ทำอย่างไรดี? เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) มากเกินไป

ฮอร์โมนเอสโตรเจน มากเกินไป ฮอร์โมนเพศหญิง วิธีลดฮอร์โมนเอสโตรเจน

ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือ ฮอร์โมนเพศหญิง เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพผู้หญิง เพราะนอกจากจะมีผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังดีต่อด้านความงามอีกด้วย

สาวๆ เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า? ทำไมผู้หญิงบางคนถึงได้มีสัดส่วนและหุ่นที่ดี ดูสวยมีออร่า จนใคร ๆ ก็ต้องเหลียวไปมอง แต่ในทางกลับกัน

ผู้หญิงบางคนก็ไม่ได้มีรูปร่างที่ดีเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการออกกำลังกาย หรือการดูแลตัวเองเป็นประจำก็ตาม

เหตุทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนของเพศหญิงนั่นเอง และอยากรู้หรือไม่ว่า เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) มากเกินไป จะทำอย่างไรดี?

วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก แต่ก่อนอื่นไปทำความรู้จักกันก่อนนะคะว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจน คืออะไร

ฮอร์โมนเอสโตรเจน คืออะไร?

ก่อนอื่นก็ขออธิบายกันก่อน ว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนที่สามารถพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง

แต่มักจะมีมากกว่าในเพศหญิง เพราะเป็นฮอร์โมนที่สามารถผลิตได้จากรังไข่โดยตรง

นอกจากนี้ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ยังมีความสัมพันธ์กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย เช่น สามารถทำให้ร่างกายสะสมไขมันได้

ช่วยให้ตับสามารถสร้างโปรตีนได้ และเพิ่มกระบวนการเผาผลาญของร่างกายที่ดีขึ้น แต่ในส่วนของผู้หญิงนั้นมีความพิเศษกว่า

เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเข้าไปส่งผลต่อรูปร่าง และอารมณ์ของผู้หญิงได้อีกด้วย รวมไปถึงระบบต่าง ๆ ของร่างกายดังต่อไปนี้

คุณสมบัติของฮอร์โมนเอสโตรเจน 

1.ช่วยทำให้เซลล์มีการเจริญเติบโต และทำให้ไข่ในรังไข่มีการเจริญเติบโต มีการควบคุมการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนของผู้หญิงมาปกติ – ไม่ปกติ

นอกจากนี้ ยังเข้าไปช่วยซ่อมแซมผนังและเมือกของช่องคลอด ทำให้มีการเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ และการปฏิสนธิจากอสุจิ

2.เอสโตรเจน จะเป็นตัวกำหนดว่า ผู้หญิงคนนั้นจะมีรูปร่าง นิสัยและอารมณ์ว่า ควรเป็นอย่างไร บางครั้งเรามักจะเห็นผู้หญิง

มีความอ่อนหวาน และอ่อนไหว โดยเฉพาะช่วงมีประจำเดือน นั่นคืออิทธิพลของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่หลั่งออกมามาผิดปกติในช่วงนี้

3.เอสโตรเจนยังมีส่วนเข้าไปช่วยในเรื่องของความจำ และเป็นตัวช่วยควบคุมการสร้างคอเลสเตอรอล รวมทั้งระบบเผาผลาญในร่างกาย

ซึ่งถ้ามีระดับฮอร์โมนอยู่ในช่วงปกติ ก็จะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย

4.ปิดท้ายกันที่การลดลงของเอสโตรเจน ที่เห็นได้ชัดก็คือช่วงวัยทอง ที่จะรู้สึกว่าวัยนี้จะหงุดหงิดง่าย

มีริ้วรอยเกิดขึ้นตามใบหน้าและร่างกาย รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน

คงจะเข้าใจกันแล้วว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนมีความสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย โดยเฉพาะเพศหญิง

เราจึงมักเห็นเพศที่ 3 ซื้อยาคุมมาทานเองเพราะอยากมีรูปร่างที่คล้ายผู้หญิง ซึ่งก็สามารถทำได้จริง เพราะในยาคุมก็ประกอบไปด้วยเอสโตรเจนเป็นส่วนใหญ่

เมื่อใช้ไปนาน ๆ เราก็มักจะเห็นว่าเพศที่ 3 ดูมีลักษณะที่คล้ายผู้หญิงจริง ๆ เช่น สะโพกผาย มีหน้าอก และมีใบหน้า ผิวพรรณที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้เพราะเอสโตรเจนทั้งหมด แล้วมาดูกันว่า หากมีเอสโตรเจนที่มากเกินจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง ?

สาเหตุของการมีเอสโตรเจนในร่างกายมากเกินไป

สำหรับสาเหตุของการที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะนั้น ทางการแพทย์พบว่าเกิดจากความผิดปกติของกรรมพันธุ์และร่างกายเอง

โดยปกติแล้วผู้หญิงแต่ละคนก็มักจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว

จนทำให้บางคนมีเอสโตรเจนมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลกระทบกับร่างกายดังต่อไปนี้

อาการของผู้ที่มีเอสโตรเจนมากเกินไป

ตามที่เราได้บอกไปแล้วนั้น ว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนมีประโยชน์อะไรกับร่างกายบ้าง เพราะฉะนั้นถ้ามีมากเกินไป

ก็จะทำให้ร่างกายสามารถสะสมไขมันได้ง่ายและมากขึ้น ส่งผลให้เป็นโรคอ้วนได้ นอกจากนี้ยังทำให้มีอารมณ์แปรปรวนขึ้น ๆ ลง ๆ

(ลองนึกภาพคนท้องดู) หงุดหงิดง่าย และยังทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งหลายชนิด รวมไปถึงโรคไขมันต่าง ๆ ในหลอดเลือดอีกด้วย

และถ้าหากไขมันเข้าไปอุดตันในหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง ก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน

แนวทางในการรักษา

จริงๆ แล้ว ยังไม่พบวิธีป้องกันการมีเอสโตรเจนที่มากเกินไป เพราะเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ในร่างกายของผู้หญิงแต่ละคนโดยตรง

ทำได้แค่เพียงหลีกเลี่ยงอาหารที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มเอสโตรเจน เช่น น้ำมะพร้าว ลูกพรุน แครอท ผลไม้ตระกูลเบอรี่

และธัญพืชชนิดต่าง ๆ เป็นต้น แต่เมื่อหากไปพบแพทย์ แล้วได้รับการวินิจฉัยว่ามีเอสโตรเจนสูงผิดปกติ

แพทย์มักจะให้ยาควบคุมฮอร์โมนเพื่อเข้าไปลดการหลั่งของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย รวมถึงให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเอสโตรเจนสูงด้วย

Credit : post.naver.com

จะเห็นได้ว่าเมื่อ ฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นควรควบคุมฮอร์โมน

ให้อยู่ในระดับที่ปกติ โดยหลีกเลี่ยงการกิน อาหารที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง และควรรักษาจากทางแพทย์อยู่เสมอจะดีที่สุด