กลูต้าไธโอน สุดยอดความลับแห่งผิวขาวใส เนรมิตความงามได้อย่างอัศจรรย์!

glutathione กลูต้าไธโอน ยี่ห้อไหนดี?

กลูต้าไธโอน (Glutathione) คืออะไร มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และผิวพรรณของเราอย่างไรบ้าง?

เชื่อว่านี่คือสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะสาวๆ ในยุคปัจจุบันที่หันมานิยมรับประทาน หรือฉีดกลูต้าไธโอนเพื่อผิวขาวใสกันเป็นอย่างมาก

และหากใครที่กำลังสนใจรับประทานกลูต้าไธโอน ไม่ว่าจะแบบผงชงดื่ม หรือแบบเม็ดก็ตาม ก่อนอื่น เราจะต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่า กลูต้าไธโอนคืออะไร

และเจ้า กลูต้า มีบทบาทต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง มาติดตามได้เลยดังนี้ค่ะ

กลูต้าไธโอนคืออะไร มีบทบาทสำคัญอย่างไร ต่อสุขภาพร่างกาย

กลูต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสำคัญหลายด้าน โดยจัดอยู่ในรูปแบบโปรตีนชนิดหนึ่ง

โดยปกติแล้ว สารนี้ร่างกายคนเราสามารถสังเคราะห์สร้างได้ด้วยตนเอง เพื่อทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อของส่วนต่างๆ ไม่ให้ได้รับการทำลายจากอนุมูลอิสระ

นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติช่วยขับล้างสารพิษออกจากร่างกายได้หลายชนิด สำหรับในด้านทางการแพทย์ กลูต้าไธโอน ก็ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆ ให้แก่ผู้ป่วยอย่างได้ผล

เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ โรคพาร์กินสัน รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น

โดยใช้วิธีรักษาผ่านการฉีดสารกลูต้าไธโอน เข้าไปยังหลอดเลือดดำหรือทางกล้ามเนื้อนั่นเอง

กลูต้าไธโอน (Glutathione) เปลี่ยนผิวให้ขาวใสได้อย่างไร ?

สำหรับที่มาของความขาวใสจากผลที่ร่างกาย ได้รับสารกลูต้าไธโอนนั้น สืบเนื่องมาจาก การนำสารชนิดนี้มาใช้ในทางวงการแพทย์

โดยการฉีดเข้าที่หลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งผลข้างเคียงที่ผู้ป่วยได้รับก็คือ การมีผิวพรรณที่ขาวขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้เนื่องจาก สารกลูต้าไธโอน สามารถเข้าไปช่วยยับยั้ง เอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) จนส่งผลให้เม็ดสีของผิวเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำหรือสีเข้มๆ

กลายมาเป็นเม็ดสีชมพูขาว และทำให้ผิวพรรณขาวใสแลดูสวยงามผุดผ่องในที่สุด ด้วยเหตุนี้เองค่ะ จึงทำให้วงการความสวยความงามหลายแห่ง

ได้นำเอาสารกลูต้าไธโอนมาประยุกต์ใช้เป็นหนึ่ง ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เพื่อเปลี่ยนสีผิวและผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผิวต่างๆ

กลูต้าไธโอน สารอาหารหลักที่มาพร้อมคุณสมบัติอันน่าทึ่ง!

สารกลูต้าไธโอนนั้น มีคุณสมบัติเป็น tripeptides ของกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ ซิสทีน (cysteine) กรดกลูตามิค (glutamic acid) และไกลซีน (glycine) สารเหล่านี้ เป็นสารที่ร่างกายสร้างเองได้ตามธรรมชาติ

นอกจากรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกลูต้าไธโอนแล้ว ผู้ที่สนใจอยากรับสารกลูต้าไธโอนในแบบธรรมชาติ ก็สามารถหารับประทานได้จากอาหารรอบตัวเช่นกัน

เช่น ไข่ นม มะเขือเทศ ผักโขม บร็อกโคลี่ แตงโม ส้มเกรฟฟรุต สตรอว์เบอร์รี่และอะโวคาโด เป็นต้น

คุณสมบัติโดดเด่นของกลูต้าไธโอน 3 ประการ

1.Detoxification

กลูต้าไธโอน มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ ภายในร่างกายได้ โดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่มีส่วนช่วยกำจัดสารพิษออกไปจากร่างกาย

โดยมันจะเข้าไปเปลี่ยนสารพิษชนิด ที่ไม่สามารถละลายได้ในน้ำ (แต่ละลายได้ในน้ำมัน) อย่างเช่น โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง สารระเหย

หรือแม้แต่ยาบางชนิด ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นสารที่สามารถละลายกับน้ำได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ง่ายดายต่อการกำจัดออกจากร่างกายในเวลาต่อมา

นอกจากนี้แล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยในการป้องกันตับ ซึ่งเกิดจากการทำลายของแอลกอฮอล์ สารพิษจากบุหรี่ และยาพาราเซตามอลที่รับประทานเข้าไปมากเกินขนาด เป็นต้น

2.Antioxidant

กลูต้าไธโอน มีคุณสมบัติเป็นดั่งสารที่จะช่วยต่อต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) หรืออนุมูลอิสระ ที่นับว่ามีความสำคัญอีกชนิดหนึ่ง

ดังนั้น หากร่างกายขาดซึ่งวิตามินซีและอีไป ก็อาจส่งผลให้ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ

3.Immune Enhancer

กลูต้าไธโอน ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยกระตุ้นการทำงานของเหล่าเอ็นไซม์หลายชนิด ให้สามารถต่อต้านสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส

นอกจากนี้ สารกลูต้าไธโอนยังมีส่วนช่วยในการสร้างและช่วยซ่อมแซม DNA เพื่อเสริมสร้างโปรตีนและ prostaglandin

ข้อควรรู้! รับประทานกลูต้าไธโอนแบบเม็ดอย่างไร ให้ได้ผลและปลอดภัยต่อสุขภาพ

ไม่ว่าจะเลือกทานกลูต้าไธโอนแบบเม็ด หรือแบบผงสำหรับชงดื่ม เราควรศึกษารายละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผิว และปลอดภัยต่อร่างกายอย่างแท้จริง

สำหรับสาวๆ หลายคนก็มักจะซื้อกลูต้าไธโอนแบบเม็ด มารับประทานคราวละหลายๆ เม็ด และการรับประทานหลายเม็ดก็จะยิ่งทำให้ร่างกาย ได้รับค่ามิลลิกรัมสูงขึ้นตามไปด้วย

ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ตามมาในภายหลังได้ เพราะฉะนั้น ก่อนทานจึงควรทำความเข้าใจก่อนว่า ควรทานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ตามมา

พิจารณาปริมาณการรับประทานโดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวเป็นหลัก

หากคุณเป็นสาวรูปร่างใหญ่ และมีเม็ดสีผิวปริมาณเยอะกว่าสาวๆ ที่มีรูปร่างเล็ก ก็ต้องทานมากกว่าคนที่มีรูปร่างเล็ก พูดง่ายๆ คือ หากน้ำหนักตัวมาก ก็ควรรับประทานมากกว่า คนที่น้ำหนักตัวน้อยนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น หากมีน้ำหนักตัว 50 kg. ก็ควรรับประทานกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาววันละ 1,000 – 2,000 mg. แต่การรับประทานแบบนี้ อาจจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงตามมาด้วย

ดังนั้นอาจจะเลือก วิธีที่ประหยัดลงมาคือ รับประทานกลูต้าไธโอนวันละ 10 mg./kg. พร้อมกับทานสาร antioxidant ชนิดอื่นๆ อย่างวิตามิน C หรือ E ควบคู่กันด้วย

ยิ่งถ้าหากทานร่วมกับวิตามินซีด้วยแล้ว ก็จะต้องรับประทานเป็น 2 เท่าของปริมาณกลูต้าไธโอน จึงจะได้ประสิทธิภาพในด้านความขาวแท้จริง

ช่วงเวลาใดเหมาะสม ที่จะรับประทานกลูต้าไธโอนมากที่สุด

สำหรับช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมสารกลูต้าไธโอนได้ดีที่สุด ก็คือ ตอนท้องว่างค่ะ ดังนั้น สาวๆ ที่อยากมีผิวขาวจึงควรรับประทานในช่วงเวลานี้

ไม่ว่าจะเป็นช่วงตื่นนอนใหม่ๆ หรือก่อนเข้านอน และในระหว่างวันที่ท้องว่างจากการรับประทานอาหารไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไป

อยากขาวใสแบบมั่นใจ ทานกลูต้าไธโอนยี่ห้อไหนดี?

อย่างที่อธิบายในตอนต้น จะเห็นได้ว่า กลูต้าไธโอน อยู่ในรูปแบบกรดอะมิโน ซึ่งมักจะถูกย่อยโดยกระเพราะของเรา ดังนั้นถ้าเราทานเข้าไปการถูกนำไปใช้ จะได้น้อยมาก จึงจะไม่ค่อยเห็นผลเท่าไร แต่ตัวที่จะมาแนะนำคือ ยี่ห้อ แอล-กลูต้าอาโมนิ รุ่น RedFruit

gluta-amoni กลูต้าอาโมนิ redfruit

 

ซึ่งตัวนี้จะไม่ใช่สารกลูต้าไธโอนตรงๆ แต่เป็นตัวตั้งต้นของกลูต้าไธโอน เมื่อทานเข้าไปจะช่วยทำให้ร่างกายสร้างกลูต้าไธโอนได้เองในปริมาณเยอะขึ้น จึงเห็นผลในเรื่องความขาวใส และปลอดภัยมากกว่า

gluta-amoni กลูต้าอาโมนิ redfruit

 

นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายตัว ที่น่าสนใจคือผักผลไม้สีแดงที่ ทำงานควบคู่กัน ทำให้เห็นผลดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวเราขาวใสแบบแข็งแรง เมื่อทานติดต่อกัน 2 เดือน สรุปผลได้ดังนี้

[wpsm_list type=”star”]

  • ปรับสภาพผิวขาวกระจ่างใสขึ้น
  • ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
  • จุดด่างดำ รอยแผลเป็น ลดลง
  • การเกิดสิว ลดน้อยลง
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด

[/wpsm_list]

แอล กลูต้าอาโมนิ รุ่น RedFruit มีส่วนประกอบหลักๆ สำคัญ

[wpsm_list type=”bullet”]

  • สารสกัดจากอะเชโรล่าเชอร์รี่ 808 mg.
  • สารตั้งต้นกลูต้าไธโอน 3 ตัว 364 mg.
  • วิตามินซี
  • สารสกัดจากมะเขือเทศ
  • สารสกัดจากทับทิม
  • สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
  • โคเอมไซม์คิวเท็น
  • สารสกัดจากเปลือกสน…
  • สารสกัดจากผักผลไม้สีแดง

[/wpsm_list]

ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีตัวต้านอนุมูลอิสระเยอะมากๆ และอยู่ในอัตราส่วนที่ร่างกายได้รับพอดี จึ่งเห็นผลค่อนข้างชัดเจนและปลอดภัยค่ะ

สำหรับคนที่มีผิวคล้ำมาก หรือมีปัญหาผิวค่อนข้างมาก อาจจะเห็นผลช้ากว่าปกติ เพราะเจ้าตัวนี้จะไปซ่อมแซมเซลล์เหล่านี้ก่อน จึงค่อยแสดงผลเรื่องความขาวกระจ่างใสค่ะ

gluta-amoni กลูต้าอาโมนิ redfruit gluta-amoni กลูต้าอาโมนิ redfruit

 

ราคาของกลูต้าอาโมนิอยู่ที่  290 บาท บรรจุ 30 เม็ด ซึ่งถือว่าคุ้มค่าและถูกมากๆ ค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจสามารถซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป แต่ต้องระวังหน่อยนะคะ เพราะมีสินค้าปลอมระบาดอยู่ค่อนข้างเยอะ

หรือปรึกษาสอบถามที่บริษัทโดยตรงที่

[wpsm_hidelink text=”http://www.shining.in.th” link=”http://www.shining.in.th”]

[wpsm_hidelink text=”https://www.facebook.com/Shiningcollagen” link=”https://www.facebook.com/ShiningCollagen”]

IG : Shiningcollagen

Line: @Shining1