หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ โรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) กันมาบ้างแล้ว ซึ่งตามความเข้าใจส่วนใหญ่แล้ว มักจะเข้าใจว่า โรคไสติ่งอักเสบนั้นจะนำอาการปวดท้องมาให้ และต้องผ่าตัดออกไป แต่จริงๆ แล้วโรคนี้ยังมีความน่ากลัวอยู่ไม่น้อย ที่ทำให้เราต้องคอยรับมือ และรู้เท่าทันอาการของโรค รวมทั้งการป้องกันอย่างถูกวิธี ซึ่งวันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับโรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) มาฝากกัน
สาเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ
สำหรับสาเหตุหลักของโรคไส้ติ่งอักเสบนั้น ทางการแพทย์เองก็ยังคงต้องวินิจฉัยกันอยู่ว่า แท้จริงแล้วไส้ติ่งอักเสบเกิดขึ้นจากสาเหตุใดเป็นหลัก แต่จากการวิเคราะห์แล้วพบว่า มีหลายปัจจัยที่นำมาสู่ความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ นั่นก็คือ
- เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อแบคทีเรียนั้นมีอยู่หลายชนิดที่มีผลต่อการเกิดโรคนี้ได้ ซึ่งเชื้อแบคทีเรียบที่เข้าสู่ร่างกายแล้วกระจายไปบริเวณไส้ติ่งล้วนมีผลต่ออาการได้ทั้งสิ้น
- การอุดตันที่ไส้ติ่ง ซึ่งก็มาจากหลายสาเหตุ เช่นการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ แล้วเกิดการตอบสนองของต่อมน้ำเหลือง ที่ส่งผลให้ขยายตัว โดยการขยายตัวของต่อมน้ำเหลืองนี้ ก็สามารถปิดกั้นไส้ติ่งจนเป็นการอุดตันได้
- เศษอาหารที่ถูกหินปูนเกาะ เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็มีโอกาสที่จะนำหินปูนเหล่านั้นไปสู่ไส้ติ่งได้ ซึ่งหินปูนเองก็อาจเป็นตัวนำเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย
อาการของผู้ป่วยโรคไส้ติ่งอักเสบ
สำหรับอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบนั้น จะไม่แสดงอาการในทันที โดยจะมีระยะของความรุนแรงปรากฏขึ้น ซึ่งสามารถสังเกตุอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบตามระยะความรุนแรงได้ดังนี้
- อาการเริ่มแรก อาจมีความรู้สึกปวดท้องแบบกะทันหันได้ โดยที่จะมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น จุก เสียด แน่นท้อง หรือเบื้ออาหาร
- ระยะที่สอง อาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ จะเริ่มมีอาการท้องเสีย ไอ บางรายอาจเป็นไข้ ซึ่งในระยะของอาการนี้ ไส้ติ่งจะเริ่มบวมแล้ว
- ระยะสุดท้ายจะมีความรุนแรงมากที่สุด หรือที่เรียกกันว่าไส้ติ่งแตก อาการของภาวะไส้ติ่งแตกคือปวดท้องรุนแรง ซึ่งหากปล่อยไว้จนถึงขั้นนี้ อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
วิธีการรักษาและป้องกันโรคไส้ติ่งอักเสบ
การรักษานั้น หากยังอยู่ในระยะแรก ทางแพทย์จะเลือกวิธีของการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา ซึ่งหากรักษาด้วยยาแล้ว ถ้ายังไม่ดีขึ้นแพทย์จะเลือกใช้วิธีในการผ่าตัดต่อไป โดยการผ่าตัดไส้ติ่งนั้น สามารถเลือกวิธีการผ่าตัดได้ทั้ง การผ่าตัดแบบบเปิด และการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
สำหรับวิธีการในการป้องกันที่เหมาะสมที่สุดคือ การรับประทานอาหารที่สะอาด และมีประโยชน์ รวมทั้งการหมั่นทำความสะอาดภาชนะใส่อาหาร ล้างมืออยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ปราศจากเชื้อแบคทีเรียให้มากที่สุดนั่นเอง แต่หากพบว่ามีอาการที่ส่งสัญญาณว่าอาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วดีที่สุด