำเนิด

การขูดมดลูก และการขยายโพรงมดลูก เหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะอักเสบของอุ้งเชิงกรานได้ทั้งสิ้น

อาการของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบที่พบได้

อาการหลักที่พบได้จากการเกิดอุ้งเชิงกรานอักเสบคือ ปวดท้องน้อยก่อนหรือหลังมีประจำเดือน

มีไข้สูง หนาวสั่น ตกขาวเป็นสีเหลืองและมีกลิ่น ลักษณะคล้ายหนอง เจ็บทรมานอย่างมากขณะมีเพศสัมพันธ์

ในรายที่มีการติดเชื้อโกโนเรียที่มาจากโรคหนองในในผู้ชาย จะมีอาการปวดท้องที่รุนแรงมากจนไม่สามารถเคลื่อนตัวได้

ยิ่งขยับตัวก็ยิ่งทำให้อาการปวดหนักมากขึ้น ไม่สามารถเดินตัวตรงหรือแม้การขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ทำได้ยาก

บางรายยังพบอีกด้วยว่า มีภาวะเลือดออกจากช่องคลอด แม้ไม่ใช่ช่วงที่มีประจำเดือน มีปัสสาวะขัด

ถ่ายเหลว คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา หากเกิดเป็นภาวะแทรกซ้อนตามมา

จะทำให้การอักเสบลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด กลายเป็นภาวะโลหิตเป็นพิษจนเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

การรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ

ในการรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ ส่วนมากการตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการอักเสบจะทำให้ยาก

แพทย์จึงเลือกใช้การรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะเป็นตัวช่วยกำจัดเชื้อเหล่านั้นตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป

ผู้ป่วยที่รีบเข้ารับการรักษาตั้งแต่ในช่วงที่โรคไม่ลุกลามมากนัก การรับประทานยาจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

โดยการกินต่อเนื่องตลอด 2 สัปดาห์จนครบ จากนั้นก็จะเฝ้าติดตามผลต่อไปอีก 2-3 วัน

แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ส่วนใหญ่จะได้รับยาปฏิชีวนะชนิดฉีดซึ่งจะให้ผลในการรักษาที่รวดเร็วมากกว่า

แต่หากไม่มีการตอบสนอง อาจจะต้องได้รับการผ่าตัดมดลูกหรือปีกมดลูก ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

และสภาพร่างกายของผู้ป่วยร่วมด้วย หลังจากหายเป็นปกติแล้ว จะต้องหมั่นดูแลสุขภาพตัวเอง

หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นด่าง มีเพศสัมพันธ์ด้วยความระมัดระวัง

และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองอยู่เสมอ แม้จะหายดีแล้วก็ตาม

อุ้งเชิงกรานอักเสบ สาเหตุการเกิด
Photo Credit : haveababy.com

การรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ ไม่เพียงทำการรักษาตัวผู้ป่วยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แต่สำหรับคู่นอนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นตัวรับเชื้อฝังอยู่ภายในหรือเป็นตัวแพร่เชื้อได้

การรักษาเพื่อให้หายขาดคือการรักษาคู่นอนของผู้ป่วยด้วย จะได้ป้องกันไม่ให้โรคเกิดซ้ำขึ้นมาได้อีกในอนาคต

พร้อมป้องกันดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน และรักษาความสะอาดของช่องคลอดอย่างถูกต้องด้วย