กาแฟ (Coffee) เครื่องดื่มสุดโปรดที่หลายคนนิยมดื่มในทุกๆ เช้า เพราะคาเฟอีนจากในกาแฟจะช่วยกระตุ้นสมองและร่างกายให้รู้สึกตื่นตัวสดชื่น กระปรี้กระเปร่าและยังมีแรงพลังในการทำงานได้อย่างยาวนานหลายชั่วโมง
แต่กระนั้น อย่าลืมนะคะว่า ฤทธิ์ของคาเฟอีนก็ออกฤทธิ์แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อฤทธิ์ของมันหมด อาการง่วงนอน เซื่องซึม
แลดูเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงก็หวนกลับมา ทำให้หลายคนเป็นต้องหันมาดื่มกาแฟปลุกความสดชื่นตื่นตัวให้ร่างกายใหม่อีกไม่รู้จบ
จนทำให้หลายคนติดการดื่มกาแฟไปโดยไม่รู้ตัว และสำหรับใครที่รู้ตัวว่า ติดกาแฟเข้าขั้นหนัก อยากเลิกกาแฟให้ได้ผล
วันนี้เรามี วิธีเลิกกาแฟ อย่างได้ผลมาฝาก แต่ก่อนอื่น เรามาดูกันก่อนนะคะว่า อาการติดกาแฟมีอะไรบ้าง? และหากไม่ดื่มกาแฟ ควรดื่มเครื่องดื่มใดแทน?
อาการติดกาแฟ มีอะไรบ้าง?
1.ปวดศีระษะ
2.ร่างกายเฉื่อยชา และรู้สึกเซื่องซึม ไม่สดใส
3.อารมณ์หดหู่ เศร้าหมอง
4.คลื่นไส้ อาเจียน
5.ปวดกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้อมีภาวะแข็งเกร็ง
โดยอาการดังกล่าว เป็น อาการของคนติดกาแฟ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ไม่ได้ดื่มกาแฟมาเป็นเวลานานประมาณ 12-24 ชั่วโมง
และหากได้ดื่มกาแฟแม้เพียง 1 แก้ว อาการเหล่านี้ก็จะหายไป นั่นแปลว่าคุณมีอาการติดกาแฟแล้วนั่นเอง
สำหรับใครที่มีอาการติดกาแฟ หากดื่มในระยะเวลายาวนานคาเฟอีนที่สะสมในร่างกายก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพตามมาได้
โดยเฉพาะ โทษของการติดกาแฟในระยะยาว เช่น ภาวะกระดูกพรุน ปัญหาโรคตับ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
ดังนั้น ใครที่กำลังมองหา วิธีเลิกกาแฟ เรามีวิธีเลิกอย่างเห็นผลมาฝากแล้วดังนี้
วิธีเลิกกาแฟ ทำได้อย่างไรบ้าง?
อาการของคนติดกาแฟ จะว่าไปก็สร้างความทรมานให้ร่างกายได้ไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งหากเป็นในระยะยาวต่อไป
ผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพย่อมมีสูงขึ้นตามแน่นอน ดังนั้น เพื่อไม่ให้ร่างกายย่ำแย่ เราควรรีบใส่ใจเลิกติดกาแฟด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.ค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟให้น้อยลง
หลายคนที่ติดกาแฟอย่างหนัก แต่ละวันอาจจะดื่มกาแฟมากถึงวันละ 3-4 แก้ว และนั่นก็ไม่ใช่ผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
แต่หากจะให้หักดิบเลิกกาแฟไปเลยในทันทีก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะในผู้ที่มีอาการติดกาแฟอย่างหนัก
อาจจะมีอาการแย่จากการไม่ได้ดื่มกาแฟได้มากกว่าที่คิดหรือที่เราเรียกกันว่า “อาการลงแดงกาแฟ” นั่นเอง
เนื่องจากคาเฟอีนจากในกาแฟจะออกฤทธิ์ใกล้เคียงกันกับยาเสพติด แต่มีระดับความรุนแรงน้อยกว่า
ในบางรายอาจมีอาการง่วงหงาวหาวนอน เศร้าๆ ซึมๆ ขาดสมาธิ ในขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงหนักถึงขั้นอาเจียนเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น ในผู้ที่ติดกาแฟอย่างหนัก หากต้องการเลิกติดกาแฟ อันดับแรกควรเริ่มจากค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟให้น้อยลง
จากที่เคยดื่มวันละ 3-4 แก้ว ให้ลดลงมาเหลือ 3, 2 และ 1 แก้วตามลำดับ หรือหาเครื่องดื่มอื่นๆ มาดื่มแทนกาแฟ เช่น โกโก้ ชา
หรือกินดาร์กช็อกโกแลต เพราะอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้นอกจากจะช่วยทดแทนคาเฟอีนจากกาแฟได้ดีแล้ว
ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ดื่มหรือทานมากจนเกินไป
เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับปริมาณคาเฟอีนมาก สุดท้ายก็ทำให้คุณไม่สามารถเลิกกาแฟได้สำเร็จนั่นเอง
2.รับประทานยาแก้ปวด
เมื่อไรที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ คนเรามักจะมีอาการปวดหัว และแน่นอนว่าหากเราเลิกดื่มกาแฟ อาการปวดหัวจะต้องมาเยือนอย่างหนักแน่นอน
ดังนั้น จึงควรรับประทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหัวอันเนื่องจากสาเหตุดังกล่าวร่วมด้วย
เพราะโดยปกติแล้ว เมื่อเราเลิกดื่มกาแฟในทันทีก็มักจะมีอาการปวดหัวตามมาอยู่เสมอ
ซึ่งนี่ก็คือ จุดอ่อนที่ทำเอาหลายคนไม่สามารถหักดิบเลิกกาแฟได้เสียที เพราะหากเมื่อไรที่ปวดหัวก็จะต้องเลือกดื่มกาแฟแก้ปวด
จนกลายเป็นพฤติกรรมที่หลายคนเคยชิน ทำให้ติดกาแฟอย่างหนักและไม่สามารถหักดิบเพื่อเลิกติดกาแฟได้ในที่สุด
สำหรับข้อควรระวังในการใช้ยาแก้ปวดช่วงเลิกกาแฟ คุณอาจจะมีปัญหาด้านกรดไหลย้อนหรือเป็นโรคกระเพาะอาหาร
ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่มแอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน เพราะยาเหล่านี้มีผลทำให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้
3.ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ
อย่างที่หลายคนรู้ดีกันแล้วว่า การดื่มน้ำสะอาดมากๆ เป็นผลดีต่อสุขภาพ เพราะน้ำจะทำหน้าที่ขับล้างสารพิษออกจากร่างกาย
ทั้งยังมีผลการศึกษาพบว่าการดื่มน้ำสะอาดมากๆ จะช่วยให้ผลที่ติดคาเฟอีนไม่มีอาการขาดสมาธิ
หรือได้รับผลข้างเคียงจากการเลิกดื่มกาแฟได้ด้วย เรียกว่าดีต่อคนที่ติดกาแฟอย่างเต็มๆ เลยทีเดียว
และเมื่อเราดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ แล้ว น้ำจะช่วยปรับสมดุลความหิว มีส่วนช่วยลดอาการอยากดื่มกาแฟลงได้อีกด้วย
4.กินอาหารที่มีประโยชน์
ช่วงที่เลิกดื่มกาแฟ แนะนำให้ใส่ใจกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นหลัก เพราะช่วงเวลาดังกล่าวร่างกายอาจอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าง่าย
แต่การกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ให้แร่ธาตุและวิตามินอย่างครบถ้วน จะช่วยลดอาการอ่อนเพลียระหว่างเลิกกาแฟได้ดีนั่นเอง
พร้อมกันนี้ ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ให้พลังงานและมีไขมันสูง เพราะอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนจนต้องหันมาพึ่งพาคาเฟอีนจากกาแฟ
ควรเน้นกินอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เช่น ผัก ผลไม้หรืออาหารธัญพืชจะดีที่สุด และควรกินในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น
5.กินอาหารเช้าทุกวัน
หลายคนเข้าใจผิดว่าการดื่มกาแฟยามเช้านั่นถือว่าเป็นอาหารเช้าที่ดีแล้ว แต่บอกเลยค่ะว่าคุณคิดผิด
เพราะนั่นไม่ใช่มื้อเช้าที่ดีอย่างแน่นอน ยิ่งหากใครที่ต้องการเลิกดื่มกาแฟอย่างจริงจัง
แนะนำให้คุณกินอาหารมื้อเช้าเป็นประจำทุกวัน ห้ามงดมื้อเช้าเด็ดขาด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดอาการอยากดื่มกาแฟไปได้มากแล้ว
เพราะหากร่างกายได้รับอาหารเข้าไปอย่างเพียงพอ สมองก็จะได้รับปริมาณน้ำตาลจากอาหารอย่างเพียงพอด้วยเช่นเดียวกัน
และหากสมองสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องดื่มกาแฟกระตุ้นการทำงานของสมองอีกต่อไป
6.งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ในการกดประสาท หากคุณมีอาการติดกาแฟอยู่แล้ว
และไปดื่มแอลกอฮอล์ก็จะยิ่งส่งผลทำให้มีอาการแย่หนักขึ้นได้ เนื่องจากทุกครั้งที่ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป
สังเกตได้ว่าเช้าวันรุ่งขึ้น คุณจะมีอาการดื่มอยากกาแฟมากขึ้นกว่าเดิมทันที
เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้มีอาการติดกาแฟไปตลอดชีวิตแบบนี้ล่ะก็ ในระหว่างที่กำลังเลิกติดกาแฟก็ควรหันมางดดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย
และเพื่อให้การเลิกดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปอย่างได้ผลดีต่อสุขภาพ แนะนำให้งดหรือลดการสูบบุหรี่ลงไปด้วยจะดีที่สุด
7.หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่า อาการที่เกิดขึ้นในระหว่างเลิกกาแฟก็คือ ร่างกายอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง
แต่การออกกำลังกายก็เป็นวิธีช่วยฟื้นพละกำลัง สร้างความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้คุณได้
เนื่องจากการออกกำลังกายจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีผลดีต่อสุขภาพ
เมื่อสารนี้ถูกหลั่งออกมา เราจึงรู้สึกสดชื่นแจ่มใสและมีเรี่ยวแรงมากขึ้น อย่างไรก็ดี แนะนำการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะดีที่สุด
เพราะการออกกำลังกายโดยการยืดกล้ามเนื้ออย่างการวิดพื้น ยกน้ำหนักหรือการเล่นเวทเทรนนิ่ง
อาจทำให้เกิดแรงดันที่อวัยวะบริเวณช่องท้องมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลทำให้มีอาการกรดไหลย้อนขึ้นได้นั่นเอง
8.หากิจกรรมทำผ่อนคลายสมอง
อาการติดกาแฟที่ว่าทรมานแล้ว อาการในระหว่างเลิกดื่มก็นำมาซึ่งความทรมานไม่น้อยเช่นกัน
เพราะหลายคนที่เลิกดื่มมักจะมีอาการสมองตื้อ หรือไม่มีสมาธิ นำมาซึ่งภาวะความเครียดได้ในที่สุด
เพราะฉะนั้น วิธีแก้ที่ดีแนะนำให้มองหากิจกรรมที่ทำแล้วผ่อนคลาย รู้สึกสบาย คลายเครียดได้ก็จะช่วยผ่อนคลายสมอง
เช่น การออกกำลังกาย ฝึกโยคะ นวดหรือนั่งสมาธิ กิจกรรมเหล่านี้มีส่วนช่วยสร้างความผ่อนคลายให้สมองและร่างกาย
ได้ดีราวกับการดื่มกาแฟเช่นกัน และยังช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น ทำให้คุณหันมาโฟกัสกับงานตรงหน้าได้อย่างหมดห่วงอีกด้วย
9.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
แม้การดื่มกาแฟจะช่วยแก้อาการอ่อนเพลียและง่วงนอนได้ แต่เราต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่า การนอนพักผ่อนให้เพียงพอในตอนกลางคืน
ย่อมช่วยแก้ปัญหาอาการง่วงนอนในตอนกลางวันจนต้องพึ่งพากาแฟได้อย่างเห็นผลกว่าแน่นอน
เพราะการที่เราดื่มกาแฟมันจะช่วยแค่กระตุ้นสมองและร่างกายแต่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อฤทธิ์คาเฟอีนหมด แต่อาการง่วงยังคงอยู่ เราก็ต้องดื่มกาแฟตามไปอีก และหากคุณยังคงมีพฤติกรรมการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
หรือนอนดึกอยู่เป็นประจำเช่นเดิม อย่างไรเสียก็ต้องยังคงหันมาดื่มกาแฟแก้ง่วงเหมือนเดิมอยู่ดี
เพราะฉะนั้น วิธีเลิกดื่มกาแฟอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยได้ผลก็คือ หันมานอนหลับอย่างเพียงพอวันละ 8 ชั่วโมงจะดีที่สุด
พร้อมกันนี้ ควรพยายามหลีกเลี่ยงการงีบหลับในตอนกลางวัน เพราะอาจมีผลทำให้มีอาการอ่อนเพลียหนักกว่าเดิมได้ค่ะ
ถ้าไม่ดื่มกาแฟ ควรดื่มอะไรแทนดี?
กลิ่นหอมๆ ของกาแฟ ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่า เป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกให้คนรักกาแฟยิ่งหลุ่มหลง
และอยากลิ้มลองในรสชาติของกาแฟได้อย่างไม่รู้เบื่อ ทำให้เคยชินและมีพฤติกรรมติดกาแฟหนักยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้น หากใครกำลังมองหาวิธีเลิกกาแฟอย่างได้ผล นอกจากวิธีอื่นๆ ที่เราได้บอกไปแล้ว
การมองหาเครื่องดื่มอื่นๆ มาดื่มแทนกาแฟก็ช่วยได้เช่นกัน สำหรับ เครื่องดื่มที่อยากแนะนำให้ดื่มแทนกาแฟก็คือ
การดื่มกาแฟชนิดไร้คาเฟอีน (Decaffeinated coffee) นั่นเอง โดยกาแฟชนิดนี้ มีกลิ่นที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับกาแฟปกติ
หากแต่จะไม่มีคาเฟอีน วิธีการดื่มสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเลิกกาแฟแบบไม่ทรมาน อาจจะดื่มควบคู่กับกาแฟปกติ
โดยเพิ่มลดสัดส่วนอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้คุณสามารถตัดใจเลิกกาแฟได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ หากใครต้องการเลิกแบบหักดิบไปเลยจริงๆ ไม่ดื่มกาแฟ ควรดื่มอะไรแทนดี? ถ้าเช่นนั้น แนะนำให้ดื่มชาสมุนไพร
ช็อกโกแลตหรือโกโก้ร้อน และน้ำอุ่นๆ แทนก็ได้ค่ะ เครื่องดื่มดังกล่าวจะช่วยให้คุณบอกลา อาการติดกาแฟ ได้อย่างไม่ทรมานแน่นอน
Credit : runningmagazine.ca
และนี่ก็คือ อาการคนติดกาแฟ และวิธีเลิกกาแฟ อย่างได้ผล รวมถึงคำแนะนำสำหรับคนติดกาแฟอย่างหนัก หากไม่ดื่มกาแฟ เราควรดื่มหรือกินอาหารอะไรแทนดี
สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟตัวยง อยากหันมาเลิกกาแฟเพื่อสุขภาพบ้าง อย่าลืมทำตามคำแนะนำจากเรากันนะคะ