เนื้องอกรังไข่ เสี่ยงมะเร็งรังไข่ โรคอันตรายในผู้หญิงที่ควรเฝ้าระวัง

เนื้องอกรังไข่ pantip

โรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของสาวๆ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไป ด้วยความซับซ้อนของการทำงาน

ทำให้มันเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้หลากหลายรูปแบบในอวัยวะเดียว

จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอก มะเร็ง

ไปจนถึงความผิดปกติอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เนื้องอกรังไข่ (Ovarian tumor) หนึ่งในโรคที่พบได้บ่อย

สามารถพบได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ซึ่งชนิดของเนื้องอกจะมีทั้งแบบถุงน้ำที่เกิดขึ้นจากการทำงานของรังไข่โดยตรง (Functional ovarian cyst),

เนื้องอกรังไข่ชนิดที่ไม่ใช่เนื้อร้าย (Benign ovarian tumor) และเนื้องอกที่เป็นมะเร็งรังไข่ (Malignant ovarian tumor)

ซึ่งโอกาสที่เนื้องอกเหล่านี้จะกลายสภาพไปเป็นเนื้อร้ายมีไม่มากนัก

ราวๆ 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่หากเกิดขึ้นแล้ว สาวๆ ก็ต้องหมั่นเฝ้าระวัง เข้ารับการตรวจจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วย

เนื้องอกรังไข่ ที่ไม่ใช่เนื้อร้าย (Benign ovarian tumor)

เนื้องอกหรือถุงน้ำที่เกิดขึ้นภายในรังไข่ชนิดนี้ จะเกิดขึ้นจากการทำงานของรังไข่

พบได้บ่อยครั้ง และเกิดขึ้นแบบชั่วคราวในแต่ละรอบเดือน เนื้องอกบางชนิดที่เกิดขึ้นก็จะมีการผลิตมูกหรือน้ำภายใน

ทำให้เสี่ยงที่เติบโตขึ้นกลายเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้หากถุงน้ำบิดตัวเป็นเกลียว

นอกจากน้ำและมูก ยังอาจพบเลือดปนอยู่ภายใน นานวันเข้าสามารถแตกตัวกลายสภาพไปเป็นช็อกโกแลตซิสต์ได้

หากเป็นถุงน้ำที่มีน้ำภายในใน จะพบได้มากในผู้หญิงอายุ 40-50 ปี พบได้ทั้งสองข้างของรังไข่

สามารถแปรสภาพกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ราว 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนถุงน้ำที่มีมูกภายใน

จะมีขนาดใหญ่กว่าชนิดแรกมาก มีโอกาสฉีกขาดหรือแตกออกมา พบได้ในช่วงอายุ 20-40 ปี

มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ราว 5 เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงบางคนยังสามารถพบทั้งก้อนเนื้อและถุงน้ำอยู่ร่วมกัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งได้น้อยมาก

เนื้องอกรังไข่ ชนิดที่เป็นเนื้อร้าย (Malignant ovarian tumor)

เนื้องอกในรังไข่ที่แปรสภาพกลายเป็นเนื้อร้าย ซึ่งเรียกกันว่ามะเร็งรังไข่

พบได้ไม่บ่อยนัก และจะไม่แสดงอาการให้เห็นในระยะแรกๆ จนกว่าโรคจะลุกลามไปมาก

หรือตรวจพบเนื้องอกโดยบังเอิญจากการวินิจฉัยโรคอื่นๆ พบได้มากในผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป

ความอันตรายของมะเร็งชนิดนี้ คือมักตรวจพบในระยะที่โรครุนแรงแล้ว (ระยะที่ 3 ขึ้นไปที่จะแสดงอาการ)

อาจพบเนื้องอกได้ทั้งข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างของรังไข่ พบเลือดออกผิดปกติภายในช่องคลอด

อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดท้องน้อย เจ็บท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ท้องอืด เบื่ออาหาร และอาจพบอาการอื่นๆ ตามมา ขึ้นอยู่กับการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง

เนื้องอกรังไข่ กับอาการที่ผู้หญิงควรสังเกต

โดยส่วนมากแล้ว เนื้องอกรังไข่ หากมีขนาดเล็กจะไม่แสดงอาการให้เห็น

แต่จะเริ่มปรากฏความผิดปกติต่อเมื่อเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเนื้องอกรังไข่

ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน มักจะมีอาการใกล้เคียงกัน ซึ่งที่พบได้บ่อยเมื่อมันมีขนาดใหญ่ขึ้น

คือสามารถคลำพบก้อนที่ท้องน้อย รู้สึกปวดท้องน้อยบ้าง บางรายอาจสังเกตเห็นว่าตัวเองมีท้องบวมขึ้นผิดปกติจากที่ไม่ใช่คนอ้วน

ประจำเดือนมีการเปลี่ยนแปลง ปัสสาวะบ่อยขึ้น ท้องผูก ถ่ายอุจจาระลำบาก

ซึ่งมักจะพบได้ในกรณีที่ก้อนเนื้องอกขยายขนาดจนใหญ่ขึ้นมาก ทำให้ไปกดทับอวัยวะข้างเคียง

ในบางรายอาจพบภาวะแทรกซ้อนแบบเฉียบพลันเรียกว่า ภาวะรังไข่บิดตัว (Twisted ovarian tumor)

ทำให้เกิดอาการปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง และมีไข้อ่อนๆ ร่วมด้วย บางรายที่ไม่มีอาการใดๆ เกิดขึ้น

อาจตรวจพบโดยบังเอิญจากแพทย์ด้วยการตรวจภายในประจำปี หรือการตรวจวินิจฉัยโรคทางสูตินรีเวชอื่นๆ

กรณีที่ก้อนเนื้อเติบโตอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง

มีภาวะท้องมาน พบได้บ่อยในรายที่เนื้องอกกลายสภาพไปเป็นมะเร็งรังไข่

สาเหตุของการเกิดเนื้องอกรังไข่

ปัจจัยเสี่ยงหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งรังไข่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถทราบอาการที่แน่ชัดได้

แต่เชื่อว่ามาจากสภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในเป็นตัวกระตุ้น ได้แก่

1.เนื้องอกรังไข่ที่มาจากถุงน้ำ ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการทำงานของรังไข่

พบได้ในผู้หญิงวัยมีประจำเดือนทุกคน ถุงน้ำอาจจะขยายตัวจนใหญ่ขึ้นหรือมีขนาดเท่าเดิมก็ได้

พบได้น้อยมากที่จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเนื้อร้าย

2.กรรมพันธุ์ภายในครอบครัว คนที่ญาติพี่น้องมีประวัติเคยป่วยเป็นมะเร็งมาก่อน

3.การเข้าสู่วัยทอง ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกรังไข่ พบในช่วงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

4.มีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย ในเด็กที่มีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 11 ปี จะมีความเสี่ยงเมื่อโตขึ้น

5.กินยาต้านฮอร์โมนเพศหญิง

6.การสูบบุหรี่

7.การกินยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน

8.เป็นโรคอ้วน ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเสียสมดุล

เนื้องอกรังไข่กับการรักษา

ในขั้นตอนของการรักษาเนื้องอกรังไข่ แพทย์จะต้องทำการวิเคราะห์ก่อนว่าเนื้องอกที่เกิดขึ้น

เป็นถุงน้ำ หรือเนื้องอก ซึ่งยังจะมีการนำเอาเนื้อเยื่อไปตรวจหาเซลล์มะเร็งด้วย หากมีขนาดไม่ใหญ่

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จะใช้วิธีเฝ้าสังเกตอาการโดยไม่ต้องทำอะไร ส่วนมากจะหายไปได้เองในที่สุด

บางรายอาจแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนรวม พร้อมกับการตรวจติดตามต่อไป

หากก้อนที่พบไม่หายไป ก็จะถือว่าเป็นเนื้องอกรังไข่จริงๆ จากนั้นจะทำการตรวจเลือดเพื่อดูค่าของสารมะเร็ง ว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งมากน้อยแค่ไหน

เนื้องอกรังไข่ ภาษาอังกฤษ
Photo Credit : livestrong.com

หากถุงน้ำไม่ได้มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง และมีขนาดเล็กอยู่ ประมาณ 5-7 เซนติเมตร ไม่เกินไปกว่านี้

จะใช้การตรวจติดตาม ซึ่งสามารถยุบหายไปได้เองประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีด้วย

แต่หากเนื้องอกมีขนาดใหญ่มากกว่านี้ จะใช้วิธีผ่าตัดรังไข่เพื่อนำเนื้องอกออกไป

แต่กระนั้นก็จะมีการพิจารณาตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นขนาดก้อนเนื้อไม่ยอมยุบตัวหลังจากการเฝ้าติดตาม

มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นจากเนื้องอก หรือเนื้องอกที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการทำงานของรังไข่

จะเห็นได้ว่าเนื้องอกรังไข่ สามารถเป็นได้ทั้งชนิดที่ไม่ร้ายแรง เมื่อเกิดขึ้นแล้วหายไปได้เองตามธรรมชาติ

แต่บางกรณีก็จะขยายตัวมากขึ้นจนต้องกำจัดออกไป เพื่อป้องกันผลข้างเคียง

รวมไปถึงการเฝ้าระวังติดตามการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจกลายสภาพเป็นมะเร็งรังไข่

ซึ่งแน่นอนว่าหากเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ สาวๆ ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เข้ารับการตรวจจากแพทย์จะดีกว่าค่ะ