เป็นรังแคเยอะมาก ทำไงดี? ลองวิธีขจัดรังแคและปัญหาเชื้อราบนหนังศีรษะที่ได้ผลกัน!

วิธีขจัดรังแค เชื้อราบนหนังศีรษะ

ปัญหารังแค ตัวการที่ทำให้สาวๆ ต้องหมดความมั่นใจกันมาแล้วนักต่อนัก จนแทบจะไม่กล้าสวมใส่เสื้อผ้าสีเข้ม

หรือบางคนมีรังแคหลุดร่วงออกมาติดอยู่ตามเส้นผมและเห็นเป็นฝุ่นผงอยู่ตามหนังศีรษะด้วยแล้ว

ยิ่งทำให้ความมั่นใจลดลงฮวบฮาบ ไม่รู้จะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง ลองเปลี่ยนแชมพูก็แล้ว ทว่าก็ยังไม่ทำให้รังแคหายไป

ซึ่งการหลุดลอกของหนังศีรษะชั้นนอกสุดนั่นเองที่ทำให้เกิดเป็นรังแคมารังควาญใจ

ใครอยากหาทางออกขจัดรังแค ที่มาจากหลายสาเหตุ รวมไปถึงเชื้อราบนหนังศีรษะด้วย

มาดูทางออกที่จะช่วยให้หนังศีรษะกลับมามีสุขภาพดี กลายเป็นสาวมั่นกันอีกครั้งดังนี้ค่ะ

ปัญหารังแคคืออะไร ?

อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น รังแคเกิดขึ้นจากการหลุดลอกของหนังศีรษะชั้นนอกสุดในปริมาณที่มากเกินไป

ทำให้มันกลายเป็นสะเก็ดปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แม้ตามปกติการหลุดลอกเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ

แต่ด้วยจำนวนที่มันเหมือนกับเป็นชั้นขี้ไคล หากหลุดออกมาแค่พองามในช่วงอาบน้ำสระผม ก็ไม่มีปัญหาอะไร หนังศีรษะก็ดูสะอาดเรียบร้อยเป็นปกติ

ปริมาณการหลุดร่วงที่น้อย จึงทำให้มองไม่เห็น แต่ด้วยเหตุที่มีการหลุดร่วงออกมามาก

จนเหมือนกับหนังศีรษะลอกเป็นแผ่นๆ หรือเป็นขุย เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่ารังแค” (Dandruff)

รังแคเกิดจากอะไร ?

รังแคเกิดขึ้นได้จากการหลุดลอกออกมาของเซลล์ผิวชั้นบนสุดของหนังศีรษะ

เหมือนกับขี้ไคลตามผิวหนังของเรา ตามปกติผิวหนังจะมีการแบ่งวงจรเซลล์ผิวหนังจากชั้นล่างค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาสู่ชั้นบนสุด

แล้วถูกผลัดออกไป มีเซลล์ผิวหนังชั้นใหม่มาแทนที่ วงจรเหล่านี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา มีวงจรประมาณ 28 วัน

แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรครังแค กระบวนการต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นเร็วมากกว่าคนทั่วไป

ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังหลุดลอกในปริมาณมาก อีกทั้งยังทำให้รู้สึกรำคาญ เพราะมักจะตามมาด้วยอาการคัน

เมื่อเกาแล้วจะมีสะเก็ดหลุดออกมา กลายเป็นอาการแสบแดงเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามบางรายยังพบรังแค่ร่วมกับเชื้อราบนหนังศีรษะ ที่ส่งผลให้กลายเป็นโรคผิวหนังอักเสบ

เช่น Seborrheic Dermatitis และโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) ที่พบได้บ่อย

นอกจากนี้อาจจะพบหนังศีรษะเป็นผื่นแดง หนังศีรษะลอก ลุกลามไปจนถึงบริเวณข้างจมูก, หลังหู และคิ้วได้อีกด้วย

ส่วนสาเหตุในการเกิดนั้นพบได้จากหลายปัจจัย หากพบว่าเกิดขึ้นจากการติดเชื้อและอักเสบ

โรคจะลุกลามจนรุนแรงมากขึ้นได้ ดังนั้นหากพบอาการผิดปกติที่มากกว่าแค่รังแค

ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้โรคดังกล่าวลุกลามมากขึ้น

วิธีขจัดรังแคที่ถูกต้อง

การแก้ไขปัญหารังแค ซึ่งโดยมากพบได้จากการที่มีภาวะหนังศีรษะแห้ง จนทำให้เกิดอาการคัน

จะต้องทำการรักษาให้ถูกต้อง ซึ่งในกรณีที่ไปพบแพทย์ผิวหนัง จะมีการรักษาดังนี้ ได้แก่

1.การเปลี่ยนยาสระผมใหม่ ซึ่งจะเป็นคำแนะนำหลักๆ ของแพทย์ เนื่องจากรังแค่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากหนังศีรษะแห้ง

แต่ไม่ได้หมายความว่าเกิดขึ้นจากการสระผมบ่อยๆ สาเหตุของการเกิดที่แท้จริงนั้นมาจากความมันบนหนังศีรษะ

การสระผมให้บ่อยขึ้น จึงเป็นอีกทางออกเพื่อลดความมันบนหนังศีรษะได้

หากอาการไม่รุนแรง ก็ค่อยเปลี่ยนมาสระผมตามปกติ อาทิตย์ละ 2-3 วันต่อสัปดาห์

2.การใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของตัวยากำจัดรังแคโดยเฉพาะ

ซึ่งจะเป็นยาที่เข้าไปลดจำนวนเชื้อราบนหนังศีรษะ เช่น  ซิงค์ไพรีไทออน,  คีโตโคนาโซล และซัลไฟด์ เป็นต้น

3.กรณีที่รังแคเป็นสะเก็ดขนาดใหญ่และหนา การใช้ยาสระผมอาจไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้

วิธีคือให้เปลี่ยนมาใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของ “น้ำมันดิน” (Tar) ที่จะเข้าทำหน้าที่ลดปริมาณสะเก็ดให้น้อยลง

ส่วนข้อเสียคือมีกลิ่นแรง สาวๆ ที่มีผมแห้งมักจะยิ่งทำให้ผมแห้งกระด้างมากขึ้น

จึงจำเป็นต้องใช้ครีมนวดหรือเซรั่มบำรุงผมหลังการสระให้มากขึ้นกว่าเดิม

4.คนที่มีปัญหาหนังศีรษะอักเสบจากการติดเชื้อราร่วมด้วย ต้องทำการรักษาโดยใช้ยาในกลุ่มคอติโคสเตอรอยด์ชนิดน้ำมาทา

หรือครีมน้ำนมทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยลดอาการแสบและรอยแดง หลักการใช้ยาให้ใช้ภายหลังสระผม

ใช้หวีแสกตรงกลาง แล้วหยอดยาไปตามแนวร่องศีรษะที่มีอาการอักเสบแดง

ใช้นิ้วมือเกลี่ยนวดเบาๆ ทำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการอักเสบดังกล่าวให้น้อยลง

วิธีขจัดรังแค

Photo Credit : steptohealth.com

รังแคมักจะเกิดขึ้นแบบเป็นๆ หายๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญของวิธีขจัดรังแค คือการดูแลสภาพหนังศีรษะของตัวเองให้ถูกต้อง

การดูแลที่ดีคือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พบแพทย์หากเกิดอาการรุนแรงจนต้องทำการรักษา

ส่วนในการป้องกันยังไม่มีวิธีการที่แน่ชัด สาวๆ อาจจะใช้วิธีสังเกตการใช้แชมพู

หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่างๆ ที่สัมผัสกับหนังศีรษะมากที่สุด ด้วยการใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน

และลดการทำให้หนังศีรษะเกิดความมัน หยุดแกะหรือเกาศีรษะแรงๆ ก็จะช่วยทำให้อาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติได้เลยล่ะค่ะ