ตอนนี้เชื่อว่าสาวๆ ต้องเคยคุ้นหูกับสีทาเล็บแบบ “เจล” กันมาบ้างแล้ว
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการทาเล็บที่ให้ความเงางาม โดดเด่น มีให้เลือกหลากหลาย แถมเล็บเจลเมื่อทาแล้วยังติดทนนานเป็นเดือน
จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทาเล็บบ่อยๆ ให้เสียเวลา แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำเล็บแบบนี้ให้บ่อยๆ
หรือสาวๆ ที่ไม่เคยรู้จักเล็บเจลมาก่อน ควรมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของสีเจลเหล่านี้
พร้อมอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งทาบ่อย ทานาน ยิ่งเสี่ยงทำให้หน้าเล็บบาง และเกิดอาการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่ออีกด้วยค่ะ
สีทาเล็บเจล คืออะไร ?
เล็บเจล หรือสีทาเล็บเจล หรือสีเจลทาเล็บ (Gel polish) คือสีทาเล็บอีกรูปแบบหนึ่งที่ออกแบบมาให้มีลักษณะเป็นเจล
สีที่ทาบนเล็บจะเหมือนกับสีทาเล็บทั่วไป แต่แตกต่างกันตรงที่ความติดแน่นทนนาน และความแวววาวเป็นพิเศษ
อีกทั้งใช้ระยะเวลาในการแห้งเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น ก็สามารถใช้งานนิ้วได้ตามปกติ ไม่ต้องกังวลว่าสีจะหลุดลอก
แม้จะเป็นแม่บ้านซักผ้า แม่ค้าขายกับข้าว หรือคนที่ล้างจานบ่อยๆ เคลมกันเลยว่า ยังไงสีเล็บก็จะติดทนนาน เคลือบสวยไม่มีหลุดล่อนออกจากกันเป็นแรมเดือนกันเลยทีเดียวค่ะ
ลักษณะของสีทาเล็บเจลมีส่วนผสมหลักคืออะไรบ้าง ?
ด้วยความติดแน่นทนนานของสีทาเล็บเจล ตัวยาทาเล็บถูกผลิตขึ้นด้วยการผสมระหว่างสีทาเล็บและเจล
เมื่อทาแล้วเล็บจะมีความหนาวขึ้น มีความเรียบเนียนและแวววาว หากนึกไม่ออกว่าเจลชนิดที่นำมาใช้เคลือบนั้นเป็นเจลอะไร
ให้สาวๆ เข้าใจเอาไว้ ณ ที่นี้เลยว่า เป็นเจลชนิดเดียวกับที่ใช้ต่อกับแผ่นต่อเล็บ
แต่เป็นเจลสำหรับต่อเล็บแบบอ่อน (Soak off Gel) ซึ่งจัดได้ว่าเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการทาเล็บ
ผสมระหว่างสีทาเล็บธรรมดากับตัวเจลเนื้ออ่อนสำหรับการเคลือบเล็บให้เงางาม การทาเล็บเจลจะใช้ระยะเวลาแห้งอย่างรวดเร็ว
เพราะมีการใช้ “เครื่องอบเล็บเจล” แสงที่ใช้ในการอบจะเป็นแสง UV เป็นตัวอบทำให้สีแห้ง
หลังจากแห้งแล้ว ก็จะสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติในทันที โดยทั่วไป ตามส่วนผสมของสีทาเล็บที่ได้
ทำให้สาวๆ มีเล็บที่สีสวยติดทนนานไม่ลอกร่อนหรือแม้กระทั่งเกิดรอยถลอกได้ยาวนานมากกว่า 2 อาทิตย์ หรืออาจจะนานเป็นเดือนได้เลยทีเดียว
ข้อดีจากการใช้สีเจลทาเล็บ
1.สีทาเล็บเจล จะมีอายุติดทนนานนับตั้งแต่วันที่ทำเสร็จแล้วได้มากกว่า 15-20 วัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย
แต่ส่วนใหญ่ หากเป็นร้านที่มีคุณภาพ ใช้สีเกรดดี มีการเคลือบเจลชนิดทนทาน ก็จะช่วยให้เล็บของสาวๆ ติดนานมากกว่า 20 วัน ไม่มีการหลุดลอกออกมาให้เห็นเลยทีเดียว
2.ยาทาเล็บเจลใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ในการทำ เพราะในขั้นตอน จะแห้งอย่างรวดเร็วภายหลังนำเข้าเครื่องอบเล็บเจล ดังนั้นไม่ต้องมานั่งรอเล็บแห้งเหมือนกับยาทาเล็บธรรมดา
3.สีของยาทาเล็บเจลมีความแวววาวมากกว่าสีทาเล็บธรรมดาเป็นอย่างมาก ทำให้สีเล็บออกมาดูโดดเด่นสวยงามเป็นพิเศษ
4.ไม่ต้องเสียเวลาในการทาเล็บ เพราะทาครั้งเดียวก็มีอายุการใช้งานนาน คุ้มค่ากับการทาเพียงครั้งเดียวแล้ว
5.สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวก โดยไม่ต้องมานั่งรอว่าเล็บจะหลุดลอก แม้จะทำงานหนัก เช่น ซักผ้า, ล้างจาน, การใช้มือแกะและแงะของต่างๆ เป็นต้น
อันตรายจากการทาเล็บเจล (gel polish damage)
1.อันตรายที่พบจากการทาเล็บเจล ตามปกติที่จะต้องมีเครื่องอบเล็บเจลที่่ช่วยให้สีแห้งอย่างรวดเร็ว
ตัวเครื่องจะมีแสงไฟเป็นสีม่วง ซึ่งก็คือแสง UV หากสัมผัสโดนผิวหนังบ่อยๆ จะทำให้เสี่ยงอันตรายต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังตามมาได้
2.การทาเล็บเจลจะเป็นตัวการทำให้เล็บเกิดความอ่อนแอ เนื่องจากเล็บขาดออกซิเจน ไม่สัมผัสกับอากาศ และทำให้หน้าเล็บเปราะบาง
เพราะในขั้นตอนการเอาเล็บเจลออก จะต้องให้ร้านเป็นคนเอาออกให้ ไม่สามารถแกะออกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีขั้นตอนการขูดหน้าเล็บ ให้เจลหลุดออกมาจนหมดด้วย
3.อะซิโตน (Acetone) เป็นน้ำยาผสมหลักที่เอาไว้ใช้ในขั้นตอนการล้างเล็บเจลมีความเสี่ยงทำให้ผิวหนังรอบๆ เกิดอาการระคายเคือง จนเกิดเป็นการอักเสบตามมาได้
4.การทำเล็บเจลจนติดเป็นนิสัย ทำให้เล็บอ่อนแอลงอย่างมาก ยิ่งคนที่ทำและล้างเล็บเจล โดยไม่มีช่วงเวลาพักเล็บเลย ก็จะทำให้เล็บเกิดปัญหาติดเชื้อได้ง่าย เช่น เชื้อราที่เล็บ
วิธีป้องกันและฟื้นฟูเล็บธรรมชาติหลังการทำเล็บเจล
ในการป้องกันสำหรับสาวๆ ที่ชอบการทาเล็บเจลเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้สวมถุงมือกันรังสี UV ก่อนทำ
อาจจะเป็นถุงมือธรรมดาที่นิยมสวมใส่ขณะขับรถก็ได้ และทาครีมกันแดดตามผิวหนังให้ทั่วมือ
เหลือแค่ส่วนปลายนิ้วมือที่ต้องการทาเล็บเจลเอาไว้ จะช่วยลดไม่ให้ผิวหนังสัมผัสกับแสง UV มากเกินไป
หลังจากทำเล็บเจล และมีการล้างออกไปแล้ว ในช่วงนี้ให้สาวๆ ทราบเอาไว้เลยว่า หน้าเล็บจะมีความบางเพราะเกิดจากการขูด
ควรพักเล็บจากการทาเล็บเจ็ลอย่างน้อย 3 เดือน ในระหว่างนี้สามารถเลือกใช้การทาเล็บแบบธรรมดาทดแทนไปก่อนได้ หมั่นตรวจสีของเล็บอยู่เสมอ
(อ่านเพิ่มเติม : อาหารบำรุงเล็บให้สวยสดใสและมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ )
Photo Credit : crystalsspa.com
หากเล็บยังดูบาง เป็นสีเหลือง แลดูสุขภาพไม่ดี ก็อย่าเพิ่งทาเล็บเจลครั้งใหม่ แต่รอให้สีเล็บปกติก่อนจึงเริ่มทำ
ในระหว่างรอ ก็หมั่นดูแลรักษาด้วยการทาครีมบำรุงเล็บ ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เล็บแห้ง เพิ่มความแข็งแรง และทำให้เล็บชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย