มะเร็งผิวหนัง เป็นอาการของโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ภายในร่างกายไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้มะเร็งผิวหนังจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างด้านนอกผิว
กล่าวคือเราสามารถมองเห็นการลุกลาม หรือความผิดปกติของโรคนี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นการสังเกต หากสาวๆ พบลักษณะของไฝ ขี้แมงวัน หรือรอยดำแดงที่นูนขึ้นมา
แล้วมีการเปลี่ยนแปลง ขยายขนาดจากเดิมที่เป็น มีขนขึ้น มีการอักเสบ เป็นแผลตกสะเก็ด ไม่ควรปล่อยปละละเลย แต่ให้รีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุให้เร็วที่สุดค่ะ
อ่านเพิ่มเติม: มะเร็งผิวหนังอาการที่ควรรู้! อันตรายผิดปกติใกล้ตัวที่มักถูกละเลย
มะเร็งผิวหนัง เกิดจากอะไร ?
ปัจจัยที่พบทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังมีทั้งปัจจัยภายนอก คือแสงแดด ความร้อน สารเคมี แผลน้ำร้อนลวกบนผิวหนังที่เคยเกิดขึ้น เมื่อเป็นแผลเป็นแล้ว เซลล์ที่เสียหายสามารถแปรสภาพไปเป็นเซลล์มะเร็งได้
ส่วนปัจจัยภายใน คือพันธุกรรม คนที่เคยมีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องป่วยเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้มาก่อน จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
โดยอันตรายของโรคมะเร็ง จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ มะเร็งผิวหนังชนิดสะความัส, ชนิดเบซาลเซลล์ และเมลาโนมา
ซึ่งอย่างสุดท้ายคือประเภทที่มีความรุนแรงมากที่สุด กระจายตัวได้เร็ว และลุกลามจนเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือดในที่สุด
มะเร็งผิวหนังระยะแรก
มะเร็งผิวหนังระยะแรก หรือ ระยะเริ่มต้น เรียกว่า “Actinic keratosis“ ตามธรรมชาติแล้ว มะเร็งชนิดนี้จะขยายตัว
มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์โดยใช้เวลาลุกลามค่อนข้างช้า ราว 5-6 ปี แต่หากไม่รีบทำการรักษา
ก็จะทำให้โรคลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ข้างเคียง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มะเร็งผิวหนังมีความอันตราย เนื่องจากจะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา
มะเร็งผิวหนังในช่วงเริ่มต้นจะรู้จักกันในชื่อว่า “ผื่นแอคตินิค เคราโตซิส” ตัวของเซลล์มะเร็งจะยังไม่มีการลุกลามใดๆ เกิดขึ้น
แล้วมีความอันตรายไหมนั้น ถ้าหากตรวจพบแล้วรีบรักษา จะทำได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อยที่สุด
บริเวณที่พบมะเร็งผิวหนังระยะแรก
เราจะพบรอยของโรคมะเร็งผิวหนัง ที่บริเวณชั้นนอกสุดของผิวหนัง ซึ่งมักเป็นส่วนที่กระทบกับแสงแดดมาก
เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ผู้ป่วยในวัย 20 ปีขึ้นไป และยิ่งพบมากขึ้นในผู้สูงอายุวัย 50-60 ปี ในบริเวณหู คอ หน้าผาก ใบหน้า หนังศีรษะ
หลังแขน และหลังมือ คนที่มีผิวขาวจะมีความเสี่ยงมากกว่าคนผิวคล้ำหรือผิวดำ นอกจากนี้ยังพบอีกด้วยว่า
คนที่มีตาสีเขียว ผมสีแดง หรือผมสีทอง และผู้ที่เคยเกิดอาการผิวไหม้แดดบ่อยๆ มักจะมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
อาการของโรคมะเร็งผิวหนังระยะแรก
มะเร็งผิวหนังระยะแรก สังเกตได้ว่าจะมีอาการเป็นผื่นขึ้นในหลายๆ ตำแหน่ง ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะของผื่นนูนหรือผื่นในแบบแบนราบ มีขนาดเล็กประมาณ 2 เซนติเมตร
สีกลืนไปกับสีผิวปกติของเรา แต่บางรายจะสังเกตเห็นเป็นสีแดง หากรุนแรงขึ้นมาอีกระดับ จะมีการอักเสบ เปลี่ยนเป็นสีเทา เริ่มขยายตัว เป็นขุยและตกสะเก็ดได้ หากพบอาการเหล่านี้
ควรเข้ารับการตรวจชิ้นเนื้อจากแพทย์ โดยจะมีการวินิจฉัย ตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจเพื่อหาความผิดปกติดังกล่าวว่าเกิดจากโรคมะเร็งหรือโรคอื่นๆ กันแน่
การรักษาโรคมะเร็งผิวหนังระยะแรก
หากสาวๆ ตรวจพบอาการผิดปกติดังที่กล่าวไปข้างต้น ก่อนจะทราบผลว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ ก็ควรป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน
ด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดดที่มีความร้อนและความเข้มข้นของรังสียูวีสูงใช่ช่วง 10.00 น. ไปจนถึง 15.00 น. หากจำเป็นต้องออกแดด ควรทาครีมกันแดด
สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังได้มิดชิด สวมหมวกและแว่นกันแดดในระหว่างออกกลางแจ้งด้วย และครีมกันแดดที่ควรเลือกซื้อ
ควรให้ครอบคลุมทั้งการป้องกัน UVA และ UVB และควรทาทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้การปกป้องมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม : ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี SPF เท่าไหร่ดี
ในส่วนของการรักษาจะมีการใช้ไนโตรเจนเหลวจี้เอาเนื้องอกที่ปรากฏขึ้นมาออกไป
เราเรียกวิธีดังกล่าวว่า Cryosurgery ไปจนถึงการผ่าตัด บางรายอาการยังไม่รุนแรงมากนัก แพทย์จะใช้ยาเป็นตัวช่วยก่อน(Photodynamic therapy) หรืออาจจะใช้ร่วมกับการจี้เนื้องอก
วิธีนี้มักจะใช้กับผู้ป่วยที่พบมะเร็งผิวหนังในหลายบริเวณ หากรีบมาทำการรักษาจะช่วยลดการลุกลาม และทำให้มะเร็งในระยะแรกถูกกำจัดออกไป พบอาการที่ดีขึ้นตามลำดับอย่างเห็นได้ชัดค่ะ
Photo Credit : connectedforcancer.com
อย่างไรก็ตามมะเร็งผิวหนังระยะแรก เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 4 ระยะมาตรฐานเช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่นๆ
แต่จะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป ทางที่ดีหากพบอาการผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ หรือมีรอยนูนเกิดขึ้นที่ผิว ให้พยายามสังเกตการเปลี่ยนแปลง
หากมีการขยายหรืออาการอื่นใดเกิดขึ้น จะได้รีบรักษาได้อย่างทันการณ์ ลดความเสี่ยงสู่การเป็นมะเร็งผิวหนังระยะสุดท้ายได้ค่ะ